แจงนานาชาติเขมรยิงก่อน พาณิชย์ชี้ไม่กระทบถกภาษี ชายแดนอ่วมทุบไฮซีซั่น
นายกฯอนุทินลั่นไทยทำสิ่งที่ควรทำหลังเปิดปฏิบัติการตอบโต้กัมพูชา ที่ยิงถล่มข้ามชายแดนหลายจังหวัดมาฝั่งไทยก่อน ขณะที่ รมว.ต่างประเทศเร่งทำความเข้าใจนานาชาติ ไทยโดนกระทำก่อนจึงตอบโต้กลับไป รมว.พาณิชย์มั่นใจไม่กระทบเจรจาภาษีสหรัฐ เพราะไทยไม่ได้เริ่มก่อนและชี้แจงกับยูเอ็นแล้ว ภาคเอกชนเชื่อกระทบภาพรวมการค้าไม่มาก เพราะความตึงเครียดเกิดขึ้นมานานแล้ว หอการค้าอีสานห่วงซ้ำเติมเศรษฐกิจ ตราดเซ็งเกิดเรื่องช่วงไฮซีซั่น กังวลลูกค้าต่างชาติ-ไทยที่จองทริป 3 เกาะหลัก เกือบ 100% จะยกเลิก กระทบภาพรวมรายได้กว่า 4.8 พันล้าน
อนุทินลั่นไทยทำสิ่งที่ควรทำ
ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลายจังหวัดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการชี้แจงกับนานาประเทศ เพื่อรับมือการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกมารับฟังคำอธิบาย รวมถึงได้ชี้แจงต่อเวทีสหประชาชาติ ซึ่งท่านมีความชัดเจนอยู่แล้ว ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือทางด้านการทูต เราไม่มีปรุงแต่ง ทุกอย่างเป็นข้อมูลที่เกิดจากความจริง
เมื่อถามว่า ประเทศกัมพูชายังไม่ติดต่อมาเจรจาใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ไม่มีครับ” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่ติดต่อมาหรือเราไม่เจรจา นายกฯกล่าวว่า “ขณะนี้ประเทศไทยดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำ ได้แสดงความเป็นประเทศไทยให้กับผู้ที่คิดไม่ดีกับเราได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นตอนนี้ให้กำลังใจผู้ที่ปกป้องประเทศ และอธิปไตยของเราดีกว่า”
กต.ชี้กัมพูชาเบี่ยงเบนตลอด
ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ชี้แจงกับคณะทูตานุทูตสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อ และมีความจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย พยายามให้เห็นว่าวิธีการของกัมพูชาตลอดมาคือปฏิเสธ เบี่ยงเบน พยายามสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาโดยไม่ตรงกับความเป็นจริง
ไทยยังไม่เปิดประตูเจรจา
นายสีหศักดิ์กล่าวอีกว่า เมื่อได้สื่อสารให้ประชาคมโลกรับทราบแล้ว อีกส่วนหนึ่งฝ่ายไทยต้องทำหนังสือออกไป เชื่อว่าต่างชาติน่าจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อ สำหรับประเทศไทยประตูเจรจายังไม่พร้อม เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นส่วนกรณีที่ทางสหประชาชาติเรียกร้องให้สองประเทศเจรจาให้ชัดเจนนั้น ปัญหาคือจะเจรจาเรื่องอะไร ถ้ากัมพูชายังไม่พร้อมที่จะเจรจา ก็จะกลับไปสู่เรื่องเดิมอีก คือตกลงกันแล้วก็ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลง ดังนั้นก็ขอให้ฝ่ายกัมพูชาพร้อมจริง ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และอุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาพบในฐานะประเทศที่เป็นสักขีพยานการลงนามถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) และมีหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา หนังสือเวียนชี้แจงเหตุการณ์ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ หนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ และหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
“ศุภจี” มั่นใจไม่กระทบภาษีทรัมป์
