โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

แจงนานาชาติเขมรยิงก่อน พาณิชย์ชี้ไม่กระทบถกภาษี ชายแดนอ่วมทุบไฮซีซั่น

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อนุทิน ชาญวีรกูล

นายกฯอนุทินลั่นไทยทำสิ่งที่ควรทำหลังเปิดปฏิบัติการตอบโต้กัมพูชา ที่ยิงถล่มข้ามชายแดนหลายจังหวัดมาฝั่งไทยก่อน ขณะที่ รมว.ต่างประเทศเร่งทำความเข้าใจนานาชาติ ไทยโดนกระทำก่อนจึงตอบโต้กลับไป รมว.พาณิชย์มั่นใจไม่กระทบเจรจาภาษีสหรัฐ เพราะไทยไม่ได้เริ่มก่อนและชี้แจงกับยูเอ็นแล้ว ภาคเอกชนเชื่อกระทบภาพรวมการค้าไม่มาก เพราะความตึงเครียดเกิดขึ้นมานานแล้ว หอการค้าอีสานห่วงซ้ำเติมเศรษฐกิจ ตราดเซ็งเกิดเรื่องช่วงไฮซีซั่น กังวลลูกค้าต่างชาติ-ไทยที่จองทริป 3 เกาะหลัก เกือบ 100% จะยกเลิก กระทบภาพรวมรายได้กว่า 4.8 พันล้าน

อนุทินลั่นไทยทำสิ่งที่ควรทำ

ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลายจังหวัดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการชี้แจงกับนานาประเทศ เพื่อรับมือการบิดเบือนข้อมูลของกัมพูชาว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เชิญเอกอัครราชทูตทั่วโลกมารับฟังคำอธิบาย รวมถึงได้ชี้แจงต่อเวทีสหประชาชาติ ซึ่งท่านมีความชัดเจนอยู่แล้ว ประเทศไทยมีความน่าเชื่อถือทางด้านการทูต เราไม่มีปรุงแต่ง ทุกอย่างเป็นข้อมูลที่เกิดจากความจริง

เมื่อถามว่า ประเทศกัมพูชายังไม่ติดต่อมาเจรจาใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ไม่มีครับ” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่ติดต่อมาหรือเราไม่เจรจา นายกฯกล่าวว่า “ขณะนี้ประเทศไทยดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำ ได้แสดงความเป็นประเทศไทยให้กับผู้ที่คิดไม่ดีกับเราได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นตอนนี้ให้กำลังใจผู้ที่ปกป้องประเทศ และอธิปไตยของเราดีกว่า”

กต.ชี้กัมพูชาเบี่ยงเบนตลอด

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ชี้แจงกับคณะทูตานุทูตสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อ และมีความจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย พยายามให้เห็นว่าวิธีการของกัมพูชาตลอดมาคือปฏิเสธ เบี่ยงเบน พยายามสร้างเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาโดยไม่ตรงกับความเป็นจริง

ไทยยังไม่เปิดประตูเจรจา

นายสีหศักดิ์กล่าวอีกว่า เมื่อได้สื่อสารให้ประชาคมโลกรับทราบแล้ว อีกส่วนหนึ่งฝ่ายไทยต้องทำหนังสือออกไป เชื่อว่าต่างชาติน่าจะเข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไทยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อ สำหรับประเทศไทยประตูเจรจายังไม่พร้อม เพราะไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นส่วนกรณีที่ทางสหประชาชาติเรียกร้องให้สองประเทศเจรจาให้ชัดเจนนั้น ปัญหาคือจะเจรจาเรื่องอะไร ถ้ากัมพูชายังไม่พร้อมที่จะเจรจา ก็จะกลับไปสู่เรื่องเดิมอีก คือตกลงกันแล้วก็ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลง ดังนั้นก็ขอให้ฝ่ายกัมพูชาพร้อมจริง ๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศเชิญเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และอุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาพบในฐานะประเทศที่เป็นสักขีพยานการลงนามถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) และมีหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชา หนังสือเวียนชี้แจงเหตุการณ์ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ หนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ และหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

