SCL เข้าร่วม JUMP+ ลุย Warehouse Automation รุกยุโรปและ EV
"เอส.ซี.แอล. มอเตอร์ พาร์ท "ประกาศทิศทางการเติบโตระยะกลาง ผ่านการเข้าร่วมโครงการ JUMP+ (Jump Plus) ภายใต้การดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) สะท้อนวิสัยทัศน์ของ SCL ในการยกระดับบทบาทจากผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ สู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ เทคโนโลยี และ ESG ทั้งการลงทุน Warehouse Automation และ Solar Rooftop พร้อมเดินหน้า ขยายฐานลูกค้า – เพิ่มแบรนด์ – หนุนตลาดอะไหล่ยุโรปและ EV ตอบโจทย์ลูกค้าตลาดรถยนต์สะสมในประเทศ
นายสกล ตั้งก่อสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.ซี.แอล. มอเตอร์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SCL ผู้นำด้านศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า SCL เข้าร่วมโครงการ JUMP+ (Jump Plus) ภายใต้การดำเนินการของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนและตลาดทุนไทยให้ยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดทำแผนธุรกิจ แผนด้านธรรมาภิบาล และแผนด้าน Climate Action ที่มีเป้าหมายชัดเจนและสามารถวัดผลได้ภายในระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ. 2569–2571) ซึ่งสอดคล้องกับแผนเพิ่มมูลค่าที่บริษัทได้วางกรอบการเติบโตไว้อย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ 89 ล้านบาทในปี 2571 พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG อย่างเป็นระบบ
ภายใต้แผน JUMP+ SCL มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าในช่องทางใหม่ ได้แก่ ลูกค้าทั่วไปภาคเหนือและภาคใต้ รวมทั้ง ขยายผ่านศูนย์บริการ ประกันภัย และ E-Commerce รวมทั้ง การเพิ่มแบรนด์สินค้าอะไหล่รถยนต์และแบตเตอรี่ โดยเฉพาะอะไหล่สำหรับรถยนต์ยุโรป และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ รองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์สะสมในประเทศ ซึ่งมีอยู่กว่า 22 ล้านคัน เป็นฐานรายได้หลักของธุรกิจอะไหล่ทดแทน (REM)
บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้ (Revenue Growth) จาก 7.89% ในปี 2569 เป็น 11.11% ในปี 2571 ขณะที่ อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (Net Profit Growth) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20% ต่อปี ในช่วงแผนงานดังกล่าว จากการวางแผนปรับปรุงกระบวนการทำงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ควบคู่กับการลงทุนในโครงการที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระยะยาว
หนึ่งในโครงการสำคัญคือการลงทุน Warehouse Automation โดยในปี 2569 บริษัทจะก่อสร้างอาคารคลังสินค้าแห่งใหม่ภายในศูนย์กระจายสินค้า จังหวัดปทุมธานี พร้อมติดตั้งระบบคลังสินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบ และนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดต้นทุน และยกระดับคุณภาพการให้บริการลูกค้า ก่อนต่อยอดการพัฒนาระบบ Logistics ในปี 2570 และการนำยานพาหนะไฟฟ้าเข้ามาใช้ในการขนส่งในปี 2571
ในมิติความยั่งยืน SCL เดินหน้า Climate Action ไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผน JUMP+ อย่างชัดเจน โดยจะติดตั้ง Solar Rooftop ในคลังสินค้าใหม่และระบบโลจิสติกส์ เพื่อช่วยลดต้นทุนพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทในระยะยาว รวมถึงแผนการจัดหารถขนส่งไฟฟ้าและระบบหัวชาร์จ เพื่อลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและส่งเสริม ESG
นอกจากนี้ SCL ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับธรรมาภิบาลองค์กร ผ่านการวางแผนบริหารความเสี่ยงของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ การกำหนดกรอบงบประมาณ การติดตามความคืบหน้าโครงการอย่างใกล้ชิด และการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ SCL ผู้นำด้านศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์อะไหล่รถยนต์แบบครบวงจร มีสินค้าครอบคลุมกว่า 190,000 รายการ จากแบรนด์ชั้นนำกว่า 60 แบรนด์ พร้อมระบบศูนย์กระจายสินค้าทันสมัยที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ให้บริการลูกค้าหลักของ SCL ครอบคลุมทั้งอู่ซ่อมรถยนต์ ศูนย์บริการรถยนต์ บริษัทประกันภัย และร้านอะไหล่ท้องถิ่น รวมกว่า 1,600 รายทั่วประเทศ พร้อมช่องทางจำหน่ายออนไลน์ที่ช่วยขยายการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO