“บิ๊กเต่า” ยัน พยานหลักฐานแน่น ทั้ง คลิปเสียง-วีดีโอภาพ หลัง ’บิ๊กโจ๊ก‘ถูกกล่าวหามอบทองสินบน ป.ป.ช.
“บิ๊กเต่า” ยัน พยานหลักฐานแน่น ทั้ง คลิปเสียง-วีดีโอภาพ หลัง ’บิ๊กโจ๊ก‘ถูกกล่าวหามอบทองสินบน ป.ป.ช. ด้าน พยาน เก็บกด เหตุ ถูกกระทำ ถูกลงไม้ลงมือ-ถูกเอาปืนจี้หัว พร้อมแนบใบรับรองแพทย์ ชี้ สตช. ยึดหลักการบังคับใช้กฎหมาย จ่อ แถลงใหญ่ 5 ม.ค. 69
วันที่ 31 ธ.ค. 68 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แถลงชี้แจงกรณีข้อสงสัยเกี่ยวกับการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐในการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังมีหลายประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม โดยระบุว่า ทางด้านผู้บัญชาการติดภารกิจสำคัญ จึงมอบหมายให้ตนเป็นตัวแทนชี้แจงข้อเท็จจริงเบื้องต้นต่อสื่อมวลชนและประชาชน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวถึงเรื่องที่เข้ามาสู่พนักงานสอบสวนเป็นชุดสืบของ ตร. นำพยานหลักฐานทั้งหมดมามอบให้กับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้ง คลิปวิดีโอภาพถ่าย รวมถึงคลิปไลน์ ซึ่งก่อนที่จะมอบให้เราค่อนข้างที่จะดูในเรื่องของรายละเอียดข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่มามอบให้เป็นพยานหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ และจะสามารถเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ที่ถูกกล่าวหาได้หรือไม่
รวมถึงผู้ที่นำพยานหลักฐานมามอบให้เป็นคนที่น่าเชื่อถือหรือไม่ ซึ่งเราได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเราก็มั่นใจในพยานหลักฐานเพราะว่ามีทั้งคลิปวิดีโอจำนวนหลายคลิป มีคลิปเสียงพยานเอกสารหลักฐานการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างที่จะครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีพยานหลักฐานอีกหลายเรื่องที่เราจะต้องค้นหา ในตอนนี้พยานหลักฐานที่อยู่ในมือพนักงานสอบสวนมีน้ำหนักเพียงพอที่จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายได้
เมื่อถามว่าคลิปและภาพนิ่งชี้ชัดว่าจะเอาผิดได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าในนามของพนักงานสอบสวนมีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและมันมีเหตุผลและน้ำหนักเพียงพอ
เมื่อถามว่าการได้มาของหลักฐานทางคนสนิทของอดีต รอง ผบ.ตร. เป็นผู้นำมาให้หรือทางเจ้าหน้าที่เป็นผู้ประสานให้นำหลักฐานพยานมามอบให้กับพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตนได้รับข้อมูลข้อมูลทั้งหมดมาจากชุดสืบสวน และเราสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไว้จำนวนมาก
เมื่อถามว่ามีหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ว่าเป็นคำสั่งจากอดีต รองผบ.ตร. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เราได้สอบปากคำอีกส่วนหนึ่งเพิ่มเติม จากงานสืบเรายืนยันว่าการยืนยันของผู้กล่าวหาระบุตัวตนชัดเจนและเป็นคนใกล้ชิด รวมถึงมีหลักฐานอื่นมาประกอบเราดูถึงแผนธุรกรรมต่างๆของกลุ่มผู้ต้องหาที่กระทำไว้ ในรายงานสืบสวนและการสอบปากคำซึ่งผู้ต้องหากลุ่มนี้ ถ้าพยายามที่ไม่ปรากฏตัวตนแต่จะพยายามใช้คนอื่นที่จะดำเนินการแทน เพราะฉะนั้นแม้กระทั่งการจับกุมสามารสังเกตุได้จะว่าไม่มีการลงลายมือชื่อ แต่จะเหมือนเงาอยู่เฉยๆ แต่สิ่งที่ได้มาวันนี้คือพยานมันสมเหตุสมผลไปยังผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จริงๆ ในเรื่องนี้เป็นอย่างไรรวมถึงคลิปวิดีโอประกอบเราจึงเชื่อมั่นในพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีที่ตอนนี้ที่มีรายงานว่าคนสนิทอดีต รองผบ.ตร.เข้ามาเป็นพยานให้กับผู้ถูกกล่าวหานั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า พยานที่เข้ามาที่สอบมีหลายปากแต่เราขอปิดไว้ไว้ก่อนเพราะเดี๋ยวจะกระทบต่อรูปคดี เพราะเป็นเรื่องของความปลอดภัยของพยาน