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีการเจรจาภาษีการค้ากับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่พูดคุยกันไว้ ตอนนี้ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เหมือนเดิม สหรัฐอเมริกายังไม่มีท่าทีอะไรเพิ่มเติมตอบกลับมา หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะแนวชายแดนรอบใหม่ เราได้คุยกับหลายหน่วยงานในประเทศ เพื่อเตรียมตัวทำให้เรื่องนี้จบให้ได้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนสหรัฐอเมริกาจะใช้ประเด็นดังกล่าวมากดดันประเทศไทยหรือไม่ ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะท่าทีของประเทศไทย เราไม่ได้ผิดเลย และเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นด้วย ซึ่งตรงนี้ชัดเจนมากคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศแถลงต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) ก็ถือว่าทำได้ดี และไม่น่ามีคนเข้าใจผิดว่าเราเป็นคนก่อเรื่อง และไม่น่านำเรื่องดังกล่าวมากดดันประเทศไทย ขอย้ำว่าในวันนี้ยังไม่มีท่าทีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังเจรจาเหมือนเดิม
“ดร.พิพัฒน์” หวั่นกระทบไฮซีซั่น
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาที่มีความรุนแรงขึ้นมา แม้ว่าจะยังไม่ได้ประเมินชัดเจน แต่จะเห็นว่าผลกระทบโดยตรงได้เกิดขึ้นแล้ว คือการปิดชายแดนที่กระทบต่อภาคการส่งออก ซึ่งไทยส่งออกไปกัมพูชาที่มีสัดส่วนประมาณ 2-3% ของส่งออกทั้งหมด โดย 70% เป็นการส่งออกชายแดน
“ความขัดแย้งและการสูญเสียคงประเมินไม่ได้ โดยจีดีพีก็จะถูกดิสรัปต์ไป และ On Going ต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เรามีเหตุการณ์น้ำท่วม แล้วก็การสู้รบ เกิดขึ้นในจังหวะช่วงไฮซีชั่น อาจจะกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทย”
วิจัยกสิกรไทยชี้กระทบจำกัด
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา มีผลกระทบจำกัดต่อการเติบโตจีดีพีปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 2% เนื่องจากชายแดนกัมพูชาถูกปิดมาระยะเวลาหนึ่ง ผลกระทบได้เกิดขึ้นแล้ว จึงมองว่าไม่ได้ส่งผลต่อการเติบโตในไตรมาสที่ 4/2568
อย่างไรก็ดี ผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ในการประเมินตัวเลขจีดีพีปี 2569 ซึ่งไทยมีการส่งออกไปกัมพูชาราว 1.2 หมื่นล้านบาท หากสถานการณ์ลากยาวถึงปี 2569 จึงใส่ปัจจัยผลกระทบในปี 2569 ไว้ครึ่งปี โดยคาดการณ์มีผลกระทบต่อภาคการส่งออกประมาณ 0.7% ของภาคการส่งออกรวม หรือคิดเป็น 0.4% ของจีดีพี
“ผลกระทบทางตรง คือ ภาคการส่งออก ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว และท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ชายแดนที่เริ่มเห็นอัตราการเข้าพักแรมต่ำลง และหากปัญหาค้างคาและยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจชายแดนที่จะได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะไม่ได้กระทบภาพรวมทั้งประเทศ แต่ภาคธุรกิจจะลำบากมากขึ้น และธุรกิจที่มีการใช้แรงงานกัมพูชาจะกระทบเช่นกัน รวมถึงไม่เป็นผลดีต่อภาคการลงทุน ทั้งไทยในกัมพูชา หรือประเทศอื่นที่จะเข้ามาในกัมพูชา”
หออีสานห่วงซ้ำเติมธุรกิจ
นายสมชาติ พงคพนาไกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เหตุปะทะครั้งนี้ถือว่ารุนแรงกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้น ส่งผลให้พื้นที่อำเภอติดชายแดนทั้งหมดอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เกือบ 100% ขณะที่ประชาชนเองยังคงขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่เหตุปะทะรอบก่อน ไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว ทำให้สถานการณ์ครั้งนี้อาจยิ่งสร้างความกังวลมากขึ้น
ขณะที่ใกล้เทศกาลปีใหม่ 2569 ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากได้สต๊อกสินค้าเตรียมรับการจับจ่ายใช้สอย แต่เหตุปะทะทำให้เกิดผลกระทบแน่นอน และอาจต้องมีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อยาวนานเพียงใด
เยียวยาด้าน ศก.ยังไม่ชัด
