โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รู้จักรถแห่ พื้นที่ความบันเทิงม่วนคักของอีสาน

นิตยสารคิด

อัพเดต 20 ส.ค. 2564 เวลา 03.48 น. • เผยแพร่ 20 ส.ค. 2564 เวลา 03.48 น.
ISAN-online-aug-cover

“รถแห่” มหรสพบนคันรถ สัญลักษณ์ของความสนุกสนานครื้นเครงของชาวอีสานบ้านเฮา ที่แค่ได้ยินชื่อก็ชวนให้นึกถึงแสงนีออนที่ประดับตกแต่งสว่างไสว เสียงกระหึ่มของเครื่องเสียงที่มาก่อนเห็นคันรถ สีสันสะดุดตาดูสนุกสนาน กับนักร้องนักดนตรีที่ตอนนี้มีชื่อเสียงไปแล้วหลายท่าน ที่ขาดไม่ได้ก็คือเจ้าภาพและผู้ชมที่กำลังออกลีลาท่าทางตามเสียงเพลงลูกทุ่งหมอลำบ้างหรือเพลงสมัยใหม่ติดหูบ้าง ในงานบุญ งานบวช และงานประเพณีต่าง ๆ ที่ได้จ้างรถแห่มาสร้างความบันเทิง เรียกได้ว่าหากพูดถึงอีสาน ภาพของอาหารแซ่บและความบันเทิงต้องโผล่มา และรถแห่ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างของความบันเทิงอีสานในภาพจำของใครหลายคน 

ภาพรถแห่ดาราทองเมื่อ พ.ศ. 2540© today.line.me

แล้วภาพจำของความบันเทิงเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
จากการค้นคว้า ผู้เขียนพบว่า ก่อนหน้านี้ชาวอีสานมักจะเฉลิมฉลองงานมหรสพต่างๆ ผ่านขบวนแห่ที่มีเฉพาะคนฟ้อนเซิ้ง โดยยังไม่มีการแต่งรถเพื่อร่วมขบวนแห่แต่อย่างใด จนกระทั่ง พ.ศ. 2540 จึงเริ่มมีการนำรถกะบะใส่เครื่องเสียง โดยยุคนั้นยังไม่มีนักร้อง ไม่มีนักดนตรีเหมือนในปัจจุบัน ก่อนจะค่อย ๆ เพิ่มขนาดและสมรรถนะมาเป็นรถบรรทุกที่มีนักดนตรีนักร้องแห่ไปตามหมู่บ้าน จนขยับชั้นมาเป็นรถบัสที่ติดตั้งเครื่องเสียง มีนักร้องนักดนตรีแบบฟูลทีม เทียบได้กับเวทีคอนเสิร์ตบนรถก็ไม่ปาน

นับถึงปัจจุบัน คณะรถแห่ที่ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในวงการรถแห่ คงต้องมีชื่อของ “รถแห่ดาราทอง มิวสิค” รวมอยู่ด้วยเป็นแน่ โดย “รถแห่ดาราทอง มิวสิค” ถือเป็นรถแห่ดนตรีสดวงแรกของภาคอีสาน มีสำนักงานอยู่ที่บ้านหนองตราดน้อย ตำบลชุมเห็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์  ความโดดเด่นของรถแห่จากดาราทอง มิวสิค คือ การนำรถบรรทุกหกล้อมาดัดแปลง ปรับปรุง และแปลงโฉมเป็นรถแห่แสนซิ่งที่ชวนว้าวและชวนติดตามทุกปี

ภาพฮูปแต้มขบวนแห่อีสาน ที่สิมวัดป่าเลไลย์ จังหวัดมหาสารคาม
ภาพจาก : rms.msu.ac.th

