โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

หลวงยงเยี่ยงครู ศิลปินโขนราชสำนักร.6 ต้องพระราชอาญา (เกือบ) ถูกประหารชีวิตบูชายัญ

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 13 ก.พ. 2566 เวลา 02.28 น. • เผยแพร่ 12 ก.พ. 2566 เวลา 09.15 น.
ภาพประกอบเนื้อหา - นางสาวเสงี่ยม นาวีเสถียร และนายวง กาญจนวัจน กรมมหรสพ (ภาพจาก ละครฟ้อนรำ ประชุมเรื่องละครฟ้อนรำกับระบำเต้น)

ดังที่ทราบกันดีแล้วว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงมีคณะโขนหลวงอยู่ในกรมมหรสพ ศิลปินโขนที่มีฝีมือจะได้รับพระราชทานยศศักดิ์ตามบทบาทที่เล่นอยู่เป็นประจำ หรือตามลักษณะลีลาการร่ายรำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น หลวงถวายกร หลวงฟ้อนถูกแบบ หลวงแยบเยี่ยงคง หลวงยงเยี่ยงครู ฯลฯ

ศิลปินโขนที่น่ากล่าวถึงผู้หนึ่งคือ หลวงยงเยี่ยงครู (จิ๋ว รามนัฏ) เป็นตัวโขน ผู้มีฝีมือในการร่ายรำบทตัวพระและได้เล่นเป็นตัวพระรามประจำ ถึงขนาดพระราชทานนามสกุลให้ว่า รามนัฏ และเนื่องจากมีความสามารถรำได้เสมอกับครูผู้สอน จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นหลวงยงเยี่ยงครู นับว่าเป็นโขนตัวโปรดที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในระดับแถวหน้าเลยทีเดียว

เสวกโทจมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันท์) ได้เล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่ง หลวงยงเยี่ยงครูกระทำความผิดใดไม่ ปรากฏหลักฐาน แต่ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกริ้วถึงขนาดรับสั่งให้นำตัวไปจองจำขังสนม หมายถึง ความผิดที่ใช้เฉพาะคนใกล้ชิดและมีพระราชประสงค์จะทรงลงพระราชอาญาด้วยพระองค์เอง จึงกำหนดจะกระทำการในพิธีไหว้ครูโขนละครซึ่งเคยจัดเป็นประจำทุกปี

หมายกำหนดการเดือนกันยายน พ.ศ. 2456 จัดพิธีไหว้ครู ณ โรงละครพระตำหนักจิตรลดา พระราชวัง ดุสิต โดยตั้งกิจพิธีอย่างยิ่งใหญ่ มีการอัญเชิญศีรษะครูประทับเรียงลำดับบนอัฒจันทร์พร้อมเครื่องเซ่นสังเวย วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงหน้าพาทย์อันศักดิ์สิทธิ์กระหึ่มไปทั้งโรงพิธี ศิลปินโขนและผู้เข้าร่วมพิธีแต่งกายด้วยเสื้อขาวนุ่งโจงกระเบนเหมือนกันหมด ทำให้งานในวันนั้นดูน่าศรัทธายิ่งนัก

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้เจ้าพนักงานสนมพลเรือนจับตัวหลวงยงเยี่ยงครูมามัดไว้ด้วยด้ายดิบผูกติดกับเสาทาสีแดงยอดเสา ทาสีทองที่ทำไว้กลางโรงละคร และมัดในลักษณะที่ เตรียมจะถูกประหารชีวิตตามแบบแผนโบราณ

พระยานัฏกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต) เจ้ากรมโขนหลวงได้รับมอบหมายให้เป็นพ่อครูฤาษี โดยแต่ง กายด้วยชุดขาวสวมศีรษะฤาษีงามสง่าน่าเกรงขาม โดยปกติเมื่อพ่อแก่เดินทางเข้าสู่โรงพิธี วงปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงพราหมณ์เข้า แต่ครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งให้บรรเลงเพลงพระพิราพรอน ซึ่งเป็นเพลงที่ถือกันว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในกระบวนเพลงหน้าพาทย์

