โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กมธ.ชายแดนใต้ แถลงการณ์เรียกร้องเร่งนำตัวจำเลยคดีตากใบส่งศาล

The Reporters

อัพเดต 17 ต.ค. 2567 เวลา 10.10 น. • เผยแพร่ 17 ต.ค. 2567 เวลา 10.10 น.

กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ แถลงการณ์เรียกร้องเร่งนำตัวจำเลยคดีตากใบส่งศาล หวั่นส่งผลกระทบวงกว้าง

วันนี้ (17 ต.ค. 67) นางสาวพรรณิการ์ วานิช และนายฮานาฟี หมีนเส็น โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษา และเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร อ่านแถลงการณ์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตากใบ โดยระบุว่า

การสลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุม 7 ราย และเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหารอีก 78 ราย รวมเป็น 85 ราย นับเป็นคดีที่เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในความขัดแย้งชายแดนใต้และสร้างความรู้สึกไม่ไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลอย่างลึกซึ้ง

แม้ว่ารัฐบาลจะได้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้สูญเสีย โดยมีการกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2549 และมีการจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2555 แต่ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา การดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนในเหตุการณ์กลับไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

คดีที่มีผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่หน้าสภ.ตากใบ ถูกอัยการระงับการสอบสวนไปเมื่อปี 2549 เนื่องจากไม่พบตัวผู้กระทำผิด และคดีการเสียชีวิตระหว่างการขนย้ายผู้ชุมนุมไปค่ายอิงคยุทธฯ ก็ยุติการดำเนินคดีไปเมื่อปี 2552 โดยตำรวจ สภ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี ลงความเห็นว่าเหตุและพฤติการณ์ที่ตายของผู้ตายทั้ง 78 ราย เกิดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามหน้าที่ มิได้เป็นผลแห่งการกระทำความผิดอาญา

ในปี 2566 คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรได้ติดตามความคืบหน้าในการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้สูญเสีย นำมาสู่การรื้อฟื้นคดีอาญาเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แบ่งเป็น 2 คดีด้วยกัน

คดีแรก ตำรวจภูธรภาค 9 ตั้งคณะทำงานของพนักงานสอบสวนเพื่อทำสำนวนคดีขึ้นมาใหม่ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 8 อัยการสั่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา คดีที่สอง ญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวฟ้องต่อศาลโดยตรง ศาลจังหวัดนราธิวาสรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่รัฐ 7 ราย เป็นจำเลย บัดนี้เหลือเวลาเพียง 8 วันก่อนคดีจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ปรากฏว่าตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ถูกออกหมายจับได้แม้แต่คนเดียว

คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความกังวลอย่างยิ่งว่า หากไม่สามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลได้ก่อนหมดอายุความ จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในอย่างน้อย 3 ระดับ คือ

1.ประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้จะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกปฏิบัติอย่างสองมาตรฐาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอุปสรรคในการสร้างความสมานฉันท์และสันติภาพในพื้นที่ นอกจากนี้คดีตากใบจะเป็นอีกคดีที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิด (impunity) ในสังคมไทย

2.กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอาจนำประเด็นดังกล่าวไปขยายผล และใช้เป็นข้ออ้างก่อเหตุรุนแรง เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจที่มีต่อรัฐบาล นำมาสู่ความสูญเสียในพื้นที่เพิ่มขึ้น

3.อาจเกิดความไม่แน่นอนในสถานะของการพูดคุยสันติสุขระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งมีการพูดคุยสันติสุขรอบใหม่มาแล้วในรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน และยังอยู่ระหว่างการกำหนด
นโยบาย ที่ชัดเจนในการคลี่คลายความขัดแย้งในชายแดนใต้โดยรัฐบาลปัจจุบัน

คณะกรรมาธิการหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้เวลาอันจำกัดที่เหลืออยู่นี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีตากใบ จะดำเนินการอย่างสุดความสามารถในการทำให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อไปตามครรลอง และอำนวยความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ทั้งประชาชนผู้สูญเสีย และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์

คณะกรรมาธิการเห็นว่ารัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมให้กลับคืนมาและ ให้ความยุติธรรมกับผู้สูญเสียทุกคน ด้วยการนำผู้ถูกกล่าวหามาแสดงตนเพื่อพิสูจน์ตนเองต่อศาลตามระบบยุติธรรมต่อไป

และสุดท้าย หากไม่สามารถดำเนินการนำตัวจำเลยมาเข้ากระบวนการได้ทันเวลาก่อนหมดอายุความ คณะกรรมาธิการเสนอให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อผู้เสียหายโดยมีคำแถลงชี้แจงอย่างเหมาะสมและชัดเจน อันจะเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายปมความขัดแย้งในชายแดนใต้และปูทางไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในอนาคต

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...