โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทำเนียบขาวแฉทรัมป์สั่งกองทัพทุ่มเท‘กักกัน’ สกัดไม่ให้เวเนซุเอลาส่งออกน้ำมันอย่างต่ำ2 เดือน เชื่อต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรง

Manager Online

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

ทำเนียบขาวสั่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ทุ่มเทแทบทั้งหมดกับการใช้มาตรการ “กักกัน” น้ำมันเวเนซุเอลาอย่างเข้มงวดไม่ให้ส่งออกสู่โลกภายนอกได้ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน เชื่อไม่เกินสิ้นเดือนหน้าการากัสจะต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรง ขณะที่พวกผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติออกคำแถลงประณามอเมริกาว่า กำลังกระทำเรื่องที่ละเมิดกฎบัตรยูเอ็น อีกทั้งเข้าข่ายการรุกรานด้วยอาวุธอย่างผิดกฎหมาย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้หนึ่งเมื่อวันพุธ (24 ธ.ค.) ว่า ถึงแม้ยังไม่ได้ละทิ้งทางเลือกทางการทหาร แต่ทำเนียบขาวต้องการมุ่งเน้นการกดดันทางเศรษฐกิจกับเวเนซุเอลาก่อน ด้วยการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชันเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ

แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลีกเลี่ยงไม่กล่าวอย่างเปิดเผยถึงเป้าหมายที่แท้จริงของเขาเกี่ยวกับเวเนซุเอลา แต่ตามรายงานข่าวในช่วงหลายวันมานี้ชี้ชัดว่า ในทางส่วนตัวแล้วทรัมป์ได้เดินเกมกดดันประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ให้ยอมหลบหนีออกจากเวเนซุเอลา เป็นต้นว่า เขากล่าวเมื่อวันจันทร์ (22) ที่ผ่านมาว่า จะเป็นเรื่องฉลาดถ้ามาดูโรก้าวลงจากอำนาจ

เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวซึ่งขอให้สงวนนาม เผยต่อไปว่า ความพยายามที่กระทำมาจนถึงเวลานี้ได้สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อมาดูโร และเชื่อว่าภายในปลายเดือนมกราคมนี้ เวเนซุเอลาจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรง เว้นแต่จะยอมตกลงตามเงื่อนไขสำคัญๆ ของอเมริกา

สหรัฐฯเล็งยึดเรือน้ำมันเพิ่มเป็นลำที่ 3

ทรัมป์กำลังกล่าวหาเวเนซุเอลาว่าลักลอบส่งยาเสพติดเข้าสู่อเมริกา และช่วงหลายเดือนมานี้ กองทัพสหรัฐฯ ได้โจมตีระเบิดเรือหลายลำในอเมริกาใต้โดยอ้างว่า ลักลอบขนยาเสพติด ท่ามกลางการประณามของหลายประเทศว่า เหตุการณ์เหล่านี้เป็นการกระทำวิสามัญฆาตกรรม

ทรัมป์ยังขู่ซ้ำๆ ว่า จะเริ่มทิ้งระเบิดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านยาเสพติดในแผ่นดินเวเนซุเอลา และสั่งให้สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ปฏิบัติการลับโดยพุ่งเป้าที่การากัส

ช่วงเดือนธันวาคมนี้ หน่วยยามฝั่งของอเมริกาได้บุกยึดเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำกลางทะเลแคริบเบียน ที่กำลังขนน้ำมันเวเนซุเอลาเต็มลำ และตามที่รอยเตอร์ได้รายงานไปแล้ว หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯยังอยู่ระหว่างระดมกำลังเพิ่มเติม เพื่อเข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันลำที่ 3 หลังจากได้พยายามเข้ายึดมาแล้วครั้งหนึ่งด้วยซ้ำเมื่อวันอาทิตย์ (21) กับเรือ เบลลา-1 ซึ่งปรากฏว่าเป็นเรือเปล่ายังไม่ได้บรรทุกน้ำมัน

ซามูเอล มอนคาดา เอกอัครราชทูตเวเนซุเอลาประจำสหประชาชาติ กล่าวในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อวันอังคาร (23 ธ.ค.) ว่า ภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นมาไม่ใช่เวเนซุเอลา แต่เป็นอเมริกา