“ศุภจี” มั่นใจไม่กระทบภาษีทรัมป์

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีการเจรจาภาษีการค้ากับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่พูดคุยกันไว้ ตอนนี้ยังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่เหมือนเดิม สหรัฐอเมริกายังไม่มีท่าทีอะไรเพิ่มเติมตอบกลับมา หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะแนวชายแดนรอบใหม่ เราได้คุยกับหลายหน่วยงานในประเทศ เพื่อเตรียมตัวทำให้เรื่องนี้จบให้ได้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนสหรัฐอเมริกาจะใช้ประเด็นดังกล่าวมากดดันประเทศไทยหรือไม่ ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะท่าทีของประเทศไทย เราไม่ได้ผิดเลย และเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นด้วย ซึ่งตรงนี้ชัดเจนมากคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศแถลงต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) ก็ถือว่าทำได้ดี และไม่น่ามีคนเข้าใจผิดว่าเราเป็นคนก่อเรื่อง และไม่น่านำเรื่องดังกล่าวมากดดันประเทศไทย ขอย้ำว่าในวันนี้ยังไม่มีท่าทีอะไรเปลี่ยนแปลง และยังเจรจาเหมือนเดิม

“ดร.พิพัฒน์” หวั่นกระทบไฮซีซั่น

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนกัมพูชาที่มีความรุนแรงขึ้นมา แม้ว่าจะยังไม่ได้ประเมินชัดเจน แต่จะเห็นว่าผลกระทบโดยตรงได้เกิดขึ้นแล้ว คือการปิดชายแดนที่กระทบต่อภาคการส่งออก ซึ่งไทยส่งออกไปกัมพูชาที่มีสัดส่วนประมาณ 2-3% ของส่งออกทั้งหมด โดย 70% เป็นการส่งออกชายแดน

“ความขัดแย้งและการสูญเสียคงประเมินไม่ได้ โดยจีดีพีก็จะถูกดิสรัปต์ไป และ On Going ต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เรามีเหตุการณ์น้ำท่วม แล้วก็การสู้รบ เกิดขึ้นในจังหวะช่วงไฮซีชั่น อาจจะกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทย”

วิจัยกสิกรไทยชี้กระทบจำกัด

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา มีผลกระทบจำกัดต่อการเติบโตจีดีพีปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 2% เนื่องจากชายแดนกัมพูชาถูกปิดมาระยะเวลาหนึ่ง ผลกระทบได้เกิดขึ้นแล้ว จึงมองว่าไม่ได้ส่งผลต่อการเติบโตในไตรมาสที่ 4/2568

อย่างไรก็ดี ผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ในการประเมินตัวเลขจีดีพีปี 2569 ซึ่งไทยมีการส่งออกไปกัมพูชาราว 1.2 หมื่นล้านบาท หากสถานการณ์ลากยาวถึงปี 2569 จึงใส่ปัจจัยผลกระทบในปี 2569 ไว้ครึ่งปี โดยคาดการณ์มีผลกระทบต่อภาคการส่งออกประมาณ 0.7% ของภาคการส่งออกรวม หรือคิดเป็น 0.4% ของจีดีพี

“ผลกระทบทางตรง คือ ภาคการส่งออก ซึ่งเกิดขึ้นแล้ว และท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ชายแดนที่เริ่มเห็นอัตราการเข้าพักแรมต่ำลง และหากปัญหาค้างคาและยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจชายแดนที่จะได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะไม่ได้กระทบภาพรวมทั้งประเทศ แต่ภาคธุรกิจจะลำบากมากขึ้น และธุรกิจที่มีการใช้แรงงานกัมพูชาจะกระทบเช่นกัน รวมถึงไม่เป็นผลดีต่อภาคการลงทุน ทั้งไทยในกัมพูชา หรือประเทศอื่นที่จะเข้ามาในกัมพูชา”

หออีสานห่วงซ้ำเติมธุรกิจ

นายสมชาติ พงคพนาไกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เหตุปะทะครั้งนี้ถือว่ารุนแรงกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้น ส่งผลให้พื้นที่อำเภอติดชายแดนทั้งหมดอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เกือบ 100% ขณะที่ประชาชนเองยังคงขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้ ตั้งแต่เหตุปะทะรอบก่อน ไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยว ทำให้สถานการณ์ครั้งนี้อาจยิ่งสร้างความกังวลมากขึ้น

ขณะที่ใกล้เทศกาลปีใหม่ 2569 ผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากได้สต๊อกสินค้าเตรียมรับการจับจ่ายใช้สอย แต่เหตุปะทะทำให้เกิดผลกระทบแน่นอน และอาจต้องมีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อยาวนานเพียงใด

เยียวยาด้าน ศก.ยังไม่ชัด

สำหรับมาตรการเยียวยาผลกระทบ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ ทั้งมาตรการด้านภาษี/ค่าธรรมเนียม, มาตรการทางการเงินเพื่อสภาพคล่องผู้ประกอบการ, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/การท่องเที่ยว และมาตรการด้านแรงงาน ยังไม่เยียวยาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเป็นช่วงที่เหตุการณ์สงบ และมีรัฐบาลใหม่ รวมถึงประสบปัญหาน้ำท่วม จึงทำให้ข้อเสนอต่าง ๆ ไม่ได้รับการพิจารณาและเงียบไป

