โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

คบผู้ใหญ่หมาไม่กัด

นิยาย Dek-D

อัพเดต 13 พ.ย. 2566 เวลา 15.42 น. • เผยแพร่ 13 พ.ย. 2566 เวลา 15.42 น. • เมษาริน
จากเจ้าของโรงกลั่นสุรายี่ห้อบางแก้ว ศฎิลจับพลัดจับผลูกลายเป็นผู้ใหญ่บ้าน ว่านแพรไม่ชอบศฎิล หนึ่งเสียงของเธอไม่เลือกเขาด้วยซ้ำ เพราะอะไรหรือ…เพราะสุนัขพันธุ์บางแก้วของเขาเคยกัดเธอน่ะสิ

ข้อมูลเบื้องต้น

จากเจ้าของโรงกลั่นสุรายี่ห้อบางแก้ว

ศฎิลจับพลัดจับผลูกลายเป็นผู้ใหญ่บ้าน

ชนะคู่แข่งด้วยคะแนนเสียงเฉียดฉิว

ว่านแพรไม่ชอบศฎิล หนึ่งเสียงของเธอไม่เลือกเขาด้วยซ้ำ

เพราะอะไรหรือ…เพราะสุนัขพันธุ์บางแก้วของเขาเคยกัดเธอน่ะสิ

ชาตินี้อย่าหวังว่าจะญาติดีกันได้เลย

แต่‘บางแก้ว’จากโรงกลั่นของเขาน่ะมันดี๊ดี เห็นทีว่านั่นคงเป็นข้อยกเว้น

ใครจะไปคิด ว่าภารกิจแรกของผู้ใหญ่บ้านไห้ท่าคือแบกเมรีขี้เมาไปส่งบ้าน…ว่านแพร เธอมันแน่จริงๆ

ถึงเธอจะไม่ประสงค์ลงคะแนนให้เขา

แต่ศฎิลอยากให้หญิงสาวกาช่อง ‘ประสงค์ลงคะแนนรัก’

ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจึงหาเหตุใกล้ชิดลูกบ้านสาวสวย

ให้มนตร์รักบางแก้วแผลงฤทธิ์…

ทั้งสุนัขที่กัดไม่ปล่อยและสุราที่แสนอร่อยถูกปาก

รู้ตัวอีกทีว่านแพรก็กลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของหมู่บ้านเสียแล้ว

####################

ฝากผลงานเรื่องใหม่ของเมษารินด้วยนะคะ

เรื่องนี้ไปต่างจังหวัดกันค่ะ

ผู้ใหญ่บ้า(น)หน้าโหด กับ ลูกบ้านขี้เมา

**รูปเล่มกับสำนักพิมพ์ดีบุ๊คส์ เจอกันในงานสัปดาห์หนังสือ ส่วน ebook พร้อมโหลด 12 ตุลาคม 2566 นะคะ**

ตอน 1 ผู้ใหญ่บ้าน (1)

ตอน ๑

ผู้ใหญ่บ้าน

หนึ่งในหน้าที่พลเมืองของหญิงสาววัยยี่สิบปลายๆ คือการเลือกผู้ใหญ่บ้าน ว่านแพรยืนงงอยู่หน้าศาลาอเนกประสงค์ เธอเกิดที่นี่ ที่อยู่ตามบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านคือหมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดติดทะเลแห่งหนึ่ง สิบสี่ปีแรกหญิงสาวเติบโตและเรียนหนังสือที่บ้านเกิด กระทั่งมีเหตุให้ต้องย้ายไปเมืองหลวง

ว่านแพรย้ายไปแค่ตัว แต่ชื่อและสิทธิทั้งหมดยังอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้

“มีคนสมัครแค่สองเองเหรอ” ว่านแพรกระซิบถามน้องสาวต่างพ่อ เหตุที่ย้ายไปกรุงเทพฯ ก็เพราะพ่อแท้ๆ อยากให้เธอเรียนมัธยมปลายที่นั่นตามความต้องการของ ‘นายแม่’

“อือ เจ้ต้องเลือกพี่ดินนะ” คนพูดเป็นสาวน้อยร่างเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มชื่อขวัญดาว น้องสาวที่อายุน้อยกว่าว่านแพรห้าปี

คนเป็นพี่มองภาพที่ใช้ติดประกาศบนบอร์ดอันใหญ่หน้าศาลาพลางพิจารณาผู้สมัครทั้งสองคน

คนแรกคือภิญโญ หรือที่ใครๆ เรียกผู้ช่วยโย ผู้สมัครหมายเลขหนึ่งซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่บ้านคนก่อนที่เพิ่งเกษียณอายุราชการ สมัยที่แล้วภิญโญรับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยพ่อตัวเอง

ส่วนผู้สมัครอีกคนคือศฎิลหรือพี่ดินที่ขวัญดาวเรียก ตอนแรกว่านแพรจำใบหน้าที่ผ่านโฟโต้ชอปไม่ได้ ทว่าชื่อแปลกๆ กับท่าทีประหลาดๆ ของผู้สมัครหมายเลขสองพาความทรงจำเก่าๆ กลับมาเหมือนภาพแฟลชแบ็ก…