อเมริการะดมกำลังครั้งใหญ่

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวผู้นั้นไม่ได้อธิบายชัดเจนว่า คำสั่งให้กองทัพโฟกัส “ทุ่มเทแทบทั้งหมด” กับการขัดขวางไม่ให้น้ำมันเวเนซุเอลาออกนอกประเทศได้นั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ เพนตากอนได้ระดมกำลังทหารครั้งใหญ่ในย่านแคริบเบียน ครอบคลุมจำนวนทหารกว่า 15,000 นาย เรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ เรือรบอื่นๆ 11 ลำ และเครื่องบินเอฟ-35 กว่า 10 ลำ ซึ่งแม้สรรพกำลังเหล่านี้จำนวนมากสามารถใช้เพื่อเสริมการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชัน แต่อีกหลายส่วน เช่น เครื่องบินขับไล่ ดูไม่เหมาะกับภารกิจนี้นัก

วันอังคาร อเมริกากล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่า จะใช้มาตรการแซงก์ชันเพื่อปิดกั้นทรัพยากรของมาดูโรในระดับสูงสุด

ตอนต้นเดือนนี้ ทรัมป์ได้ออกสั่งคำสั่งให้ปิดกั้น (blockade) เรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกสหรัฐฯแซงก์ชันทุกลำ ไม่ให้เข้า-ออกจากเวเนซุเอลา ทว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้เปลี่ยนมาใช้คำว่า “กักกัน” (quarantine) แทน ซึ่งเป็นคำที่อเมริกาเคยใช้ในช่วงวิกฤตขีปนาวุธคิวบาปี 1962 ที่คณะบริหารของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ในขณะนั้น ไม่ต้องการให้สถานการณ์บานปลาย และโรเบิร์ต แมคนามารา รัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลเคนเนดี้ อธิบายในปี 2002 ว่า ที่หันมาใช้คำว่า “กักกัน” เนื่องจากคำว่า “ปิดกั้น” เป็นศัพท์ที่ใช้ในเวลาทำสงคราม

ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นชี้สหรัฐฯ 'รุกรานด้วยกำลังอาวุธ'

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิ์ของยูเอ็น 4 คนออกคำแถลงร่วมฉบับหนึ่ง ประณามอเมริกาว่า การแซงก์ชันฝ่ายเดียวด้วยการปิดล้อมทางทะเลต่อเวเนซุเอลาโดยใช้กำลังอาวุธเป็นการละเมิดกฎบัตรยูเอ็น อีกทั้งเข้าข่ายเป็นการรุกรานด้วยอาวุธอย่างผิดกฎหมาย เมื่อพิจารณาภายใต้คำจำกัดความ “การรุกราน” ของสมัชชาใหญ่ยูเอ็นปี 1974

“ดังนั้น จึงถือเป็นการโจมตีด้วยอาวุธภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตร ซึ่งโดยหลักการอนุญาตให้ประเทศที่ถูกโจมตีใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเอง”

ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ยังระบุว่า การที่อเมริกาโจมตีเรือในทะเลแคริบเบียนด้วยข้อกล่าวหาว่า ลักลอบขนยาเสพติดโดยปราศจากหลักฐาน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการมีชีวิต มราต้องมีการสอบสวนเพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษ นอกจากนั้น รัฐสภาสหรัฐฯ ควรเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้มีการโจมตีเกิดขึ้นอีก และยกเลิกการปิดกั้นเวเนซุเอลา

คณะผู้เชี่ยวชาญยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ดำเนินมาตรการเพื่อหยุดยั้งการปิดกั้นและการฆาตกรรมอย่างผิดกฎหมาย และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 คนที่ลงนามคำแถลงร่วมในครั้งนี้ ได้แก่ เบน ซอล ผู้รายงานพิเศษของยูเอ็นว่าด้วยการปกป้องสิทธิมนุษยชนในขณะดำเนินการต่อต้านการก่อการร้าย, จอร์จ คาตรูกาลอส ผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยการส่งเสริมวาระระหว่างประเทศทางประชาธิปไตยและความเท่าเทียม, สุรยา เดวา ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา, และ จินา โรเมโร ซึ่งดูแลเรื่องสิทธิในเสรีภาพของการชุมนุมและการรวมตัวเป็นสมาคมอย่างสันติ

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นเป็นบุคลากรอิสระที่ได้รับมอบหมายจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนให้รายงานผลการตรวจสอบ แต่ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็นที่สะท้อนมุมมองของยูเอ็นโดยตรง

(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...