สัมพันธ์จีน-ไทย 50 ปี : สืบสานจากประวัติศาสตร์ ยืนยงด้วยการแลกเปลี่ยน
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
กรุงเทพฯ, 26 ธ.ค. (ซินหัว) — เหล่ารูปปั้นหินแกะสลัก ณ พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ อาจดูเป็นเพียงเทพผู้พิทักษ์ตกแต่งพื้นที่ในสายตานักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ แต่ความจริงแล้วรูปปั้นหินบางส่วนนั้นเคยข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ในฐานะ “อับเฉาถ่วงดุล” ประจำเรือสินค้าของจีนและถูกนำขึ้นฟากฝั่งตั้งแต่หลายศตวรรษก่อน โดยโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นดังเครื่องเตือนใจว่าความสัมพันธ์จีน-ไทยหล่อหลอมขึ้นมาจากการติดต่อค้าขายที่ยาวนาน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ
หมุดหมายครึ่งศตวรรษ หยั่งรากลึกในเรื่องราวอันยาวนาน
ขณะการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 13-17 พ.ย. ซึ่งเป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทยนับตั้งแต่สองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1975 และจีนเป็นประเทศใหญ่แห่งแรกที่พระองค์ทรงเลือกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ ได้เป็นหมุดหมายสำคัญในวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย
วันที่ 14 พ.ย. สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เข้าพบพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ อาคารมหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง โดยสีจิ้นผิงกล่าวว่าตลอดระยะเวลาครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา จีนและไทยได้สนับสนุนซึ่งกันและกันท่ามกลางภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมเสริมว่าจีนพร้อมทำงานร่วมกับไทย ณ จุดเริ่มต้นครั้งประวัติศาสตร์ใหม่นี้ เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่ผ่านมาและเดินหน้าการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกันในช่วง 50 ปีข้างหน้า
ด้านอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งตามเสด็จเยือนจีน กล่าวว่าการเสด็จเยือนครั้งนี้ “เปิดบทใหม่” ของความสัมพันธ์ทวิภาคี ขณะพิธีการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฝ่ายจีนสะท้อนมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ประเมินค่าไม่ได้
ความสัมพันธ์ที่มีรากฐานมาก่อนการทูตสมัยใหม่
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างจีน-ไทยในด้านการค้ามีมาก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างทั้งสองฝ่ายหลายศตวรรษ บันทึกทางประวัติศาสตร์หลายฉบับระบุว่า การแลกเปลี่ยนสื่อสารระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นจากสมัยราชวงศ์หมิง (ปี 1368-1644) กองเรือจีนภายใต้การนำของเจิ้งเหอแล่นผ่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเดินทางถึงพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน รวมถึงแถบจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน ขณะการค้าทางทะเลเฟื่องฟู จีนนำเข้าข้าว เครื่องเทศ และแร่ธาตุจากสยาม ส่วนพ่อค้าไทยนำเข้าเครื่องเคลือบ ผ้าไหม ชา และเครื่องเหล็กจากจีน
ร่องรอยทางวัตถุของการแลกเปลี่ยนยุคแรกเริ่มเหล่านี้ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงปัจจุบัน โดยรูปปั้นหินแกะสลักจากจีน ซึ่งเดิมทีใช้เป็นอับเฉาถ่วงดุลเรือสินค้าขากลับ ถูกขนส่งมายังไทยและจัดวางตามสถานที่สำคัญและศาสนสถาน รูปปั้นหินบางส่วนมีจารึกว่า “ผลิตในกว่างตง (กวางตุ้ง)” ด้วย โดยรูปปั้นหินแกะสลักเหล่านี้ถูกค้นพบเป็นจำนวนมากระหว่างการบูรณะพระบรมมหาราชวังในปี 2021 คณะนักวิจัยเชื่อว่ารูปปั้นหลายตัวมาจากยุคปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเป็นสายใยสำคัญ
นอกเหนือจากการค้าขาย ปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมยังมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมความสัมพันธ์ทวิภาคี องค์ประกอบทางวัฒนธรรมของจีนค่อยๆ ปรากฏในสังคมไทย เห็นได้จากสถาปัตยกรรม จิตรกรรมฝาผนังวัด และชีวิตประจำวัน โดยอาหารอย่างก๋วยเตี๋ยว ซาลาเปา และโจ๊ก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน กลายเป็นเมนูทั่วไปในไทย ขณะเดียวกันเทศกาลจีนดั้งเดิมอย่างตรุษจีนได้รับการเฉลิมฉลองอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะย่านเยาวราชของกรุงเทพฯ
การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมยังคงดำเนินต่อไปในรูปแบบสมัยใหม่ ภาพยนตร์ กีฬา และกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ กลายเป็นเวทีสร้างปฏิสัมพันธ์นอกเหนือจากช่องทางทางการ ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนสองประเทศ โดยปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เคยกล่าวว่าความสัมพันธ์ไทย-จีนฝังรากลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรม อาหาร และผู้คนของทั้งสองประเทศ
ห้าสิบปีแห่งความร่วมมือที่มั่นคง
จีนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1975 มีการติดต่อสื่อสารเพิ่มขึ้นผ่านแลกเปลี่ยนด้านการค้าและวัฒนธรรม โดยตลอดห้าทศวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทวิภาคีได้ขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจขยายวงกว้างตามกาลเวลา สินค้าเกษตรของไทยได้รับความนิยมในตลาดจีน สินค้าที่ผลิตในจีนได้เข้าสู่ตลาดไทย บริษัทจีนจำนวนมากที่ดำเนินธุรกิจในไทยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและการพัฒนาในระยะยาว
ขณะการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ช่วยเสริมสร้างรากฐานทางสังคมของความสัมพันธ์ทวิภาคี ทำให้ความร่วมมือมีความยืดหยุ่นและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนและความคิดสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมกำลังเกิดขึ้นควบคู่กับความร่วมมือดั้งเดิม เปิดช่องทางใหม่สำหรับการมีส่วนร่วมในระยะยาว สอดคล้องกับแนวทางของทั้งสองประเทศที่ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่อง
นับจากหินถ่วงเรือที่เคยข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงการแลกเปลี่ยนประจำวัน ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้เดินทางมาอย่างยาวไกล แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วยประสบการณ์ร่วม และก้าวหน้าสู่บทต่อไปอย่างมั่นคง