เมื่อถามว่าพยานถูกกลุ่มตำรวจโน้มน้าวหรือหลอกให้มาให้ข้อมูล พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ถ้าเราให้ความเป็นธรรมกับสองฝ่าย เรารู้ว่าพยานกลุ่มนี้หรือพยานกลุ่มที่ผ่านๆมา เคยได้ยินข่าวซ้อมทรมาน ตำรวจ 17 คน และเป็นประเด็น โดยกลุ่มคนกลุ่มนี้ที่เป็นพยานก็โดนในลักษณะนี้เหมือนกันไม่ต่างกันเพราะฉะนั้นกลุ่มคนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเราก็รับฟังเพราะในช่วงเวลาที่มีการทำงานอยู่ร่วมกัน เกิดอะไรขึ้นบ้าง มีการทำร้ายร่างกายกันหรือไม่ มีการบังคับขู่เข็ญ หรือการข่มขู่และมีการทำงานในลักษณะที่โยนความผิดและเอาตัวเองรอด เพราะฉะนั้นกลุ่มคนกลุ่มนี้เดินให้ข้อเท็จจริงไม่ได้มีโน้มน้าว การชักจูงหรืออะไรทั้งสิ้น ทั้งหมดเรายังมองว่าเขาเป็นผู้ถูกกระทำหรือไม่แต่เราไม่ได้ไปเข้าข้างใครเพราะเราสอบปากคำและเห็นปากคำที่เขาให้มา เพราะฉะนั้นยืนยันว่าเราขอดูพยานหลักฐานภาพรวมทั้งหมด ก่อนที่จะสรุปแล้วทำเรื่องนี้อย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อส่ง ป.ป.ช. ในการที่จะไปดำเนินการในขั้นตอนตามกฏหมายต่อไป
เมื่อถามว่าการคุ้มครองพยานหลักฐานนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่าวันนี้พยานทุกคนที่ออกมาเขาเก็บกด เขาถูกกระทำ หลายคนถูกลงไม้ลงมือ หลายคนถูกเอาปืนจี้หัว เราต้องพูดกันตามข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเพราะว่ามีใบ รับรองแพทย์ด้วย แต่จะมีการดำเนินเรื่องนี้อยู่หรือไม่ ก็ต้องรอดูเพราะมีพยานบางคนยังสองจิตสองใจอยู่ แต่ในตอนนี้ข้อเท็จจริงที่ได้มาสามารถที่จะให้เห็นคดีนี้หรือคดีต่างๆที่เกิดขึ้นมาชัดเจนขึ้น และเราพยามทำเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน จึงอยากขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนเชื่อมั่นในคณะทำงานของเรา และเราจะไม่ทำเรื่องนี้ให้เป็น ‘มวยล้มต้มคนดู’ อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าถ้าหากพยานหลักฐานที่ออกมาให้ข้อมูลบอกว่าตนเองเคยถูกทำร้ายร่างกายจะมีผลต่อรูปคดีหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เราอยากดูพยานหลักฐานทั้งหมดก่อนเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และกำลังไล่สอบประเด็นต่างๆให้ครบถ้วนสมบูรณ์
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐมีความละเอียดอ่อนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย แต่วันนี้เรากำลังดำเนินการเพราะมีคนมาร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดี เรากำลังเดินหน้าไปตามกระบวนการ ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐจะมีการส่งเรื่องนี้เข้าไปที่ ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. มีความเห็นว่าจะ ส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการอะไรหรือจะส่งกลับมาให้ทางเราดำเนินการ แต่ในส่วนของเราเรากำลังทำหน้าที่ของเราที่มีผู้กล่าวหาและเรากำลังรวบรวมพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่ามีแนวโน้มที่จะได้เรียกผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นพลเรือนรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า พวกเราออกหมายเรียกไปแล้วเราแจ้งข้อกล่าวหาไปสองคน และหมายเรียกไปอีก 3 คน ส่วนทาง ป.ป.ช. ให้ไปดำเนินการเองเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ (ป.ป.ช.) จะมีขั้นตอนการดำเนินคดีเฉพาะ โดยเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น จะส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อให้ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระตามกฎหมาย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวสรุปรายละเอียดสำคัญของคดีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงประมาณวันที่ 5 มกราคม 2569 โดยจะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลงรายละเอียดด้วยตนเอง
เมื่อถามถึงข้อเปรียบเทียบมาตรฐานการดำเนินคดีระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือรังแกใคร ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่