สิบปีที่แล้ว ว่านแพรในวัยสิบแปดปีกลับบ้านมาเยี่ยมแม่ สาวน้อยจำได้ว่าปั่นจักรยานของขวัญดาวเอาขนมไปฝากญาติๆ ซึ่งทางเข้าต้องผ่านบ้านศฎิล ตอนนั้นชายหนุ่มกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย รูปร่างสูงใหญ่ หนวดเครารุงรัง ผมยาวระต้นคอ พูดจาโผงผางเสียงดัง ขวางโลก กับท่าทางยียวนกวนประสาททำให้ว่านแพรไม่อยากเข้าใกล้ แต่เพราะบ้านยายต้องผ่านบ้านไม้สองชั้นหลังงามของศฎิล เด็กสาววัยสิบแปดจึงรีบปั่นจนโซ่จักรยานแทบหลุด

ขาไปเธออยู่รอดปลอดภัยดี แต่ขากลับนั้น…

‘น้องว่าน กลับมาเมื่อไหร่จ๊ะ’ คำพูดจ๊ะจ๋ามาจากทฤษฎีหรือพี่ดีลูกชายคนโตของกิ่งกาญจน์กับเทียนชัย ทฤษฎีเป็นชายหนุ่มผิวขาวหน้าหวานพูดเพราะ แต่ว่านแพรดูออกว่าเป็นลักษณะท่าทางของคนเจ้าชู้เงียบ

‘เพิ่งถึงเมื่อเช้าค่ะ แต่ยายไปทำบุญที่วัด ว่านก็เลยแวะมาตอนนี้’ ตอนนี้ของว่านแพรคือช่วงโพล้เพล้จวนค่ำเต็มที

‘แม่พี่ทำกระท้อนลอยแก้ว กินเป็นมั้ยเรา’

ว่านแพรไม่ตอบเพียงส่งยิ้มฝืดๆ สองขาเรียวยาวยังคร่อมบนอานจักรยาน ตอนนั้นได้ยินเสียงสุนัขเห่าโฮ่ง เด็กสาวมองหาที่มาของเสียง เห็นชายหนุ่มหน้าตาบูดบึ้งผิดกับพี่ชายหน้ามือเป็นหลังมือ กึ่งเดินกึ่งวิ่งถือสายจูงที่ล่ามคอสุนัขพันธุ์บางแก้ววัยกำลังซน

‘อะไรวะดี ทิ้งขี้ให้กูทุกที ไปจัดการเรื่องของมึงให้เสร็จเลย’ ศฎิลสูงทั้งลำตัวก็หนากว่าทฤษฎี ผิวคล้ำและหน้าแก่กว่าพี่ชายอีก ถ้าไม่เคยรู้จักสองพี่น้องนี้มาก่อน ใครๆ ก็เข้าใจผิดว่าศฎิลเป็นพี่

‘พูดเพราะๆ กับพี่หน่อยครับน้องดิน พี่ดียังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ’ ทฤษฎีพูดกับน้องชายแต่ไม่ลืมหันมายิ้มหวานให้ว่านแพร

‘ไม่ต้องสร้างภาพกับกู…ไส้กี่ขดๆ ของมึง กูเห็นมาหมดแล้ว’ จังหวะนั้นศฎิลใช้แขนรัดคอพี่ชาย จนเผลอปล่อยสายจูงสุนัข

บางแก้วที่เป็นอิสระ ควบสี่ขาเหมือนม้าศึกมาหยุดตรงหน้าว่านแพร แยกเขี้ยวใส่แล้วเห่าไล่เสียงขรม

‘น้องดินปล่อยพี่ก่อนครับ ไปเอาเต่ากลับมาก่อน น้องว่านหน้าซีดแล้ว’

ทฤษฎีไม่ได้พูดเกินจริง ปกติว่านแพรไม่กลัวหมาแมว แต่ไม่ใช่ตอนที่บางแก้วเห่าไล่และทำท่าจะงับน่องอย่างนี้ สาวน้อยขาแข็ง ในใจอยากปั่นจักรยานหนีไปให้พ้นๆ แต่นั่นแหละ…ขาตายไปแล้ว

‘ไอ้เต่า’ ศฎิลเรียกหมาตัวเองส่งๆ

พิลึก!!! ว่านแพรคิดในใจ ตั้งชื่อสัตว์หน้าขนตัวสีน้ำตาลมอมแมมว่าเต่า ประสาททั้งคนทั้งหมา เด็กสาวเลิ่กลั่ก มองหมาสลับกับเจ้าของ บางแก้วของศฎิลหน้าตาน่ารักแต่ไม่เป็นมิตร ใครๆ ก็รู้ว่าสุนัขพันธุ์นี้ขึ้นชื่อเรื่อง…ดุ

‘อย่าเข้ามานะ’

