กฟผ.ดัน ‘Quick Big Win’ชงก่อสร้าง โซลาร์ลอยนํ้า 348 MW สร้างความยั่งยืนพลังงานระยะยาว
กฟผ. ขานรับนโยบาย Quick Big Win ของ “รมว.พลังงาน” ชงก่อสร้างโซลาร์ทุ่นลอยนํ้า 3 เขื่อนใหญ่ระยะแรกกำลังผลิตรวม 348 เมกะวัตต์ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย ลดปล่อย CO2 หนุน Net Zero
จากนโยบาย “Quick Big Win” ด้านพลังงาน ของ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ยึดหลักการดำเนินงานสำคัญ 3 ด้าน หรือ The Energy Trilemma for Transition Era เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อ “ประชาชนและประเทศ” ทั้งการสร้าง ความมั่นคงทางพลังงาน (Security) พลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (Economics) และพลังงานคาร์บอนตํ่า (Sustainability)
ไม่เพียงสอดคล้องรับนโยบายของรัฐบาลในการ “ลดค่าพลังงาน” และ "ส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด" เพื่อสร้างรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2050
ขณะเดียวกันยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยนํ้า ใน 3 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล, เขื่อนศรีนครินทร์, เขื่อนวชิราลงกรณ ด้วยกำลังการผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะกระตุ้นการลงทุนกว่า 53,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดเทคโนโลยีและ Know-how ภายในประเทศ ส่งผลให้การผลิตไฟฟ้ามีต้นทุนตํ่า พร้อมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์( CO2) ได้อีกกว่า 0.82 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี หรือราว 20.50 ล้านตัน ตลอดระยะเวลา 25 ปี
ล่าสุดมีรายงานว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้นำโครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าของ 3 เขื่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างระยะแรก รวมกำลังผลิต 348 เมกะวัตต์ เสนอไปยังสำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สนพ.) พิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ในการอนุมัติการก่อสร้าง ตามนโยบาย “Quick Big Win” ด้านพลังงาน
ทั้งนี้ การดำเนินงานดังกล่าว สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การลงทุนในระยะ 5 ปี ( 2568-2572) ของกฟผ.ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ในการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน ที่มีเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยนํ้ารวมกำลังผลิต 2,725 เมกะวัตต์ ในปี 2573 จากศักยภาพการติดตั้งของเขื่อนทั่วประเทศที่มีถึง 10,000 เมกะวัตต์
ประกอบกับที่ผ่านมาโครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าของทั้ง 3 เขื่อน กฟผ. ได้เตรียมความพร้อมการดำเนินงานรองรับ โดยทยอยเปิดประกวดราคาก่อสร้างโครงการฯ มาเป็นระยะ แต่ยังไม่สามารถประกาศผู้ชนะการประมูลได้ เนื่องจากต้องรอโครงการผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ก่อน ได้แก่ โครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะที่ 1 กำลังผลิต 140 เมกะวัตต์
รวมถึงโครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าเขื่อนภูมิพล ระยะที่ 1 จ.ตาก ขนาดกำลังผลิต 158 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าต่อเนื่องที่เขื่อนวชิราลงกรณ ระยะที่ 1 ขนาดกำลังผลิต 50 เมกะวัตต์
ทั้ง 3 โครงการคาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2570 รวมกำลังการผลิตทั้ง 3 โครงการ 348 เมกะวัตต์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 14,000 กว่าล้านบาท ที่จะต้องเร่งเสนอให้ ครม. ชุดปัจจุบันอนุมัติการก่อสร้างตามนโยบาย “Quick Big Win” ก่อนที่จะทยอยก่อสร้างต่อไป
“ที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดำเนินโครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าไปแล้ว 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 45 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อ ปี 2564 และเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 24 เมกะวัตต์ จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์เมื่อ ปี 2567”
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยนํ้านี้ เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์สำคัญของ กฟผ. ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ซึ่งใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยนํ้าในอ่างเก็บนํ้าของเขื่อน เป็นการใช้โครงสร้างและอุปกรณ์หลักร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังนํ้าที่มีอยู่เดิม ช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาที่เหมาะสม ช่วยลดการนำเข้าก๊าซ LNG ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพงได้
นอกจากนี้ การติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ใช้พื้นที่เพียงไม่ถึง 1% ของพื้นที่ผิวนํ้าในอ่างเก็บนํ้า จึงไม่กระทบต่อการทำประมง การสัญจรทางนํ้า และการใช้ประโยชน์จากพื้นที่นํ้าภายในเขื่อนยังช่วยลดการใช้พื้นที่ทางการเกษตรได้อีกทางหนึ่ง
โครงการโซลาร์ทุ่นลอยนํ้าของ กฟผ. นั้น ดำเนินงานด้วยความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางผังพื้นที่ โดยคำนึงถึงทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อม รอบ ๆ เขื่อน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่เป็นแผงเซลล์แสงอาทิตย์แบบดับเบิลกลาส (Double Glass) ที่มีคุณสมบัติเป็นกระจกทั้งสองด้าน ช่วยป้องกันความชื้นซึมเข้าสู่แผง ป้องกันสิ่งปนเปื้อนลงสู่แหล่งนํ้า และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ขณะที่ทุ่นลอยนํ้าผลิตจากวัสดุ HDPE (High Density Poly Ethylene) ซึ่งเป็นวัสดุเดียวกับท่อส่ง นํ้าประปา จึงปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม แผงเซลล์แสงอาทิตย์ยังได้รับการติดตั้งให้มีความลาดชัน เอื้อให้แสงและออกซิเจนสามารถผ่านลงสู่ใต้นํ้าจึงไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพนํ้า หรือการดำรงอยู่ของสัตว์นํ้าในพื้นที่ อีกทั้งตัวแผง ฯ ยังมีส่วนช่วยลดการระเหยของนํ้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าของเขื่อน
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยนํ้าของ กฟผ.ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ แต่เป็นก้าวสำคัญเพี่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนพลังงานและรับมือกับราคาพลังงานที่ผันผวน พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน ด้วยการผสานเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าสูงสุด ควบคู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน และมีส่วนสนับสนุนในการบรรลุปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ของประเทศได้