"อนุสรณ์" ย้ำเพื่อไทย เตือนแล้ว "อนุทิน" นั่งนายกฯจะไม่ได้แก้รธน. ชี้ "ฝ่ายค้ำ" หนุนภท.ทำเกมลากยาว ค้านยกภาวะสงครามอ้างเลื่อนเลือกตั้ง
">
วันที่ 13 ธันวาคม 2568 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ยุบสภาในช่วงเวลานี้ ว่า คนที่ติดตามการเมืองเห็นชัดแล้วว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้ตั้งข้อสังเกตมาก่อนหน้านี้ และเตือนมาตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องของการที่สนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ จะไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งสามารถไปดูการอภิปรายของพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้ได้ว่าถ้าจะจัดอันดับพรรคที่จะแก้รัฐธรรมนูญ พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคลำดับต้นๆ ที่คนนึกออกว่าเป็นพรรคไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญ
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพียงแต่คำอธิบายของพรรคภูมิใจไทยฟังดูแปลก เช่น มาตรา 256/28 ที่มีปัญหา โหวตตาม ส.ว.เพื่อต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เดินหน้าต่อไป เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้เพราะถ้า สส.พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคร่วมรัฐบาลเสียงข้างน้อย มาโหวตกับพรรคประชาชนหรือพรรคเพื่อไทย ก็มั่นใจว่าชนะเสียงของ ส.ว.อยู่แล้ว
“ถ้าต้องการที่จะแก้รัฐธรรมนูญจริง ก็โหวตตามพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชน แล้วใช้เวลา 15 วันที่จะโหวตวาระ 3 ไปประสานงานกับ ส.ว. แต่กลายเป็นว่ากลัว ส.ว. ไปโหวตคว่ำวาระ 3 จึงโหวตตาม ส.ว.ในวาระ 2 จึงเป็นคำอธิบายที่ฟังไม่ได้ พรรคเพื่อไทยบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า การแก้รัฐธรรมนูญโดยพรรคภูมิใจไทยไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง แต่สิ่งที่เขาไม่เชื่อคือ ไม่เชื่อว่าจะหักเร็วขนาดนี้ จึงเห็นชัดว่าเป็นการหักกันระหว่างสีน้ำเงินกับสีส้ม” นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยพูดเรื่องกระบวนการได้มาของ สว.หรือเรียกกันว่าฮั้ว สว. เหมือนเป็นกระบวนการผลัดกันเกาหลัง คือ สว.สีน้ำเงิน ไปเห็นชอบให้ตั้งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และที่มีการระบุว่าถ้ามีเหตุหากไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้พร้อมกันทั้งประเทศ เช่น มีเหตุภาวะสงคราม ก็อาจจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป สิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นคือการเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไป ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้พร้อมกันทั้งประเทศ หวังว่าจะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือเลือกตั้งไม่เกิน 60 วันหลังจากที่มีการยุบสภา แต่ตอนนี้ยังวางใจไม่ได้ ต้องจับตาดู
“เมื่อเราได้ฟังการสัมภาษณ์แล้วเราก็มีความรู้สึกว่า เอ๊ะ กระบวนการที่พรรคฝ่ายค้ำ ค้ำรัฐบาลอนุทินมา ส่งผลยาวโดยเฉพาะเรื่องของกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ลามไปถึงการเลือกตั้ง ซึ่งความจริงรัฐบาลรักษาการ ไม่ได้มีอำนาจเต็มเท่ารัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ฉะนั้น ช่วงนี้เป็นภาวะสุญญากาศ ที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ จึงไม่ควรนำภาวะสงครามมาเป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้ง และหวังว่าที่สุดแล้วระยะเวลาที่อยู่ในภาวะสงคราม หรือชีวิตของประชาชนไม่ควรจะถูกนำไปเป็นตัวประกันทางการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งยืดออกไป" นายอนุสรณ์กล่าว