ย่อหน้าด้านบนนั้นเล่าถึงประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์ของ “รถแห่”​ แบบที่เราคุ้นตาในปัจจุบัน แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า ก่อน “รถแห่” จะถือกำเนิด ชาวอีสานนั้นเฉลิมฉลองมหรสพหรืองานบุญผ่าน “ขบวนแห่” โดยขบวนแห่ในยุคก่อน จะมีการนำลำแคน และลำเต้ย มาสร้างความบันเทิงควบคู่กับการฟ้อนรำ ทั้งนี้ จากการศึกษาผ่านฮูปแต้ม หรือจิตรกรรมท้องถิ่นอีสาน พบว่า ถึงแม้ภาพจิตรกรรมภายในสิมอีสาน (อุโบสถ) จะเน้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา แต่ด้วยความที่งานสร้างจากฝีมือของช่างท้องถิ่น จึงมีการสะท้อนผ่านมุมมองของช่างในเรื่องของวัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของชาวอีสานผสมผสานเข้าไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ประเพณีความเชื่อ รวมถึงขบวนแห่ที่มีเครื่องดนตรีท้องถิ่นแฝงอยู่ในภาพนั้นด้วย 

ผู้เขียนขอหยิบยกฮูปแต้มภายในสิมของวัดป่าเลย์ไลย์ บ้านหนองพอก หมู่ 7 ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม มาเป็นตัวอย่าง ภาพนี้เขียนโดยพระอาจารย์สิงห์วงศ์ ฮูปแต้มที่อยู่ในวัดป่าเลย์ไลย์นี้ ปรากฏภาพของชายหญิงที่อยู่ในท่าฟ้อนรำคล้ายกับท่าเซิ้ง รวมถึงมีภาพของเครื่องเป่าที่คล้ายแคนและครื่องดีด จึงมีการสันนิษฐานกันว่า ฮูปแต้มนี้เป็นภาพขบวนแห่ของชาวอีสาน โดยสิมแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2460 จึงเป็นไปได้ว่าภาพจิตรกรรมภายในสิมน่าจะถูกเขียนขึ้นในช่วงปีนั้น ซึ่งจากข้อสันนิษฐานนี้ ทำให้อาจกล่าวได้ว่า ขบวนแห่ของชาวอีสานพบหลักฐานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นอย่างน้อย 

หลากหลายมุมมองเกี่ยวกับรถแห่ จากคนสามรุ่น
เพื่อสะท้อนภาพของรถแห่ในหลากหลายมุมมอง ผู้เขียนจึงได้ติดต่อขอสัมภาษณ์บุคคลต่างวัย 3 ท่าน โดยท่านแรกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรมอีสาน อย่าง ดร.ธัญลักษณ์ อุบลเลิศ ชาวยโสธร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น ประธานสภาคณาจารย์และบุคลากร กรรมการสภาสถาบันโดยตำแหน่ง วิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด 

ผู้เขียนได้ขอสัมภาษณ์ ดร.ธัญลักษณ์ ในมุมของผู้อนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรมและสร้างสรรค์ความบันเทิง โดยท่านได้พูดถึงรถแห่จากความเข้าใจของท่านว่า “รถแห่จากที่เคยเห็น จะเป็นการนำรถบรรทุก หรือรถสิบล้อ มาตกแต่งแล้วมีการเล่นดนตรีสากลบนรถ ลักษณะเหมือนรถคอนเสิร์ต มีการนำรถแห่เข้ามาสร้างความบันเทิงในงานประเพณีต่างๆ อย่าง บั้งไฟยโสธร รวมถึงงานบุญ งานบวช งานแห่นาค เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ก่อนหน้านี้ก็มีขบวนแห่อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีการนำรถแห่มาสร้างความครึกครื้น เดิมทีก็สนุกแบบบ้าน ๆ กัน เรื่องรถแห่นี่ถือได้ว่าวัยรุ่นมีบทบาทในการนำเข้ามาในงานบุญต่าง ๆ อย่างมาก” 

นอกจากนี้ ดร.ธัญลักษณ์ ยังได้แบ่งปันถึงความเป็นมาของรถแห่ ว่า “สมัยก่อน คนจะมองว่า อีสานแห้งแล้ง แต่เมื่อมีโอกาสพิเศษ คนอีสานก็สนุกเต็มที่เลยนะ ขบวนแห่อย่างเช่น งานแห่กันหลอน งานแห่กฐิน ถึงจะมีเครื่องดนตรีแค่ไม่กี่ชิ้น แต่คนก็ร้องรำกันเต็มที่ไม่แพ้รถแห่สมัยนี้เลย  แล้วต่อมาเริ่มมีการพัฒนาเครื่องดนตรีไฟฟ้า อย่าง พวกพิณให้เสียงดังกังวานขึ้น คนยิ่งสนุกเต็มที่ รถแห่ถือได้ว่าเป็นที่นิยมกันทั้งผู้ใหญ่และคนหนุ่มสาวอีสาน