‘ไอ้ดี ถ้ามึงไม่ดัดสันดาน กูจะสั่งไอ้เต่ากัดของมึงให้ขาด’ ศฎิลขู่พี่ชาย ‘เต่าได้ยินที่พ่อสั่งมั้ยลูก กัดเลย’

บางแก้วสีน้ำตาลชื่อเต่าที่ฉลาดเหมือนพ่อมัน แยกเขี้ยวแล้วกระโดดงับน่องว่านแพรทันที

‘กรี๊ดดดด’ ว่านแพรกรีดร้องเสียงดังลั่นตอนที่โดนจู่โจม แผลโดนกัดวันนั้นค่อยๆ จางหายตามวันเวลา แต่ที่ว่านแพรไม่ลืมคือ…ศฎิลออกคำสั่งให้หมาของเขากัดเธอ

“เจ้กาให้พี่ดินปะ” ขวัญดาวถามย้ำตอนที่ทั้งคู่ออกจากคูหา

“…”

“หรือเจ้เลือกพี่โย” น้องสาวทำตาโต “ขวัญไม่ชอบอะ ไม่ชอบทั้งบ้าน”

“ญาติเราไม่ใช่เหรอ” ว่านแพรจำได้ว่ารุ่นทวดหรือรุ่นยายเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

“โธ่ ญาติห่างๆ ตอนหาเสียงก็นับญาติแหละ รอให้ได้เป็นก่อนเถอะ พึ่งพาได้ที่ไหน” ขวัญดาวทำท่าจะบ่น แต่นึกออกว่าพี่สาวยังไม่ตอบ “เจ้ว่านเลือกเบอร์หนึ่งจริงดิ”

ว่านแพรไม่ตอบ แม้ไม่อยู่ที่นี่หลายปีแต่ก็พอรู้ว่าภิญโญต้องการสืบทอดอำนาจจากคนเป็นพ่อ ซึ่งตระกูลนี้เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาหลายรุ่น ญาติๆ ที่กระจายในหมู่บ้านอื่นก็เป็นผู้นำเช่นกัน

“ขอใช้สิทธิ์ไม่พูดนะ” นอกจากไม่พูด ว่านแพรยังใช้สิทธิในฐานะพลเมือง ‘ไม่เลือก’ คนที่เธอไม่ชอบ

“ใช่ซี้ เจ้ไม่ได้อยู่ที่นี่สักหน่อย ใครจะเป็นผู้ใหญ่บ้านเจ้ก็ไม่แคร์” ขวัญดาวเป็นเด็กรุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าพูด และกล้าแสดงความคิดเห็น แต่เพราะโตมากับยายจึงไม่ได้ก้าวร้าว ยังเป็นสาวน้อยน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาพี่สาว

“ใครบอกว่าพี่ไม่อยู่ที่นี่”

“หืม เจ้พูดอะไรนะ” ขวัญดาวไม่ทันฟังคำพูดพี่สาว เพราะสมาธิหลุดตอนเห็นรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่จอดเลียบริมถนน คนที่เดินลงมาเป็นสามหนุ่มที่สาวน้อยแอบตั้งชื่อว่า…สามทหารเสือ

คนแรกเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแคนดิเดตผู้ใหญ่บ้านเบอร์สองอย่างศฎิล เจ้าของร่างสูงใหญ่ เหนือริมฝีปากกับแนวกรามเป็นรอยเขียวๆ ของหนวดเครา เส้นผมหยักศกดกหนา เสริมให้ดูดิบเถื่อนและน่าเกรงขามโดยไม่ต้องพยายาม

คนที่สองคือนายเตียวหรือสันติ ลูกน้องคนสนิทของศฎิลจากโรงกลั่นเหล้า ขวัญดาวไม่ค่อยรู้ประวัติความเป็นมาของสันติแม้จะเกิดที่นี่แต่มีช่วงหนึ่งที่สันติย้ายไปอยู่ที่อื่น หลังพ่อแม่แยกทางกัน

ส่วนคนสุดท้ายที่ทำขวัญดาวใจสั่น หน้าแดงระเรื่อ…ลิขิตหรือขิงเป็นหนุ่มรูปงาม สุภาพ เรียบร้อย ที่สำคัญคือจบเปรียญธรรม 8 ใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัด บวชเณรตั้งแต่เด็กๆ และสึกเมื่อสองสามปีก่อนเพราะเจ้าอาวาสดื่มเหล้ากลั่นของศฎิลแล้วสารภาพว่าอยากเสพเมถุนกับพระลิขิต

“พี่มหา” ขวัญดาวส่งยิ้มเอียงอายให้ลิขิต แล้วชูสองนิ้วให้หนุ่มหน้าขาว สวมแว่น ท่าทางคงแก่เรียน สะพายย่ามพระสีส้ม ภาษากายบอกชัดเจนว่าเลือกเบอร์สอง “ขวัญรอพี่มหาเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนะคะ”

“อะ…อ่า ขอบคุณครับ” ลิขิตดันแว่นขึ้นสันจมูก เพราะอยู่ในวัดตั้งแต่จำความได้จึงไม่ชินเมื่อต้องพูดคุยสบตากับหญิงสาว

