คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,260 - 1,295 จุด ชู KKP-CPN
• สัปดาห์นี้ เราคาดว่าประเด็นสำคัญที่สุดจะอยู่ที่การประชุม FOMC ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps จาก 4.00% สู่ 3.75% พร้อมกับการให้ Economic Projections รวมถึง Dot Plot โดยการประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่กรรมการเฟดเสียงแตกค่อนข้างมากจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจำกัดจากภาวะ Government shutdown นอกจากการประชุม FOMC แล้ว เราแนะนำให้ติดตามตัวเลข ตำแหน่งงานเปิดใหม่ในสหรัฐ (JOLTs) ซึ่งจะเป็นข้อมูลสุดท้ายก่อนการประชุม FOMC และการเติบโตของค่าจ้างในญี่ปุ่น และ GDP 3Q25 (รอบสุดท้าย), ตัวเลขส่งออก และเงินเฟ้อจีน, การประชุมธนาคารกลางแคนาดา และอัตราเงินเฟ้ออินเดีย สำหรับภาพของ Micro โดยเฉพาะในกลุ่มเทค เราแนะนำให้ติดตาม การส่งออกของไต้หวัน, รายได้เดือน พ.ย. ของ TSMC และผลประกอบการของ Broadcom, Oracle และ Synopsys
• เราประเมินตลาดจะ Sideways และผันผวน ก่อนการประชุม FOMC ซึ่งเราคาดว่าน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณ เป็น Dovish tone สำหรับปี 2026 มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากเฟดยังไม่ปรับมุมมองในการประชุมครั้งนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะปรับมุมมองในช่วงต้นปี 2026 ที่จะมีการเปลี่ยนกรรมการเฟด เราแนะนำสะสมหุ้นโลกผ่านกองทุน KKP GNP เป็น Core
Equity Portfolio และ K-GDBOND-UH เป็น Core Fixed Income Portfolio เมื่อ 10Y UST ปรับตัวเข้าใกล้ 4.20% ด้าน Satellite Portfolio 12 เดือน แนะนำลงทุนหุ้นเทคสหรัฐ (KKP TECH-UH) จากผลประกอบการที่เรามองว่าจะดีต่อเนื่องในปี 2026, หุ้นญี่ปุ่นผ่านกองทุน ASP-NGF จากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว, หุ้นอินเดีย (MINDIA) จากผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และ GDP ที่โตถึง 8.2% และหุ้นเกาหลีใต้ (SCBKEQTG) จากภาวะ Memory Super Cycle หนุนให้ Samsung และ SK Hynix จะมีผลประกอบการที่ดีมากในปี 2026 และสำหรับ Satellite Portfolio 3-6 เดือน แนะนำลงทุน ONE-FFI เพื่อเก็งกำไรจากค่าเงินบาท โดยมองว่าควรทยอยสะสมเมื่อเงินบาทอยู่ในกรอบ 32–33 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เป้าหมายทำกำไรจะอยู่เมื่อเงินบาทอ่อนค่าไปที่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ และตั้งจุดตัดขาดทุนหากเงินบาทแข็งค่ากว่า 31.50 บาท/ดอลลาร์
• สำหรับตลาดหุ้นไทย KS ประเมิน SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,260-1,295 จุด โดยดัชนี SET ปรับตัวขึ้นหลังจากเงินเฟ้อเดือน พ.ย. ยังออกมาที่ -0.49% YoY ติดลบเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ทำให้ทั้งปี 2025 มีแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่ กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ รวมถึงแรงหนุนจาก AOT หลังบอร์ดอนุมัติการแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรีกับ King Power แบบที่เงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำ (MG) และส่วนแบ่งรายได้ดูดีกว่าที่ตลาดกังวล และ BANPU จากข่าวที่สหรัฐ ส่งออก LNG ทำสถิติสูงสุด ช่วยหนุน Sentiment พลังงานฟอสซิล-ก๊าซ สำหรับสัปดาห์นี้เราแนะนำให้ติดตาม การประชุม FOMC ของสหรัฐ, มาตรการช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ และความคืบหน้าแพ็กเกจช่วยเหลือ SME
หุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ คือ
KKP : ราคาพื้นฐาน 65.50 บาท จากทิศทางผลประกอบการคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น จากผลขาดทุนการขายรถยึดคืนและ ECL ที่ลดลง คาดจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรในระยะข้างหน้า หลังสต็อกรถยึดคืนลดลงเหลือต่ำกว่า 2,000 คัน ต่ำสุดในรอบ 3 ปี อีกทั้งคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ก็ดีขึ้น รวมถึงอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ลดลงต่อเนื่องในช่วง 8 ไตรมาสที่ผ่านมาเริ่มคลี่คลาย
CPN : ราคาพื้นฐาน 53.75 บาท บริษัทกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ค่าเช่าศูนย์การค้าที่แข็งแกร่ง และแผนการเปิดศูนย์การค้าใหม่หลายแห่ง พื้นที่เช่า (NLA) มีแนวโน้มเติบโต หนุนให้รายได้กลับมาเติบโตสองหลัก ขณะที่อัตราค่าเช่ายังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง วินัยในการใช้ CAPEX และโครงการซื้อหุ้นคืน 5 พันลบ. ที่กำลังดำเนินอยู่ ทำให้ CPN มีความแข็งแรงทางการเงินและพร้อมเติบโตต่อผ่านเงินสดภายในและการนำทรัพย์สินเข้า REIT อย่างต่อเนื่อง