เมื่อพระยานัฏกานุรักษ์รำจบท่าแล้วก็นั่งลงบนก้นขันสาครใหญ่ ปี่พาทย์ยังคงบรรเลงเพลงหน้าพาทย์ต่อไป ขณะนั้นเองพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จลุกขึ้นประทับยืนด้วยพระอิริยาบถกริ้วกราดเต็มพระกำลัง พระหัตถ์คว้าพระแสงดาบแล้วแสดงท่าร่ายรำเพลงดาบพร้อมทั้งพระราชดำเนินตรงมาที่หลวงยงเยี่ยงครูถูกมัดอยู่

ผู้ที่นั่งอยู่ในโรงพิธีต่างอกสั่นขวัญหายเมื่อพระองค์ท่านทรงประกาศด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า

“หลวงยงเยี่ยงครูมีความผิดต้องรับพระราชอาญา ถูกประหารชีวิตบูชายัญ ณ บัดนี้”

ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างตะลึงงันเงียบกริบ หลวงยงเยี่ยงครูก้มหน้าคอตกด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแกว่งพระแสงดาบฉวัดเฉวียนในท่าพรหมสี่หน้าอันเป็นท่าครูแล้วย่างสามขุมเข้าวงไม้ที่เรียกว่าท่าไม้หนึ่งไม้สอง ปี่พาทย์เริ่มบรรเลงเพลงรำดาบเพื่อให้เข้ากับท่ารำ พอเปลี่ยนเป็นเพลงแปลงก็ทรงย่างพระบาทเข้าไปจนถึงตัวหลวงยงเยี่ยงครู แล้วทรงเงื้อพระแสงดาบสุดพระพาหา ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นหัวใจแทบหยุดเต้น

บัดเดี๋ยวนั้น พระยานัฏกานุรักษ์ก็ร้องขึ้นว่า “ช้า ช้า มหาบพิตร ทรงหยุดไว้ก่อน”

ทุกคนพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงร้องห้ามของพระครูฤาษี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับยืนนิ่งด้วยพระพักตร์และอิริยาบถดุษณี พระครูฤาษีออกท่ารำดำเนิน ไปเข้าเฝ้าแล้วถวายพระพรวิงวอนต่อไปว่า

“ดูกร มหาบพิตรผู้ทรงพระคุณธรรมอันประเสริฐ มันผู้นี้ (ชี้มือไปที่หลวงยงเยี่ยงครู) มีความผิดชั้นอุกฤษฏ์โทษ แต่มันเป็นศิษย์อาตมาที่ทำไปก็ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา อาตมาขอพระราชทานอภัยเสียเถิด ขอพระราชทานชีวิตไว้เพื่อจักได้เป็นมิ่งขวัญอันศุภมงคลแก่พระราชพิธีต่อไป ขอถวายพระพร

ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำรัสตอบว่า“พระคุณเจ้าผู้บรมครู รูปขอถวายชีวิตมันผู้นี้แด่พระคุณเพื่อบูชาคุณ ณ กาลบัดนี้” ทรงผินพระพักตร์ไปทางหลวงยงเยี่ยงครู“มึงจงคิดถึงคุณครูตราบเท่าชีวิตของมึง ราชมัลปล่อยตัวเป็นอิสระไปได้ และให้มันรำเพลงถวายครู”

จากนั้นก็พระราชทานพระบรมราโชวาทตามสมควร พนักงานสนมพลเรือนแก้มัดให้ หลวงยงเยี่ยงครูทรุดลงนั่งถวายบังคม แล้วร้องไห้ด้วยความตื่นตัน จากนั้นจึงคลานเข้าไปกราบที่เท้าพระครูฤาษี พ่อแก่พูดปลอบโยนให้โอวาทแล้วสั่งให้ลุกขึ้นรำเพลงช้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พนักงานเข้ามาประคบ ประหงมนวดทาแข้งขาด้วยน้ำมันพอสมควรแล้ว ปีพาทย์ทำเพลงหน้าพาทย์ หลวงยงเยี่ยงครูลุกขึ้นนั่งคุกเข่าประนมมือในท่าเทพนม กระทบจังหวะแล้วออกท่ารำก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนรำเพลงช้าต่อไปอย่างสุดฝีมือ