“มหาหิงคุ์” ศฎิลกวักมือเรียกทีมงาน “เตียว…มานี่”

“คุณดิน ผมชื่อขิง” ลิขิตท้วง ศฎิลเป็นคนแบบนี้ ขวางโลก กวนประสาท เป็นคนแรกที่เรียกมหาขิงว่ามหาหิงคุ์

“กูไม่เรียกมึงว่าขิตก็บุญแล้ว…สู่ขิต รู้จักปะ”

“โธ่…จารย์รอง ชื่อที่จารย์ใหญ่ตั้งให้นับว่าเป็นมงคล” สันติเทิดทูนบูชาและศรัทธาทั้งคู่ ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง มีรอยสักบนแขนปวารณาตัวว่าเป็นพี่น้องร่วมดื่มเลือดสาบานกับศฎิลและลิขิตเยี่ยงเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย

สันติ ‘อิน’ ไปใหญ่เมื่อชื่อเล่นดันตรงกับน้องสามของพี่ใหญ่และพี่รอง แต่เพราะเรียนมาน้อย เมื่อใกล้ชิดกับพี่ชายทั้งสอง ที่ช่วยอบรม บังคับ ขู่เข็ญให้สันติได้เรียนกศน.จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

“เลิกเรียกว่าจารย์ใหญ่สักที กูยังไม่ตาย”

บทสนทนาของแคนดิเดตฯ เบอร์สองและทีมงานดำเนินไปเรื่อยๆ ว่านแพรที่ยืนข้างน้องสาวนึกดีใจที่ไม่เลือกศฎิล แค่สามวินาทีก็รู้ว่าไม่มีใครปกติสักคน

*******************

สวัสดีค่าาาา พาแคนดิเดตมาแนะนำตัว

วันนี้ได้ฤกษ์เปิดหมู่บ้าน เปิดคูหา แต่สาวไม่เลือกนะจ๊ะ 555

ตอน 1 ผู้ใหญ่บ้าน (2)

อพป.ไห้ท่า

ว่านแพรยืนอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ใช่แล้ว หมู่บ้านของเธอชื่อว่า ‘ไห้ท่า’ มีที่มาจากตำนานเล่าขานว่าเมื่อนานมาแล้วมีสาวสวยคนหนึ่งตกหลุมรักกับข้าราชการหนุ่มจากเมืองกรุง กระทั่งฝ่ายชายต้องกลับไปทำงาน โดยสัญญาว่าจะรีบกลับมาสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณี สั่งความให้หญิงสาวรอตนอยู่ที่นี่

ด้านคนรอเฝ้าคอยคนรักที่ท่าน้ำหัวสะพานทุกเมื่อเชื่อวันพร้อมเสียงสะอื้นไห้ ทว่าโรคระบาดทำให้คนรอเสียชีวิต เกิดเป็นตำนานและชื่อเรียกขานว่า…บ้านสาวไห้คอยท่า นานวันเข้าจึงเหลือแค่สองคำคือ…ไห้ท่า

“ขวัญจะไปดูเขานับคะแนน เจ้ไปด้วยไหม” ขวัญดาวเข็นจักรยานคันเก่งออกจากใต้ถุนบ้าน พลางเอ่ยชวนพี่สาว

“ไม่ไป พี่จะอยู่ช่วยแม่ทำกับข้าวที่บ้าน”

“วันนี้ไม่ทำกับข้าว” คนพูดคือนางกล้วยไม้ แม่ของสองสาว

“อ้าว ทำไมอะแม่” ว่านแพรถาม น้อยครั้งที่สมาชิกจะกินข้าวข้างนอก เพราะแม่เป็นคนกินยาก

“วันนี้เขาจัดเลี้ยง เราไปกินข้าวบ้านงานกัน” พูดจบก็เดินไปเอนหลังบนตั่งไม้บุนวม

“เขานี่ใคร” ว่านแพรกระซิบถามน้องสาวเสียงเบา เธอโตในเมืองจนไม่เข้าใจวัฒนธรรมบางอย่างในหมู่บ้านไห้ท่า

“ก็ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ไงเจ้”

เพราะแม่หนีไปนอน พ่อเลี้ยงวุ่นวายกับนกกรงหัวจุก ว่านแพรไม่มีทางเลือก เธอจึงวาดขาซ้อนท้ายจักรยานขวัญดาวไปดูเขานับคะแนนที่ศาลาอเนกประสงค์

จำนวนประชากรของบ้านไห้ท่ามีราวๆ หนึ่งพันคน ผู้มีสิทธิ์เลือกผู้ใหญ่บ้านอยู่ที่แปดร้อยคน ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการมีชาวบ้านออกมาใช้สิทธิ์ราวๆ หกร้อยคน ที่ศาลาอเนกประสงค์มีกรรมการหมู่บ้านรอเวลาปิดหีบ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เริ่มจัดพื้นที่ คือใช้กระดานอันเดิมที่ตอนแรกติดรายชื่อผู้สมัคร รายชื่อผู้มีสิทธิ์ มาวางมุมหนึ่งพร้อมปากกาเคมีสำหรับบันทึกคะแนน

