โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ดีลทรัมป์ : จะเกิดอะไรขึ้นกับกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากรเดือนกรกฎาคมของสหรัฐฯ

ไทยโพสต์

อัพเดต 02 ก.ค. เวลา 13.27 น. • เผยแพร่ 02 ก.ค. เวลา 06.19 น.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)

อีกหนึ่งสัปดาห์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะกลับมาบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้อัตราสูงอีกครั้งกับหลายสิบประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่ประเทศเหล่านั้นยังคงดิ้นรนเพื่อบรรลุข้อตกลงที่จะปกป้องพวกเขาจากสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

ภาษีศุลกากรที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 กรกฎาคมเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจที่ทรัมป์กำหนดในเดือนเมษายน โดยอ้างถึงการขาด "ความเท่าเทียมกัน" ในความสัมพันธ์ทางการค้า

เขากำหนดอัตราภาษีพื้นฐาน 10% กับคู่ค้าส่วนใหญ่ โดยอัตราภาษีที่กำหนดเองจะสูงขึ้นในภายหลังสำหรับประเทศที่สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้าครั้งใหญ่ด้วย

แต่มาตรการนี้ถูกระงับไว้จนถึงเดือนกรกฎาคมเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการเจรจา

นักวิเคราะห์คาดว่าประเทศต่างๆ จะเผชิญกับผลลัพธ์หนึ่งในสามประการ ได้แก่ การบรรลุกรอบข้อตกลงระหว่างรัฐ, ระงับการขึ้นภาษีศุลกากรต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง หรือไม่ก็เริ่มดำเนินการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในทางปฏิบัติ

- กรอบข้อตกลง -

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่าจะมีข้อตกลงกลุ่มหนึ่งที่สามารถบรรลุได้ก่อนวันที่ 9 กรกฎาคม

ผู้กำหนดนโยบายยังไม่ได้ระบุชื่อประเทศในกลุ่มนี้ แม้เบสเซนต์จะยืนกรานว่ารัฐบาลวอชิงตันมุ่งเน้นไปที่การบรรลุข้อตกลงกับคู่ค้าหลักประมาณ 18 ราย

เวนดี้ คัตเลอร์ นักวิเคราะห์จากสถาบันนโยบายสังคมเอเชีย (ASPI) แสดงความคิดเห็นว่า "เวียดนาม, อินเดีย และไต้หวันยังคงเป็นประเทศที่มีแนวโน้มดีสำหรับข้อตกลง และหากไม่มีข้อตกลง อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจากระดับพื้นฐาน 10% เป็น 46%, อินเดียเป็น 26% และไต้หวันเป็น 32%

จอช ลิปสกี นักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของสภาแอตแลนติก อ้างถึงการขยายเวลาการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของคณะเจรจาของอินเดียเมื่อไม่นานนี้ โดยระบุว่าดูเหมือนอินเดียน่าจะเข้าวินเป็นลำดับต่อไป

ลิปสกีกล่าวว่า "ญี่ปุ่นก็มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน แต่สถานการณ์เริ่มถดถอยลงเล็กน้อย" โดยอ้างถึงคำวิจารณ์ของทรัมป์เมื่อไม่กี่วันก่อนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเรียกว่าความไม่เต็มใจของญี่ปุ่นที่จะยอมรับการส่งออกข้าวของสหรัฐฯ

ตั้งแต่เดือนเมษายน รัฐบาลวอชิงตันได้ประกาศข้อตกลงกับอังกฤษและข้อตกลงในการลดภาษีตอบโต้กับจีนชั่วคราว เพียงสองชาติเท่านั้น

- ระงับการขึ้นภาษีต่อไปอีกระยะหนึ่ง -

เบสเซนต์กล่าวว่าประเทศที่เจรจากันด้วยความสุจริตใจเท่านั้นที่จะสามารถคงอัตราภาษีไว้ที่ระดับพื้นฐาน 10% ได้

แต่การขยายระยะเวลาการระงับชั่วคราวสำหรับอัตราภาษีที่สูงขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับทรัมป์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า "ภายใต้รัฐบาลใหม่ เกาหลีใต้ดูเหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการขอขยายระยะเวลา"

คาดว่าหลายประเทศจะอยู่ในกรอบนี้ โดยได้รับการระงับชั่วคราวเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจกินเวลาไปจนถึงวันแรงงานแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 กันยายน

ก่อนหน้านี้ เบสเซนต์เคยกล่าวว่ารัฐบาลวอชิงตันจะสามารถสรุปวาระการประชุมเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าได้ภายในวันแรงงาน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าจะมีการสรุปข้อตกลงเพิ่มเติมได้ แต่การเจรจาน่าจะกินเวลานานกว่าเดือนกรกฎาคม

- ขึ้นภาษีทันทีตามกำหนด -

สำหรับประเทศที่สหรัฐมองว่า "ดื้อรั้น" เบสเซนต์ได้เตือนว่าอัตราภาษีอาจเพิ่มขึ้นเป็นระดับที่สูงกว่าที่ทรัมป์ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยอัตราภาษีดังกล่าวอยู่ระหว่าง 11% - 50%

นักวิเคราะห์เตือนว่าการที่ญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะเปิดตลาดข้าว ประกอบกับการที่สหรัฐฯ ต่อต้านการลดภาษีนำเข้ารถยนต์ อาจส่งผลให้ญี่ปุ่นโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 24% ทันที

ทรัมป์เองเคยกล่าวว่าข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ และประเทศเอเชียแห่งนี้อาจต้องจ่ายภาษีโดยรวม 30-35% หรือตัวเลขใดก็ตามที่เขากำหนด

ขณะที่สหภาพยุโรปมีความเสี่ยงที่ภาษีจะปรับสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจเป็น 20% ตามที่ประกาศเมื่อเดือนเมษายน หรือ 50% ตามที่ทรัมป์ขู่ไว้เมื่อไม่นานนี้

คาดว่าแนวทางของยุโรปในการกำกับดูแลธุรกรรมดิจิทัลอาจเป็นตัวแปรสำคัญ

นอกจากนี้ ทรัมป์อาจยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดาซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากกำหนดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคม เพื่อเป็นการตอบโต้การเก็บภาษีบริการดิจิทัลของประเทศที่รัฐบาลออตตาวาประกาศยกเลิกในท้ายที่สุด

สัปดาห์นี้ มารอส เซฟโควิช หัวหน้าฝ่ายการค้าของสหภาพยุโรปจะเดินทางมายังกรุงวอชิงตันเพื่อผลักดันการบรรลุข้อตกลงการค้า โดยคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้รับร่างข้อเสนอเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการอยู่.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...