โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“Cut Loss” กลยุทธ์ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมที่มือใหม่ต้องรู้

Finnomena

อัพเดต 26 ก.ย เวลา 08.30 น. • เผยแพร่ 29 ส.ค. เวลา 08.30 น. • Definit

คำว่า “Cut Loss” อาจฟังดูน่ากลัว แต่จริง ๆ แล้ว Cut Loss เป็นกลยุทธ์สำคัญที่สามารถช่วยให้เราไม่ขาดทุนมากเกินไปและทำให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Cut Loss เป็นเหมือนการตัดแต่งต้นไม้ อาจจะต้องตัดกิ่งที่ไม่แข็งแรงทิ้งไปบ้าง เพื่อให้ต้นไม้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแรงและออกผลได้ดียิ่งขึ้น

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับคำว่า Cut Loss ให้มากขึ้น เพื่อที่นักลงทุนจะได้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการบริหารพอร์ตของตัวเอง

Reboot Your Port บริการตรวจสุขภาพพอร์ตจาก Finnomena Funds และ Definit ที่ช่วยให้คุณเข้าใจพอร์ตของตัวเองอย่างลึกซึ้ง พร้อมคำแนะนำปรับพอร์ตจากผู้แนะนำผู้แนะนำการลงทุน เริ่มตรวจสุขภาพพอร์ตของคุณวันนี้กับ Reboot Your Port สนใจรับริการ คลิก 👉 https://finno.me/reboot-your-port-ws

Cut Loss คืออะไร?

Cut Loss คือการที่นักลงทุนตัดสินใจขายสินทรัพย์ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองขาดทุนมากขึ้นไปอีก โดยการ Cut Loss นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมูลค่าหุ้นที่นักลงทุนถือได้ลดลงไปถึงจุดที่เขาตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะไม่ยอมเสียไปมากกว่านี้ นักลงทุนแต่ละคนมีจุด Cut Loss ที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน บางคนอาจจะตั้งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ขาดทุน หรือบางคนอาจจะตัดสินใจขายเมื่อราคาหลุดแนวรับของกราฟเทคนิค

ยกตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้นมาในราคา 10 บาท และตั้งจุด Cut Loss ไว้ที่ 8 บาท เมื่อราคาหุ้นตกลงมาถึง 8 บาท ก็ตัดสินใจขายทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากขึ้น หากราคาลดลงไปถึง 6 หรือ 5 บาท

สาเหตุที่เราต้อง Cut Loss

  • จำกัดการขาดทุน – หากแนวโน้มของสินทรัพย์เป็นขาลงอย่างชัดเจน การปล่อยให้เงินลงทุนจมอยู่กับสินทรัพย์ที่กำลังขาดทุนต่อไปเรื่อย ๆ อาจทำให้พอร์ตเสียหายหนัก จนต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะกลับมาเท่าทุนอีกครั้ง การ Cut Loss จึงเป็นการหยุดความเสียหายไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้
  • ปลดล็อกโอกาสการลงทุนใหม่ – เมื่อตัดสินใจ Cut Loss สามารถนำเงินที่เหลือไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีแนวโน้มที่ดีกว่าและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า แทนที่จะปล่อยให้เงินจมอยู่กับสินทรัพย์ที่ไม่มีอนาคต
  • เพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตการลงทุน – การตัดขาดทุนแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณรักษาพอร์ตการลงทุนโดยรวมให้แข็งแรงอยู่เสมอ และไม่ปล่อยให้การขาดทุนของสินทรัพย์ตัวใดตัวหนึ่งมาฉุดรั้งพอร์ตทั้งหมดเอาไว้แต่ Cut Loss ก็อาจทำให้เราเจ็บใจ

แน่นอนว่าบางทีโชคชะตาก็เล่นตลก เพราะเมื่อ Cut Loss ปุ๊บหลายคนอาจเจอเหตุการณ์ที่ว่าราคาหุ้นเด้งขึ้นมา กลายเป็นว่าหากเราไม่รีบ Cut Loss เราก็อาจจะได้กำไรไปแล้ว ซึ่งนี่เป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะในระยะสั้นนั้นเป็นการยากที่จะคาดเดาทิศทางราคาหุ้น หากวิเคราะห์ไม่ขาด เราอาจพลาดโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี เพราะเห็นว่าราคาลงชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อไรที่เราควร Cut Loss?

การตัดสินใจ Cut Loss ไม่มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับ แผนการลงทุน และสภาพแวดล้อมของตลาดในช่วงนั้น

แผนการลงทุน

  • สำหรับผู้ที่ลงทุนใน“ระยะสั้น” ควรกำหนดจุด Cut Loss ค่อนข้างแคบ เพื่อให้สามารถปรับพอร์ตได้รวดเร็ว และลดการสูญเสียที่อาจขยายวงกว้าง

  • สำหรับผู้ที่ลงทุนใน“ระยะยาว” อาจพิจารณาให้ระยะห่างของจุด Cut Loss มากขึ้น เพราะสามารถรับความผันผวนระยะสั้นได้ และยังมีโอกาสที่ราคาจะฟื้นตัว หากพื้นฐานของกิจการไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางลบสภาพแวดล้อมของตลาด