ผู้สมัครทั้งสองคนอยู่คนละมุม ภิญโญมีพรรคพวกมากกว่าเพราะมีพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านสมัยที่แล้ว ฝั่งของศฎิลมีเพียงหยิบมือ คือทีมงานที่ว่านแพรเห็นเมื่อเที่ยง ทันทีที่สบตากับแคนดิเดตผู้ใหญ่บ้านเบอร์สอง สายตาคมกริบของอีกฝ่ายก็จ้องมองอย่างเอาเรื่อง ราวหยั่งรู้ว่าเธอไม่เลือกเขา

“น้องว่านหรือนี่”

ว่านแพรชะงักเมื่อชายหนุ่มผิวขาวบาง ผิวหน้าเนียนกริบ แต่งกายทันสมัยเหมือนไอดอลเกาหลี ตอนที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามากลิ่นน้ำหอมราคาแพงทำให้หญิงสาวเผลอสูดดม อ่า…เธอจำกลิ่นนี้ได้ สามเดือนก่อนเพิ่งซื้อให้ใครบางคน

“ค่ะ ว่านเอง” ว่านแพรพนมมือทำความเคารพทฤษฎี

“ไม่เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย”

“สิบปีค่ะ” ว่านแพรจำได้ดี ครั้งสุดท้ายที่เจอสองพี่น้องบ้านนั้นคือวันโดนหมากัดขานั่นแหละ

“เร็วมาก เหมือนเราเพิ่งคุยกันเมื่อวาน” ทฤษฎีพูดอะไรอีกหลายอย่าง เขาเป็นผู้ชายเฟรนด์ลี่คุยสนุก สามารถหาเรื่องมาสนทนาได้ไม่จบไม่สิ้น

“เสียดายมาก ทำไมดีไม่ลง ตอนแรกได้ยินว่าดีฟอร์มทีมไว้แล้วไม่ใช่เหรอ” คนพูดคือสายใจ แม่ม่ายยังสาวผัวตาย ตอนที่เข้ามาทักทายทฤษฎีไม่ลืมชม้อยชม้ายชายตามองอย่างมีจริต “พี่ใจพร้อมเป็นหัวคะแนนธรรมชาติให้คุณน้อง ดีน่าจะรู้ว่าบ้านพี่มีหลายเสียง”

“กราบขอบคุณพี่ใจครับ ตอนแรกผมตั้งใจจะรับใช้พี่น้องบ้านไห้ท่าทุกคน แต่มีปัญหาเรื่องสุขภาพน่ะครับ เลือกผมหรือดินก็เหมือนกันฮะ”

“วุ้ย จะเหมือนยังไง คนละคน แล้วปากดินก็…” สายใจหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสายตาศฎิล

“ทำไมมึงไม่บอกว่าที่ต้องถอนตัวแล้วให้กูลงแทนเพราะอะไร” น้องชายที่น่าจะเป็นพี่ชายมากกว่าแทรกร่างสูงใหญ่กลางวงสนทนา

“นั่นสิคะ ขวัญก็สงสัยว่าทำไมพี่ดินลงแทนพี่ดี” ขวัญดาวพูดกับศฎิลแต่สายตามองลิขิต

“ปัญหาสุขภาพไงคะ ดีเพิ่งบอกพี่ใจเมื่อกี้” สายใจออกตัวอยู่ข้างทฤษฎี

“โดนแตะผ่าหมาก ไข่อักเสบหนัก รักษาเป็นเดือน” ศฎิลแฉไม่ไว้หน้าพี่ชาย

เป็นอีกครั้งที่ว่านแพรกังขาสงสัย…ปากแบบนี้ใครจะเลือก

ทว่า…ทันทีที่นับคะแนนเสร็จชาวบ้านไห้ท่าส่วนใหญ่ตกตะลึงเพราะศฎิลชนะภิญโญอย่างเฉียดฉิวได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแบบคาดไม่ถึง

งานเลี้ยงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ไม่ใช่ความคิดของศฎิลแต่เป็นพี่ชายอย่างทฤษฎีที่ถนัดงานรื่นเริง อันที่จริงกิ่งกาญจน์กับเทียนชัยไม่อยากเชื่อว่าลูกชายคนเล็กจะชนะคู่แข่ง เพราะใครๆ ก็รู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนอย่างไร โผงผาง ดิบเถื่อน กวนประสาท และปากเสีย

แรกเริ่มเดิมที คนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเพราะผู้นำคนก่อนอยู่ในตำแหน่งร่วมสองทศวรรษ ตอนนั้นทฤษฎีซึ่งพูดเก่ง นอบน้อม และเข้ากับชาวบ้านได้ดีตั้งใจอาสาพัฒนาหมู่บ้าน สู้กับขั้วอำนาจเดิมที่ค่อนข้างมีอิทธิพลและมีพรรคพวก ทว่าลูกชายคนโตตกม้าตายเรื่องนิสัยเจ้าชู้ คบหาผู้หญิงหลายคน อาศัยว่าหน้าตาดี มีคารมคมคาย แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ไปสานสัมพันธ์กับว่าที่เจ้าสาวของลูกชายนักการเมืองคนหนึ่ง โดนกระทืบจนน่วมไปทั้งตัว ยังดีว่าศฎิลกับสันติไปช่วยไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงใช้งานไอ้นั่นไม่ได้ตลอดชีวิต

ถ้าถามว่าทฤษฎีเข็ดหลาบหรือเปล่า บอกได้เลยว่า…ไม่!!!

