โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘นักประวัติศาตร์’ ร่อนจม.เปิดผนึกถึงนายกฯแนะ 6 ขั้นตอน ขอคืน ‘ปราสาทพระวิหาร’

ไทยโพสต์

อัพเดต 26 ธันวาคม 2568 เวลา 18.07 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

26 ธ.ค.2568- นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊ก เผยแพร่ จดหมายเปิดผนึก เรื่อง ขอคืนปราสาทพระวิหารและใช้ข้อสงวนสิทธิ์ เรียน ฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า

กระผมมีข้อเสนอในเรื่องการขอคืนปราสาทพระวิหารดังนี้

วิธีการใช้ข้อสงวนสิทธิ์ ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม 2505 และแนะนำ ปราสาทพระวิหารคืนประเทศไทยโดยแจ้งสหประชาชาติว่าไทยมีหลักฐานใหม่ทางกฎหมายและการอ้างอิงสันปันน้ำที่ขอบหน้าผาของฝ่ายกัมพูชาผ่านแผนบริหารการจัดการมรดกโลกปราสาทพระวิหาร รวมถึงการกำหนดเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปีค.ศ. 1904 ให้ใช้สันปันน้ำ ซึ่งปัจจุบันทางการกัมพูชาได้ยอมรับว่าสันปันน้ำบริเวณประสาทพระวิหารอยู่ที่ขอบหน้าผานั่นเอง โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ใช้กำลังทหารยึดคืนปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทั้งหมด ตาม อนุสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปีค.ศ. 1904

2. รัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี สั่งการกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติแจ้งว่าไทยในฐานะประเทศสมาชิกขอใช้ข้อสงวนสิทธิ์ที่เคยตั้งเอาไว้และไม่ยอมรับคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหารโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ตัดสินคดีไม่ยุติธรรมและขัดแย้งกับสนธิสัญญารวมถึงสภาพความจริงทางภูมิศาสตร์ในคดี

3. รัฐบาลตั้งทีมในการเจรจาใช้ข้อสงวนสิทธิ์และแจ้งไปยังเลขาธิการสหประชาชาติอ้างอิงหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และหลักฐานในปัจจุบันของฝ่ายกัมพูชาที่ยอมรับว่าสันปันน้ำบริเวณ ปราสาทพระวิหาร อยู่ที่ขอบหน้าผา ตามแผนบริหารจัดการที่ยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลกและการสำรวจภูมิประเทศโดยเทคโนโลยีไลด้า

4. คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อปีค.ศ. 1962 และปีค.ศ. 2003 มุ่งไปยังประเด็นการให้อำนาจอธิปไตยกับประเทศกัมพูชาและไทยถอนกำลังยามรักษาการตำรวจและทหารออกจาก อาณาบริเวณรอบประสาท ดังนั้นเมื่อประเทศไทยมีหลักฐานใหม่และยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเส้นเขตแดนที่ปรากฏตามข้อบทในสนธิสัญญาปีค.ศ. 1904 ใช้สันปันน้ำ คณะกรรมการปักปันเขตแดนได้กำหนดเอาไว้ให้อยู่ที่ขอบหน้าผาซึ่งมีระดับความสูงกว่า 600 เมตรจากระดับน้ำทะเลเป็นจุดที่สูงที่สุด ปราสาทพระวิหารจึงเป็นของราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรไทยขอคืนสภาพการใช้อำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์และมีสิทธิ์ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่จะตั้งยามรักษาการตำรวจและทหารดูแลรักษา พระราชอาณาเขต โดยที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมิได้ตัดสินเรื่องเขตแดนหรือเส้นเขตแดนหรือแม้กระทั่งแผนที่ที่ถูกอ้างอิงว่าเป็นแผนที่อันเป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยามอินโดจีนฝรั่งเศสตามอนุสัญญาปีค.ศ. 1904

กัมพูชาอาศัยความเข้าใจผิดในคำพิพากษาให้เป็นคุณกับ ฝ่ายตนเองโดยการประกาศพระราชกฤษฎีกาพื้นที่ประกาศพระวิหารเมื่อปีพ.ศ.2550 ซึ่งไทยได้ประท้วงไว้แล้วถึงสองครั้ง และได้แจ้งไปยังราชเลขาธิการ ตามหนังสือที่กต. 0803 / 453 ลงวันที่ 20 มิถุนา 2551
ประเทศไทยจึงมีสิทธิ อำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารและดินแดนทั้งหมดบนเทือกเขาพนมดงรัก

5. รัฐบาลต้องสั่งการไปยังกองทัพภาค2 ให้ตั้งฐานทัพบนตัวประสาทพระวิหารและแจ้งไปยังคณะกรรมการมรดกโลก และศูนย์มรดกโลกที่ปารีสว่าการกระทำของกัมพูชาที่ใช้ปราสาทพระวิหารสะสมยุทธโธปกรณ์กำลังทหารและรุกล้ำดินแดนประเทศภาคีสมาชิกอย่างประเทศไทย ขอให้คณะกรรมการมรดกโลกมีคำวินิจฉัยอย่างเร่งด่วนในการยกเลิกทะเบียนมรดกโลกประสาทพระวิหารออกจากบัญชีโดยอาจจะขึ้นเป็นมรดกโลกอันตรายเอาไว้ก่อนก็ได้

6. รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศแจ้งไปยังรัฐบาลกัมพูชาว่าประเทศไทยไม่ประสงค์ที่จะให้กัมพูชาได้ใช้อำนาจอธิปไตยเหนือประสาทพระวิหารอีกต่อไปทั้งปัจจุบันและอนาคต ทั้งชาตินี้และชาติหน้า

ขอแสดงความนับถือ
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม
25 ธันวาคม 2568

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...