“มาตรการเดิมนั้นเหมาะสมอยู่แล้ว สามารถนำกลับมาใช้เยียวยาครั้งนี้ได้ ขอแค่รัฐบาลทำจริงก็เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เพราะรอบนี้ดูเป็นการโจมตีเพื่อต้องการปิดจบให้เร็ว แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ เชื่อว่ากัมพูชาน่าจะได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากอยู่ในช่วงใช้เงินเก่าอยู่” นายสมชาติกล่าว

ตราดกังวลเลิกจอง 3 เกาะ

นายสัคศิษฎ์ มุ่งการ ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดตราด กล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนที่มีการยิงกันที่ ต.ชำราก อ.เมืองตราด จ.ตราด และอพยพประชาชนออกมา กระทบกับการท่องเที่ยวทั้ง 3 เกาะ คือ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก ซึ่งเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่พีกที่สุดของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ผ่านมาจองห้องพักล่วงหน้าแล้วกว่า 90% และส่วนใหญ่ 80% เป็นต่างประเทศ สหรัฐ เยอรมนียุโรป รัสเซีย นักท่องเที่ยวไทย 20% ซึ่งข้อมูลจาก ททท. คาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวทั้ง 3 เกาะในช่วงเดือนธันวาคม มีประมาณ 4,890.2 ล้านบาท

“ตอนนี้ผู้ประกอบการวิตกกังวลกันว่านักท่องเที่ยวจะยกเลิก และสหรัฐเพิ่งแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวเขตอันตราย 50 กิโลเมตร และคาดว่าจะมีประเทศอื่น ๆ อีก ทั้งนี้ต้องดูสถานการณ์ล่าสุดก่อนวันที่ 20 ธ.ค. ความมั่นใจของนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะยกเลิกมากน้อยเท่าไหร่ ตอนนี้ภาคเอกชนธุรกิจท่องเที่ยวต้องพยายามประคับประคองลูกค้าที่จองไว้ โดยสื่อสารผ่านโซเชียล เน้นย้ำสร้างความมั่นใจว่ามาเที่ยวเกาะมีความปลอดภัย แต่จะไม่เชิญชวน”

นางสาวพิชญา ธนชัยอดิทรัพย์ นายกสมาคมโรงแรมรีสอร์ตจังหวัดตราด และเจ้าของโรงแรมเกาะกูดพาราไดซ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาช่วงเดือนธันวาคมจะมียอดจองเกือบ 100% แต่เหตุการณ์ชายแดนครั้งนี้มีผลกระทบมากกว่าครั้งก่อน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศสอบถาม ด้วยบางประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ แจ้งเตือน Travel Warn ทำให้ไม่มั่นใจ ทางโรงแรมได้ยืนยันความปลอดภัยและลูกค้ายังไม่มีการแคนเซิล จึงอยากให้สถานการณ์เข้าสู่ปกติโดยเร็ว

กรุ๊ปประชุม-สัมมนาขอเลื่อน

นางวรารัตน์ โชติวรรณ เลขาธิการสมาคมการค้าตราดเวลเนส และ ผจก.โรงแรมตราดซิตี้ จ.ตราด กล่าวว่า ทันทีที่ข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประกาศให้ประชาชนในชายแดนอพยพ แม้ว่าในเขตที่ตั้งโรงแรมอยู่ในตัวเมือง จ.ตราด เป็นโซนปลอดภัย แต่ลูกค้าที่จองกรุ๊ปสัมมนาใหญ่ 2 คณะขอแคนเซิล ชุดแรกในวันที่ 13-14 ธ.ค. ผู้เข้าร่วม 150 คน ห้องพัก 30 คน ชุดที่ 2 คณะผู้เข้าร่วมประชุม 160 คน และยังรอการตัดสินใจของลูกค้าที่มาท่องเที่ยว ดำน้ำ ที่เกาะช้าง ถ้าเป็นช่วงระยะใกล้ ๆ นี้ ลูกค้าจะขอเลื่อนไปก่อน แพลนที่โรงแรมจะจัดงานเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ เตรียมงานไว้แล้วแต่ยังไม่เปิดให้จอง ต้องรอดูสถานการณ์ชายแดนให้เรียบร้อย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แจงนานาชาติเขมรยิงก่อน พาณิชย์ชี้ไม่กระทบถกภาษี ชายแดนอ่วมทุบไฮซีซั่น

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...