โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

สั่งจำคุกสามทะลุฟ้าเหตุวางเพลิงซุ้มร. 10 และป้อมจราจรนางเลิ้ง โทษหนักสุดห้าปีสิบวัน

iLaw

อัพเดต 30 พ.ค. 2567 เวลา 13.12 น. • เผยแพร่ 30 พ.ค. 2567 เวลา 13.12 น. • iLaw

วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ศาลอาญานัดคาริม-จิตริน พลาก้านตง มิกกี้บังและแม็ค-สินบุรี นักกิจกรรมทะลุฟ้าฟังคำพิพากษา เดิมคดีนี้มีจำเลยอีกคนหนึ่ง คือ แซม-พรชัย ยวนยี แต่แซมไม่ปรากฏตัวจึงพิจารณาและนัดพิพากษาจำเลยสามคนไปก่อน เหตุสืบเนื่องจากการชุมนุมวันครบรอบ 15 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 มีผู้ชุมนุมอิสระพยายามจะผ่านเข้าไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาลและตำรวจมีการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อผลักดันผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ เวลาไล่เลี่ยกันบริเวณสะพานลอยโรงเรียนราชวินิตมัธยม เวลาไล่เลี่ยกันมีเหตุปาโมโลตอฟขึ้นไปบนสะพานลอยบริเวณซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่สิบและราชินี และการราดน้ำมันวางเพลิงซุ้มดังกล่าวจนไฟลุกทำให้บริเวณตรงกลางถูกไฟไหม้เป็นรอยดำ โดยทั้งหมดยกเว้นแม็ค-สินบุรีถูกกล่าวหาในข้อหาหลักเป็นประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ขณะที่แม็ค-สินบุรีมีข้อหาหลักคือ การวางเพลิงป้อมจราจรแยกนางเลิ้ง

เนื้อหาโดยสรุปของคำพิพากษาคือ ข้อเท็จจริงจากพยานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยทั้งสามเข้าร่วมการชุมนุมในวันเกิดเหตุจึงมีความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในข้อหาตามมาตรา 112 จากการวางเพลิงเผาทรัพย์และการทำให้เสียทรัพย์นั้น กรณีของมิกกี้บัง ศาลรับฟังข้อเท็จจริงว่า เขาไม่ได้เป็นผู้วางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติแต่เป็นผู้พาคนร้ายหลบหนีไป โดยระบุว่า เมื่อตรวจสอบเลขทะเบียนรถจักรยานยนต์พบว่า มีภูมิลำเนาเดียวกันกับมิกกี้บัง รวมทั้งเครื่องแต่งกายที่ตำรวจอ้างว่าตรงกันกับเครื่องแต่งกายของมิกกี้บัง ศาลจึงเชื่อได้ว่ามิกกี้บังอยู่ในเหตุการณ์จริง

ในส่วนของคาริมศาลระบุว่า ตามบันทึกภาพเคลื่อนไหวเห็นว่าชายที่มีรูปพรรณคล้ายคาริมอยู่ในเหตุการณ์เผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ แม้ไม่ได้เป็นคนสาดน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ก็ไม่มีการห้ามผู้ก่อเหตุ อีกทั้งยังมีการถอดเสื้อสวมใหม่แบบกลับตะเข็บเพื่อเป็นการอำพรางตัว ศาลจึงเชื่อว่าบุคคลนั้นคือคาริมและเขามีส่วนรู้เห็นในการกระทำ

ส่วนกรณีการวางเพลิงป้อมจราจร ศาลเห็นว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องมีสองคนคือ แม็คและมิกกี้บัง จากคำให้การของตำรวจมีการตรวจสอบจักรยานยนต์ วันเกิดเหตุแม็คขับรถจักรยานยนต์สีเทา ปิดป้ายทะเบียนไว้ เมื่อไปตรวจสอบพบว่าเป็นคันเดียวที่จอดอยู่ที่บริเวณหน้าร้านแม็คโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในการชุมนุมหลังเกิดเหตุ หลังนำป้ายทะเบียนไปตรวจสอบก็พบว่า เป็นของพ่อของแม็ค จึงเชื่อว่า เป็นผู้ก่อเหตุวางเพลิงป้อมจราจรจริง ขณะที่มิกกี้บังไม่ได้เป็นคนก่อเหตุวางเพลิง แต่ไม่ได้ห้ามปรามหรือดับไฟ จึงเชื่อว่า มิกกี้บังทราบการกระทำของแม็คและเป็นตัวการร่วม

ศาลพิพากษาว่า ทั้งสามมีความผิดและลงโทษจำคุกดังนี้

  • มิกกี้บังจำคุกรวมห้าปีสิบวัน แบ่งเป็นตามมาตรา 112 จากการวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติสามปี วางเพลิงป้อมจราจรสองปีและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯสิบวัน

  • คาริมจำคุกรวมสามปีสิบวัน แบ่งเป็นตามมาตรา 112 จากการวางเพลิงซุ้มเฉลิมพระเกียรติสามปีและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯสิบวัน

  • แม็คจำคุกรวมสองปีสิบวัน แบ่งเป็นตามข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ป้อมจราจรสองปีและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯสิบวัน

เวลาประมาณ 15.30 น. ศาลอาญามีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวทั้งสามระหว่างการอุทธรณ์โดยมิกกี้บังวางหลักทรัพย์ 300,000 บาท คาริม 200,000 บาทและแม็ค 150,000 บาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...