สำหรับมาตรการเยียวยาผลกระทบ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ ทั้งมาตรการด้านภาษี/ค่าธรรมเนียม, มาตรการทางการเงินเพื่อสภาพคล่องผู้ประกอบการ, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/การท่องเที่ยว และมาตรการด้านแรงงาน ยังไม่เยียวยาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเป็นช่วงที่เหตุการณ์สงบ และมีรัฐบาลใหม่ รวมถึงประสบปัญหาน้ำท่วม จึงทำให้ข้อเสนอต่าง ๆ ไม่ได้รับการพิจารณาและเงียบไป
“มาตรการเดิมนั้นเหมาะสมอยู่แล้ว สามารถนำกลับมาใช้เยียวยาครั้งนี้ได้ ขอแค่รัฐบาลทำจริงก็เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เพราะรอบนี้ดูเป็นการโจมตีเพื่อต้องการปิดจบให้เร็ว แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ เชื่อว่ากัมพูชาน่าจะได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากอยู่ในช่วงใช้เงินเก่าอยู่” นายสมชาติกล่าว
ตราดกังวลเลิกจอง 3 เกาะ
นายสัคศิษฎ์ มุ่งการ ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนที่มีการยิงกันที่ ต.ชำราก อ.เมืองตราด จ.ตราด และอพยพประชาชนออกมา กระทบกับการท่องเที่ยวทั้ง 3 เกาะ คือ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก ซึ่งเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่พีกที่สุดของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ผ่านมาจองห้องพักล่วงหน้าแล้วกว่า 90% และส่วนใหญ่ 80% เป็นต่างประเทศ สหรัฐ เยอรมนียุโรป รัสเซีย นักท่องเที่ยวไทย 20% ซึ่งข้อมูลจาก ททท. คาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวทั้ง 3 เกาะในช่วงเดือนธันวาคม มีประมาณ 4,890.2 ล้านบาท
“ตอนนี้ผู้ประกอบการวิตกกังวลกันว่านักท่องเที่ยวจะยกเลิก และสหรัฐเพิ่งแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวเขตอันตราย 50 กิโลเมตร และคาดว่าจะมีประเทศอื่น ๆ อีก ทั้งนี้ต้องดูสถานการณ์ล่าสุดก่อนวันที่ 20 ธ.ค. ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะยกเลิกมากน้อยเท่าไหร่ ตอนนี้ภาคเอกชนธุรกิจท่องเที่ยวต้องพยายามประคับประคองลูกค้าที่จองไว้ โดยสื่อสารผ่านโซเชียล เน้นย้ำสร้างความมั่นใจว่ามาเที่ยวเกาะมีความปลอดภัย แต่จะไม่เชิญชวน”
นางสาวพิชญา ธนชัยอดิทรัพย์ นายกสมาคมโรงแรมรีสอร์ตจังหวัดตราด และเจ้าของโรงแรมเกาะกูดพาราไดซ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาช่วงเดือนธันวาคมจะมียอดจองเกือบ 100% แต่เหตุการณ์ชายแดนครั้งนี้มีผลกระทบมากกว่าครั้งก่อน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศสอบถาม ด้วยบางประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ แจ้งเตือน Travel Warn ทำให้ไม่มั่นใจ ทางโรงแรมได้ยืนยันความปลอดภัยและลูกค้ายังไม่มีการแคนเซิล จึงอยากให้สถานการณ์เข้าสู่ปกติโดยเร็ว
กรุ๊ปประชุม-สัมมนาขอเลื่อน
นางวรารัตน์ โชติวรรณ เลขาธิการสมาคมการค้าตราดเวลเนส และ ผจก.โรงแรมตราดซิตี้ จ.ตราด กล่าวว่า ทันทีที่ข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกาศให้ประชาชนในชายแดนอพยพ แม้ว่าในเขตที่ตั้งโรงแรมอยู่ในตัวเมือง จ.ตราด เป็นโซนปลอดภัย แต่ลูกค้าที่จองกรุ๊ปสัมมนาใหญ่ 2 คณะขอแคนเซิล ชุดแรกในวันที่ 13-14 ธ.ค. ผู้เข้าร่วม 150 คน ห้องพัก 30 คน ชุดที่ 2 คณะผู้เข้าร่วมประชุม 160 คน และยังรอการตัดสินใจของลูกค้าที่มาท่องเที่ยว ดำน้ำ ที่เกาะช้าง ถ้าเป็นช่วงระยะใกล้ ๆ นี้ ลูกค้าจะขอเลื่อนไปก่อน แพลนที่โรงแรมจะจัดงานเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ เตรียมงานไว้แล้วแต่ยังไม่เปิดให้จอง ต้องรอดูสถานการณ์ชายแดนให้เรียบร้อย
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แจงนานาชาติเขมรยิงก่อน พาณิชย์ชี้ไม่กระทบถกภาษี ชายแดนอ่วมทุบไฮซีซั่น
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net