ผู้ที่นั่งดูอยู่ในพิธีต่างรู้สึกโล่งใจเมื่อทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแอบนัดแนะกับพระยานัฏกานุรักษ์มาก่อนแล้วว่าจะแสดงท่าประหารลงโทษข้าราชบริพารผู้นี้และเป็นไปอย่างอกสั่นขวัญหายโดยไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน

เมื่อทุกคนได้ดูลีลาท่ารำของหลวงยงเยี่ยงครูแล้วต่างชื่นชมว่ารำได้งามสมกับเป็นตัวพระราม และตรงกับที่ได้รับพระราชทานนามสกุลว่า รามนัฏ จริง ๆ

ในกาลต่อมา หลวงยงเยี่ยงครูอยู่ถวายรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทด้วยความจงรักภักดีเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์บทละครและจัดแสดง มักจะทรงเลือกให้หลวงยงเยี่ยงครูรับบทตัวเอกเสมอ เช่น เป็นตัวพระอิศวร ในเรื่องพระคเณศร์เสียงา เป็นตัวท้าวทุษยันต์ ในเรื่องศกุนตลา เป็นตัวท้าวชินเสน ในเรื่องท้าวแสนปม เป็นตัวพระร่วง ในเรื่องพระร่วง เป็นตัวธรรมะเทวบุตร ในเรื่องธรรมาธรรมะสงคราม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา ซึ่งเป็นเครื่องรับรองว่า เป็นศิลปินผู้มีฝีมือด้านนาฏศิลป์เยี่ยมยอด

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต ข้าราชการศิลปินโขนก็หมดร่มโพธิ์ร่มไทรที่เคยอาศัยพำนักทันที พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีประกาศยุบกรมมหรสพและปลดศิลปินออกจากราชการทั้งหมด เหล่าตัวโขนต่างปรับทุกข์กันเตรียมเก็บข้าวของไปหาที่อยู่ใหม่ บางคนพอมีญาติพี่น้องในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดก็ไปขออาศัยพักพิงก่อนแล้วค่อยหาลู่ทางทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองต่อไป

หลวงยงเยี่ยงครูใช้ชีวิตอย่างสงบในบ้านหลังเล็ก ๆ และมีความสุขตามอัตภาพโดยไม่ขอพูดหรือเล่าเรื่องการแสดงนาฏศิลป์ในอดีตให้ใครฟัง แม้ภายหลังจะมีผู้มาชักชวนให้ท่านไปเป็นครู ท่านก็ปฏิเสธ และขอปิดฉากชีวิตการแสดงที่เคยรุ่งเรืองในบทของพระเอกประจำราชสำนักแต่เพียงเท่านั้น

เมื่อท่านถึงแก่อนิจกรรมในเดือนกันยายน 2518 วิชาความรู้ด้านนาฏศิลป์ทั้งกลวิธี ลีลาท่ารำ อันเป็นแบบแผนของโขนตัวพระได้ตายไปกับตัวท่านโดยมิได้มีผู้ใดรับการถ่ายทอดไว้แม้แต่ผู้เดียว

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

หนังสืออ้างอิง :

อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหลวงยงเยี่ยงครู (จิ๋ว รามนัฎ), 2518.

อนุสรณ์ “ศุกรหัศน์” เสวกโทจมื่นมานิตย์นเรศ (เฉลิม เศวตนันท์), 2500.

ธนิต อยู่โพธิ์. โขน. 2511.

หมายเหตุ : คัดเนื้อหาจากบทความ “เมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงลงพระราชอาญาแก่ศิลปินโขน” เขียนโดย ฉัตรชัย ว่องกสิกรณ์ ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับพฤษภาคม 2544

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 สิงหาคม 2563

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...