  • แม้จะศึกษามาอย่างดี แต่บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์นั้น ๆ หากปัจจัยพื้นฐานหรือแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ก็เป็นสัญญาณที่ต้องพิจารณา Cut Loss เพื่อที่เราจะได้ตัดสินใจแผนขั้นต่อไปได้Cut Loss คือส่วนหนึ่งของ Stop Loss

อันที่จริงแล้ว Cut Loss เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า Stop Loss (ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะนึกว่าความหมายเหมือน Cut Loss)

Stop Loss คือ การตั้งจุดขายเพื่อ “หยุดความเสี่ยง” ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งตอนที่ยังมีกำไรอยู่ หรือเริ่มขาดทุนเล็กน้อยก็ได้ เช่น หากราคาหุ้นกำลังขึ้น แต่เริ่มเห็นสัญญาณว่าแนวโน้มเปลี่ยน เราอาจขายออกก่อน เพื่อรักษากำไรบางส่วนไว้ ไม่ปล่อยให้กำไรหายไปทั้งหมด

ในขณะที่ Cut Loss เกิดขึ้นเมื่อเราขาดทุนไปแล้ว และตัดสินใจ “ยอมขาดทุน” เพื่อตัดตอนไม่ให้ขาดทุนมากกว่านี้

วิธีป้องกันไม่ให้ต้อง Cut Loss

หากเราไม่อยากเผชิญสถานการณ์ “ขายหุ้นทิ้งด้วยความเจ็บใจ” การป้องกันที่ต้นเหตุจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีวิธีป้องกันง่าย ๆ ดังนี้

  • เข้าใจในสินทรัพย์ที่ลงทุน – ศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์ให้รอบด้านก่อนลงทุน เช่น ถ้าเป็นหุ้น ควรดูบการเงิน โมเดลธุรกิจ และสถานะคู่แข่งในอุตสาหกรรม ถ้าเป็นหุ้นกู้ ควรตรวจสอบอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ เงื่อนไขการจ่ายดอกเบี้ย และความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต เพราะยิ่งรู้ลึกมากเท่าไร ก็ยิ่งประเมินความเสี่ยงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • วางแผนการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ – ก่อนลงทุน ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัด เช่น ลงทุนเพื่อเกษียณ หรือลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น พร้อมกับตั้งกรอบกลยุทธ์ให้เหมาะกับเป้าหมายนั้น และที่สำคัญ ต้องรู้ว่าตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน เพราะแผนที่ดีจะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดได้ดีขึ้น
  • กระจายความเสี่ยงให้เป็นระบบ – อย่าทุ่มเงินทั้งหมดกับสินทรัพย์เดียว ควรกระจายพอร์ตไปในหลากหลายประเภท เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนรวม เพราะหากบางตัวร่วง แต่บางตัวยังบวก พอร์ตโดยรวมของคุณก็ยังพอรับแรงกระแทกได้อยู่ การกระจายความเสี่ยงจึงเปรียบเสมือน “เบาะกันกระแทก” ที่ช่วยลดผลกระทบในวันที่ตลาดไม่เป็นใจ Cut Loss ไม่ใช่จุดจบ แต่คือโอกาสทบทวนพอร์ตตัวเอง

Cut Loss เปรียบเสมือนการยอมรับว่าคนเราสามารถผิดพลาดกันได้ ไม่มีใครถูกตลอดเวลา อย่าเสียใจนาน เอาเวลาและทุนที่เหลือไปศึกษาดูทางเลือกการลงทุนใหม่ ๆ

ที่สำคัญ หลังจากตัดขาดทุนแล้ว สิ่งที่ควรทำคือหันกลับมาทบทวนพอร์ตของตัวเองใหม่ ดูว่าอะไรคือจุดอ่อน กลยุทธ์แบบไหนที่ไม่เหมาะกับเรา และอะไรที่ควรปรับเพื่อให้เงินทุนที่เหลือสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หากไม่แน่ใจว่าควรเริ่มวิเคราะห์พอร์ตจากตรงไหน ลองใช้ “Reboot Your Port” บริการตรวจสุขภาพพอร์ตจาก Finnomena Funds และ Definit ที่ช่วยให้คุณเข้าใจพอร์ตของตัวเองอย่างลึกซึ้ง พร้อมคำแนะนำปรับพอร์ตแบบรายบุคคล เริ่มตรวจสุขภาพพอร์ตของคุณวันนี้กับ Reboot Your Port

ศึกษารายละเอียดบริการ Reboot Your Port เพิ่มเติมได้ที่

https://finno.me/reboot-your-port-ws

คำเตือน: การให้บริการ Reboot Your Port คือการตรวจสอบสุขภาพของพอร์ตการลงทุนและให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการ โดยการนำเสนอข้อมูลและคำแนะนำดังกล่าวจะไม่สร้างสิทธิ, ความรับผิดชอบ, หรือภาระผูกพันทางกฎหมายในทุกกรณี บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับประกันผลลัพธ์ใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลและคำแนะนำ และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลหรือคำแนะนำไปใช้ในทุกกรณี | การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00 -17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @Finnomenaport

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...