ส่วนสาเหตุที่ศฎิล ‘ยอม’ เป็นแคนดิเดตเพราะเหม็นขี้หน้าภิญโญ ทั้งสองเป็นคู่ปรับ คู่กัดตั้งแต่เรียนประถม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ศฎิลเริ่มต้นความคิดกลั่นสุราชุมชน อีกฝ่ายขัดขวางทุกวิถีทาง วิจารณ์ว่าศฎิลมอมเมาชุมชน ยาวไปถึงปัญหาสุราในครัวเรือน ความรุนแรง ขาดสติ ศฎิลซึ่งมีความอดทนต่ำฉะกับลูกชายผู้ใหญ่บ้านกลางศาลาการเปรียญ

‘คนไม่ดื่มเขาก็ไม่ดื่ม ต่อให้กูประเคนถึงปากเขาก็ไม่แดก ไอ้สัสโย มึงแม่งอ่อน ไม่มีทางที่มึงจะทำได้อย่างกู อย่างมึงแม่งทำได้แค่เห่า’

‘ไอ้ดิน’ วันนั้นภิญโญโกรธจนตัวสั่น แต่เถียงไม่ทัน

‘มหาหิงคุ์สึกออกมาสองปีแล้ว ยังไม่เคยแดกเหล้าสักอึก กูทำมาขายคนที่เขาซื้อ มึงไม่ซื้อ ไม่แดกก็เรื่องของมึง อย่าเสือก’

ชื่อเสียงศฎิลไม่ดีนัก นิสัยก็เช่นกัน

แต่ก็น่าคิด…ทำไมชาวบ้านไห้ท่ากาเลือกศฎิลเป็นผู้ใหญ่บ้าน

*****************

ปากดีแบบนี้ยังมีคนเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านค่าคุณ 555

ศฎิลตอบว่า…เราก็เท่ซะด้วย ทีนี้ก็ลำบาก ก็ว้าวุ่นเลย

ตอน 1 ผู้ใหญ่บ้าน (3)

“ว่านใช่ไหม โอ้โห โตเป็นสาวแล้วสวยมากน้องกล้วย” กิ่งกาญจน์เปิดบ้านเลี้ยงฉลองให้ลูกชายคนเล็ก นางเตรียมของสดของแห้งไว้ไม่มาก เพราะในความคิดของคนเป็นแม่ ศฎิลแพ้แน่ๆ กะว่าจะทำกับแกล้มสองสามอย่างให้กินแก้เซ็งหากแพ้คู่ปรับอย่างภิญโญ ไม่คาดว่าลูกจะชนะ

“สวัสดีค่ะป้ากิ่ง สบายดีไหมคะ”

“ตอนแรกก็สบายดี พอดินได้เป็นผู้ใหญ่บ้านก็ปวดหัวขึ้นมาเลย” กิ่งกาญจน์เป็นคนอารมณ์ดี ใจดี แต่ก็ปากไว ปากร้ายพอสมควร เพราะเคยเป็นแม่ค้าขายของชำ ก่อนย้ายตามสามีมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ สมัยยังสาวเคยเปิดร้านเสริมสวยในตลาด เพิ่งเลิกกิจการหลังลูกชายคนเล็กเรียนจบมหาวิทยาลัย

กิ่งกาญจน์เป็นคนสวยคม ผิวสีน้ำผึ้ง ซึ่งศฎิลเหมือนแม่แทบทุกอย่าง นิสัยปากร้ายนั่นก็ด้วย ส่วนทฤษฎีเหมือนเทียนชัยซึ่งบรรพบุรุษอพยพมาจากแผ่นดินใหญ่ ผิวขาวใส ตาตี่ ส่วนรอยยิ้มเจ้าชู้กรุ้มกริ่มนั้นกิ่งกาญจน์จนปัญญา ไม่รู้ว่าลูกชายโตนิสัยเหมือนใคร

“ว่านมีแฟนหรือยังลูก” เจ้าบ้านกระซิบถามเสียงเบา

“เอ่อ…” ว่านแพรไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร กลับมาคราวนี้เธอตั้งใจมาอยู่ที่ไห้ท่าถาวร หลังทำงานให้นายแม่ตั้งแต่เรียนจบ กระทั่งสองสามเดือนก่อนเกิดเรื่องวุ่นวาย ทำให้ว่านแพรตระหนักว่าสุดท้ายทางนั้นเขาก็เลือกลูกหลานที่ใกล้ชิดสนิทสนม ไม่ใช่ลูกของพ่อ ที่ย่ามีสถานะเป็นภรรยาน้อยของอากง นอกจากเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ยังมีเรื่องหัวใจ ทุกอย่างประดังประเดในจังหวะเวลาเดียวกัน หญิงสาวจึงกลับมาตั้งหลักที่นี่ ภารกิจแรกของเธอที่บ้านเกิดคือเลือกผู้ใหญ่บ้าน

