โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

รีวิว ‘แมนสรวง’ ความทะเยอทะยานที่วงการภาพยนตร์ไทยต้องการ

TODAY

อัพเดต 25 ส.ค. 2566 เวลา 21.11 น. • เผยแพร่ 25 ส.ค. 2566 เวลา 14.11 น. • workpointTODAY

รีวิว ‘แมนสรวง’ ความทะเยอทะยานที่วงการภาพยนตร์ไทยต้องการ

ถึงเราจะได้เห็นภาพยนตร์และละครพีเรียดอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลายปีมานี้ แต่ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นภาพยนตร์ political thriller ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะทำ โดยเฉพาะเมื่อรวมร่างกันเป็นพีเรียด สืบสวน การเมือง บวกกับการนำศิลปะไทยอย่างการรำมาใส่ไว้เป็นตัวชูโรง ยิ่งทำให้ ‘แมนสรวง’ เป็นภาพยนตร์ที่เราตื่นเต้นที่จะชมตั้งแต่เปิดตัวมา และหากไม่ใช่ ปอนด์ กฤษดา วิทยาขจรเดช จากบีออนคลาวด์มาทำ ก็คงยากที่จะได้เห็นภาพนี้บนจอ และเมื่อชมภาพยนตร์ความยาวสองชั่วโมงจบลงเราก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่ว่าจะอย่างไร ‘แมนสรวง’ คือความเสี่ยงที่ภาพยนตร์ไทยต้องการ

เรื่องย่อ ‘แมนสรวง’

ใน ‘แมนสรวง’ สถานบันเทิงที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุคสำหรับการสังสรรค์และเจรจาธุรกิจลับ ๆ ของผู้มีอำนาจจากหลายเชื้อชาติ เขม (รับบทโดย) และว่าน (รับบทโดย) ต้องตกกระไดพลอยโจนเข้ามาสืบหาเอกสารลับในที่แห่งนี้ ซึ่งทำให้เขมได้พบกับฉัตร (รับบทโดย) นักดนตรีผู้เล่นตะโพนอยู่ในวง ทำให้มิตรภาพของพวกเขาเกิดขึ้นมา ระหว่างที่ภารกิจดำเนินไปโดยมีชีวิตและอนาคตของประเทศในช่วงผลัดแผ่นดินเป็นเดิมพัน

สิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดของแมนสรวงคือความกล้าหาญของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาภาพยนตร์สืบสวนการเมืองแนวที่แทบจะไม่ได้พบในบ้านเรามาสร้าง การนำเอารำไทยซึ่งผู้ชมรุ่นใหม่อาจจะรู้สึกว่าเข้าถึงได้ยากมาเป็นโจทย์ ในยุคที่ผู้ชมถูกชี้จากภาพยนตร์และละครหลาย ๆ เรื่องว่าอดีตคือทางหนีสู่โลกแห่งความฝัน หรือการใช้ฉากหลังย้อนยุคเป็นเพียงการสร้างความแปลกใหม่อย่างหนึ่ง ‘แมนสรวง’ ก็เข้ามาเสนอให้เห็นว่าการใช้อดีตเพื่อสะท้อนและวิจารณ์เหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน เหมือนกับละครเชกสเปียร์ที่ถึงจะเล่าเรื่องอดีตก็ยังเห็นเงาของปัจจุบันในนั้น อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินความเข้าใจของผู้ชมชาวไทย ด้วยการใช้บทที่เข้าใจง่ายไม่ต้องตีความซับซ้อน ซึ่งยิ่งมาดูในเวลานี้ยิ่งพอดีกับสถานการณ์เหมือนกับเพิ่งถ่ายเมื่อวาน

อีกสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาและทำงานกับผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง คืองานภาพและงานศิลป์ที่งดงามตั้งแต่ภาพโปรโมทไปจนถึงฉาก มุมกล้อง การจัดแสง การเลือกใช้สี โดยเฉพาะเสื้อผ้าในฉากรำที่ผสมการใช้ผ้าคลุมแบบฝรั่งกับการแต่งตัวแบบไทยได้อย่างลงตัว สมกับที่ได้ นักรบ มูลมานัส ศิลปินที่ขึ้นชื่อเรื่องงานคอลลาจนำเอาวัฒนธรรมต่าง ๆ มาจัดวาง

อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการแสดงที่สัมผัสได้ถึงความตั้งใจและทุ่มเทของนักแสดงทุกคน และการตั้งใจรวมเอานักแสดงฝีมือเยี่ยมหลายคนที่แทบจะไม่เคยเห็นนอกวงการละครเวทีเข้าไว้ด้วยกันซึ่งทำให้การแสดงโดยรวมของเรื่องนั้นมีรสชาติขึ้นมาก ด้านนักแสดงนำอย่าง อาโป ณัฐวิญญ์ ในบทเขมที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องก็โชว์ท่ารำได้สวยงาม บาส อัศวภัทร์ กับการแสดงของเขาที่ชวนให้เสียดายที่ไม่ได้เห็นบทบาทของว่านซึ่งมีปมมากมายมากกว่านี้ ส่วน มาย ภาคภูมิ และ ต๋อง ธนายุทธ ก็มอบชีวิตให้กับบทอย่างเต็มความสามารถ แต่คนที่ทำให้ละสายตาไม่ได้มากที่สุดคือ คานธี วสุวิชย์กิต ในบท ‘พระยาวิเชียรเดช’ ที่ถ่ายทอดบทออกมาได้เป็นอย่างดี

ที่จริงแล้วสิ่งที่น่าเสียดายของเรื่องนี้มีหลายจุด ทั้งการใช้ฉากหลังที่เป็นโรงละครน้อยไปหน่อย ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่าคงจะดีถ้าหากได้เห็นการสืบสวนของเรื่องถักร้อยไปกับโชว์ในโรงมหรสพ ของเขมมากกว่านี้ก็คงจะดี หรือเหตุการณ์และเหตุผลของตัวละครต่าง ๆ จะดูง่ายเกินไปบ้าง แต่ผลงานที่ออกมาก็แสดงให้เห็นว่าผู้กำกับทั้งสามและผู้ตัดต่อแมนสรวงนั้นทราบถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของภาพยนตร์เป็นอย่างดี และสามารถทำเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มาสู่หน้าจอ

ทุกวินาทีที่ดูเราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและทะเยอทะยานของภาพยนตร์ที่จะเป็นความเปลี่ยนแปลงและทำให้ภาพยนตร์ไทยไปไกลกว่าที่เคย เมื่อแมนสรวงเข้าโรงเราถึงจะทราบคำตอบว่าความพยายามครั้งนี้สำเร็จหรือไม่ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพลังงานและความทะเยอทะยานที่จะสร้างความแตกต่างนี้เป็นสิ่งที่วงการบันเทิงไทยต้องการอย่างที่สุด และหากแมนสรวงประสบความสำเร็จด้านรายได้ก็มีลุ้นว่าเราอาจจะได้กลับไปเห็นยุคที่ภาพยนตร์ไทยมีอะไรแปลกใหม่ให้ดูกันมากว่าสิ่งที่ติดอยู่ในใจผู้ชมชาวไทยมานานว่าหนังไทยนั้นมีแค่ หนังตลก หนังรัก และหนังผี เสียที

ชม ‘แมนสรวง’ ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...