โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

GIZ และ Nestlé ประกาศความสำเร็จในการยกระดับและขยายผล 'การเกษตรเชิงฟื้นฟู' ในกลุ่มผู้เพาะปลูกกาแฟโรบัสตาของไทย

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

GIZ และ Nestlé ประกาศความสำเร็จในการยกระดับและขยายผล 'การเกษตรเชิงฟื้นฟู' ในกลุ่มผู้เพาะปลูกกาแฟโรบัสตาของไทย

ผู้ปลูกกาแฟโรบัสตารายย่อยกว่า 2,200 ราย ในภาคใต้ของไทย ได้รับประโยชน์จากโครงการคอฟฟีพลัสและโครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส สะท้อนผลสำเร็จความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน 8 ปี

วันที่ 8 ธันวาคม 2568 องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ร่วมกับบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด รวมทั้งภาคีความร่วมมือ ภาครัฐและตัวแทนเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกกาแฟโรบัสตา ร่วมฉลองความสำเร็จของการดำเนินโครงการคอฟฟีพลัสและโครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส ซึ่งเป็นความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ตลอดระยะเวลา 8 ปี ในความร่วมมือและทุ่มเทให้กับการยกระดับคุณภาพชีวิตและความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Resilience) ของผู้ปลูกกาแฟโรบัสตารายย่อยกว่า 2,200 ราย ในภาคใต้ของประเทศไทย

GIZ และ เนสท์เล่ ได้สร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในระยะยาวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561-2568 โดยริเริ่มโครงการพัฒนาระบบการเพาะปลูกกาแฟของเกษตรกรรายย่อย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ โครงการคอฟฟีพลัส (Coffee+) และ โครงการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และความพร้อมในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของผู้เพาะปลูกกาแฟรายย่อย ด้วยแนวทางการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือโครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส (Coffee++) ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการเพิ่มผลผลิตและรายได้ครัวเรือนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทย ผ่านหลักสูตรโรงเรียนธุรกิจสำหรับเกษตรกร (Farmer Business School -FBS) และการผนวกหลักปฏิบัติการเกษตรเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เข้าไปในการจัดการสวนกาแฟอย่างเป็นระบบ แนวทางนี้ช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ปกป้องสิ่งแวดล้อม และสร้างเสริมรายได้ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

งานฉลอง 8 ปีแห่งความสำเร็จของการดำเนินโครงการคอฟฟีพลัส และโครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 คน จากภาคส่วนต่างๆ ในพิธีปิดและนำเสนอผลสำเร็จโครงการในวันนี้ที่โรงแรมนานาบุรี จังหวัดชุมพร โดยได้รับเกียรติจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธาน ผู้บริหารระดับสูงของ GIZ ประจำประเทศไทย และบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กรมวิชาการเกษตรกร กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมพัฒนาที่ดิน ในฐานะหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง พร้อมด้วยตัวแทนเกษตรกรจากพื้นที่เพาะปลูกกาแฟหลัก ได้แก่ ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง

นายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน “โครงการคอฟฟีพลัส และโครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนแผนพัฒนาการผลิตกาแฟแห่งชาติปี 2565-2574 และขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ การบูรณาการความร่วมมือภาครัฐและเอกชนให้ประสบความสำเร็จนี้ ยังได้ช่วยให้ผู้ปลูกกาแฟรายย่อยหลายพันคนและชุมชนเกษตรกรมีความยืดหยุ่น และมีความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศได้ดียิ่งขึ้น”

สำหรับกิจกรรมที่สำคัญในวันนี้คือ การนำเสนอการเดินทางของโครงการคอฟฟีพลัส และโครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส ตลอดระยะเวลา 8 ปี ในพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ ได้แก่ จังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ และระนอง การดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ได้สร้างแพลตฟอร์มให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานร่วมกันเพื่อความยั่งยืนภายหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ สำหรับช่วงกิจกรรมเสวนา ผู้แทนจาก GIZ ประจำประเทศไทยและผู้แทนจากบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้มีการนำเสนอ ผลลัพธ์ บทเรียนที่ได้เรียนรู้ ปัจจัยความสำเร็จ และข้อเสนอแนะจากโครงการเพื่อยกระดับการจัดการพื้นที่เกษตรอย่างยั่งยืน และที่สำคัญคือการบูรณาการแนวทางการเกษตรเชิงฟื้นฟูเข้าสู่แผนพัฒนากาแฟโรบัสตาทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ ผลที่ได้รับทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของการเพาะปลูกกาแฟด้วยการเกษตรเชิงฟื้นฟู ได้เพิ่มผลผลิต-รายได้และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งได้ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินและระบบนิเวศน์ในบริเวณพื้นที่เพาะปลูกกาแฟให้ดียิ่งขึ้น

นางพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ GIZ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ดังนี้ “โครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัส ประเทศไทยได้สร้างแพลตฟอร์มสำคัญให้กับภาคีทุกภาคส่วน และทุกระดับชั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกกาแฟโรบัสตามีความรู้และทักษะการจัดการสวนอย่างเป็นระบบ มีความรู้เท่าทันและเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความสำเร็จของโครงการคือ การสร้างแนวทางที่ยั่งยืนในการจัดการพื้นที่เกษตรเพื่อการปลูกกาแฟโรบัสตาอย่างยั่งยืน แนวทางดังกล่าวได้รับการบูรณาการอยู่ในแผนทั้งในระดับประเทศและระดับจังหวัดเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับการปลูกกาแฟโรบัสตาในพื้นที่ภายหลังจากโครงการเสร็จสิ้นลง”

นายฟิลิปป์ เกลาเซอร์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายเทคนิคและอุตสาหกรรมการผลิต เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวเพิ่มเติมดังนี้ “เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือกับ GIZ และมีส่วนช่วยยกระดับการเกษตรเชิงฟื้นฟูให้กับเกษตรกรรายย่อยหลายพันคน โครงการคอฟฟีดับเบิ้ลพลัสมีส่วนช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมและช่วยให้เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกกาแฟโรบัสตามีผลผลิตและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคต่างก็ได้รับประโยชน์จากผลผลิตกาแฟคุณภาพดีที่ผลิตจากแนวปฏิบัติด้านการเกษตรเชิงฟื้นฟู และสิ่งสำคัญคือ การทำงานร่วมกันครั้งนี้ยังมีส่วนสนับสนุนให้เนสท์เล่บรรลุเป้าหมายของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 อีกด้วย”

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...