“โสด” คนตอบคือนางกล้วยไม้ แม้ลูกสาวคนโตจะอยู่กับพ่อ แต่สองแม่ลูกก็ติดต่อพูดคุยกันตลอด กล้วยไม้เป็นคนหัวก้าวหน้า เลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน ว่านแพรจึงเล่าให้ฟังทุกอย่าง ไม่เว้นเรื่องส่วนตัว

“อยากเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของไห้ท่าไหมจ๊ะ”

ว่านแพรขนหัวลุก เธอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายไม่เลือกเขา และไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องเลือกเจ้าของบางแก้วมาเป็นคู่

สีหน้าว่านแพรคงตอบคำถามกิ่งกาญจน์ได้ชัดเจน อีกฝ่ายหัวเราะน้อยๆ “ไม่ต้องเครียด ป้ากิ่งพูดเล่น ลูกป้าสองคนไม่มีใครพอดี ขาดๆ เกินๆ อยากทุบทั้งคู่แล้วเอาไปหลอมใหม่”

ว่านแพรหัวเราะคิกคัก ตอนนั้นเองก็ระลึกได้ว่ายืนอยู่จุดเดียวกับเมื่อสิบปีก่อน ตอนที่โดนบางแก้วกัดขา “มีหมาหรือเปล่าคะ”

“เก็บเข้ากรงหมดแล้ว” กิ่งกาญจน์เอามือทาบอก “ตายจริง ว่านเคยโดนไอ้เต่ากัดใช่มั้ยลูก ป้ากิ่งลืมสนิท”

“เต่า…ยังอยู่ไหมคะ สิบปีแล้ว”

“อยู่จ้ะ…แก่หง่อมเชียว ดินเลยเรียกผู้เฒ่าเต่า มาๆ ไปดูกับป้านะ” กิ่งกาญจน์คว้าข้อมือบางของว่านแพร แล้วพาเดินอ้อมโต๊ะปูนเปลือยที่หนุ่มๆ นั่งดื่มกินพูดคุยเสียงดัง

บางแก้วในวัยชรานอนอยู่มุมหนึ่ง ข้างกันเป็นตุ๊กตาเป็ดที่เคยเป็นสีเหลือง เต่าห้าวเป้งเมื่อสิบปีก่อนลืมตามองว่านแพร อ้าปากส่งเสียง ‘โฮ่ง’ ครั้งเดียว หญิงสาวทันเห็นว่าฟันคมๆ เขี้ยวยาวๆ หักหมดแล้ว

“สิบกว่าปี…เทียบกับคนก็เจ็ดสิบแปดสิบแล้วละ”

“โฮ่ง” ผู้เฒ่าเต่ายังไว้ลาย ไม่เสียทีที่เกิดเป็นบางแก้ว

“นิสัยเหมือนดิน อย่าถือสาเลย ตอนนี้ไม่มีแรงกัดใครแล้ว” กิ่งกาญจน์มองหน้าสะอาดสะอ้านของว่านแพรแล้วยิ้ม “หนูว่านเป็นคนเดียวที่ไอ้เต่ากัด”

ตอนแรกว่านแพรกล้าๆ กลัวๆ แต่ผู้เฒ่าเต่าสิ้นฤทธิ์เพราะความชราทำให้เธอค่อยๆ ยื่นมือไปลูบหัวที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนนุ่มเบาๆ แล้วดึงกลับ

“ไปล้างมือเถอะ เดี๋ยวป้าพาไปนั่งโต๊ะจะได้กินข้าว กับข้าวไม่เยอะนะ เน้นกับแกล้ม”

“ว่านกินได้หมดค่ะ”

“มียำหนังหมูใส่มะพร้าวคั่ว” กิ่งกาญจน์บอกเมนูอาหารจานเด็ดวันนี้ “ดินโฆษณาว่ากินแกล้มกับเหล้ากลั่นของมันเหมือนได้ขึ้นสวรรค์” ผู้สูงวัยหัวเราะคิกคักแล้วพูดต่อ “ว่านอย่าลองนะลูก เหล้าของดินสามสิบห้าดีกรี กรึ๊บเดียวก็หมดสภาพ”

ว่านแพรส่งยิ้มจางๆ ให้กิ่งกาญจน์ ลอบกลืนน้ำลายลงคอ…เปรี้ยวปากอยากลองดื่มสุราของศฎิลแกล้มยำหนังหมูมะพร้าวคั่ว

ศฎิลยืนเท้าสะเอวพลางกลอกตามองบนสามรอบ ใครจะคิดว่าภารกิจแรกในฐานะว่าที่ผู้ใหญ่บ้านคือพา ‘ลูกบ้าน’ ขี้เมาไปส่ง

“แม่บอกแล้วนะว่าอย่ากิน แต่น้องคงอยากลอง” กิ่งกาญจน์บอกลูกชายเสียงเบา

“ขอโทษค่ะ ขวัญไม่คิดว่าพี่ว่านจะ…” ขวัญดาวมองพี่สาวซึ่งนั่งตาเยิ้มยิ้มหวานกอดขวดสุรากลั่นสามสิบห้าดีกรียี่ห้อ ‘บางแก้ว’ ของศฎิลแน่น “ไม่รู้ว่าพี่ว่าน…เอ่อ…”

“ขี้เมา” ศฎิลเสริม

“แบบนั้นเลยค่ะพี่ดิน แหะๆ” ขวัญดาวมองพี่สาวสลับกับจักรยานแม่บ้านของตัวเองแล้วหมดปัญญา “ไม่รู้จะพากลับยังไง ดึกขนาดนี้พ่อกับแม่คงหลับแล้ว”

“ให้ดินไปส่ง” กิ่งกาญจน์สั่งลูกชายคนเล็ก

“รบกวนพี่ดินค่า” ขวัญดาวยิ้มประจบ

ศฎิลถอนหายใจอีกรอบ ดึงขวดบางแก้วออกจากอ้อมกอดว่านแพร และด้วยความช่วยเหลือของขวัญดาว ร่างเล็กๆ ของลูกบ้านสาวก็อยู่บนหลังผู้ใหญ่บ้าน

หรือนี่จะเป็นลางสังหรณ์บางอย่าง…ในฐานะผู้นำหมู่บ้านศฎิลต้อง ‘แบก’ ปัญหาไว้บนหลัง

“ว่านชอบ” ว่านแพรพูดอู้อี้ขณะรัดคอผู้ใหญ่บ้าน

“ชอบอะไร”

“ชอบเหล้าผู้ใหญ่ หวาน”

“ขี้เหล้านะเรา” เจ้าของสุรากลั่นยี่ห้อบางแก้วยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งเกิดเป็นรอยยิ้มเล็กๆ “นี่ ยายขี้เมา ถามอะไรหน่อยสิ”

“ถามอารายยยย”

“วันนี้เธอเลือกใคร”

ว่านแพรนิ่งไปพักใหญ่จนศฎิลคิดว่าภาพตัดเสียแล้ว จู่ๆ คนบนหลังก็ตอบกลับมา “หึ ไม่บอก ไม่ต้องหลอกถาม”

ศฎิลไม่เพียงแบกว่านแพรขึ้นรถแล้วขับไปส่งถึงบ้านเท่านั้น เขายังต้องแบกเธอเข้าบ้านอีกต่างหาก สาวขี้เมาพูดอะไรสักอย่างข้างหู คล้ายบ่นพึมพำ ทว่าเมื่อฟังดีๆ ศฎิลจึงรู้ว่ายายนี่ร้องเพลง!

เมาแล้วเป็นศิลปินสินะ

“ร้องเพลง?” ผู้ใหญ่บ้านหมาดๆ ถาม

“ชาวไทยเจ้าเอ๋ย ขออย่าละเลยในการทำหน้าที่ การที่เราได้เล่นสนุก เปลื้องทุกข์สบายอย่างนี้…” สาวที่ดื่มจนเมาได้ที่และเพิ่งทำหน้าที่ตามสิทธิเสรีภาพฮัมเพลงชาวไทยข้างหูผู้ใหญ่บ้านอย่างสำราญ

“เพลงรำวงมาตรฐานหรือเปล่า” ศฎิลคลับคล้ายคลับคลาแต่จำไม่ได้

“อือ…เพลงชาวไทยต้องรำท่านี้…เรียกว่าท่าชักแป้งผัดหน้า” พูดจบก็เริ่มสาธิต มือหนึ่งตั้งวงอีกมือจีบแล้วเริ่มร่ายรำบนหลังสฎิล ตอนนั้นเองว่านแพรนึกออกว่ายังร้องเพลงไม่จบ “…เพราะชาติเราได้เสรี มีเอกราชสมบูรณ์ เราจึงควรช่วยชูชาติ” จู่ๆ เสียงร้องก็เงียบลง เหลือเพียงเสียงงึมงำฟังไม่รู้เรื่อง

ศฎิลกลั่นเหล้าดื่มเอง เจอคนเมามามาก แต่ให้ตายเหอะ ไม่เคยเจอใครเมาแล้วร้องเพลงชาวไทยและรำวงมาตรฐานด้วยท่าชักแป้งผัดหน้าเลยสักครั้ง

ชายหนุ่มสรุปกับตัวเอง ว่านแพร…ไม่ธรรมดา

***************

เปิดใจให้ขี้เหล้าแน่…อีนางเอ๊ยยยย

ไม่กาให้เขา แต่มากินเหล้าเขา กินกับแกล้มบ้านเขา ให้เขาแบกส่งบ้านอีก

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...