“ส่วนเรื่องประเภทของรถแห่ ก่อนที่จะใช้รถขนาดใหญ่อย่างในสมัยนี้ เมื่อก่อนเขาจะแห่กันบนรถกะบะ แล้วค่อยพัฒนาเรื่องรถ สมัยนี้นอกจากความสนุกที่ชาวเราได้รับแล้ว ผู้นำยังได้เรื่องของภาพลักษณ์หรือโชว์ฐานะด้วย เพราะการจะจ้างรถแห่ได้ต้องใช้งบประมาณที่สูงพอสมควร ถ้าใครสามารถจ้างรถแห่มาได้ จะบ่งบอกถึงฐานะของคนนั้นได้ดี คนก็พึงพอใจ คือลักษณะคนอีสานนี่ ถ้าเป็นกิจกรรมที่ถูกจริตด้วยแล้ว เขาจะมองข้ามด้านลบ ก็คือความฟุ่มเฟือยไปได้”

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว ถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นชัดเจนทีเดียวว่า ความสนุกม่วนคักกับคนอีสานนั้นขาดกันไปไม่ได้ และจากข้อมูลที่ ดร.ธัญลักษณ์ ได้เล่าถึงบทบาทของวัยรุ่นในการนำรถแห่มาร่วมงานบุญงานบวช ยังทำให้เราพอจะอนุมานได้ว่า การที่ดนตรีลูกทุ่งสมัยใหม่หรือเพลงสมัยใหม่เริ่มถูกแสดงหรือเปิดในขบวนรถแห่มากขึ้น น่าจะเกิดจากความสนใจของวัยรุ่น จนในปัจจุบันเพลงที่ถูกเปิดในขบวนรถแห่ก็มีหลากหลาย แต่หลัก ๆ จะเน้นท่วงทำนองอันเร้าใจสนุกสนาน

นอกจากจะได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะวัฒนธรรมชาวอีสานโดยตรงแล้ว ผู้เขียนยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณครูแพท ครูวัยกลางคนชาวยโสธร ที่ปัจจุบันทำอาชีพเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนสันติธรรม โดยการสัมภาษณ์ครั้งนี้ทำผ่านออนไลน์ ซึ่งคุณครูแพทได้สะท้อนมุมมองไว้ดังนี้ 

“ในมุมมองของครู ครูรู้จักรถแห่จากขบวนกลองยาวก่อน จากนั้นเราเห็นพัฒนาการว่า เขาเริ่มแห่กันบนพาหนะ เช่น รถ โดยรถแห่คือสัญลักษณ์ความบันเทิง ชาวบ้านได้ผ่อนคลาย สนุกด้วยกันอย่างเต็มที่” เคยตั้งคำถามไหมว่าทำไมต้องเป็นรถ? “อาจเพราะมันสะดวก ติดตั้งเครื่องเสียง แล้วก็น่าจะประหยัดงบประมาณมากกว่า” โดยส่วนตัวเคยมีประสบการณ์รถแห่ไหมคะ? “ตัวครูเองไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมกับรถแห่เท่าไหร่ แต่คุณแม่ชอบมาก ปัจจุบัน แม่อายุ 54 ปี ชอบไปดูรถแห่กับคุณพ่อ แล้วก็เดอะแก๊งรุ่น ๆ เดียวกัน” 

สำหรับคุณครูแพทแล้ว รถแห่คือตัวแทนที่สะท้อนความรักสนุกของคนอีสาน แต่ขณะเดียวกัน รถแห่ในปัจจุบันมักมีภาพการดื่มของมึนเมาและการเปิดเพลงที่ส่อไปในทางเพศบ่อยครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจถูกตีความได้หลายแง่มุม และในมุมของครูแพท ชอบที่จะเห็นรถแห่ในมุมสร้างสรรค์มากกว่า

จากมุมมองคุณครู เราข้ามฟากมาสัมภาษณ์นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร คณะโบราณคดีชั้นปีที่ 4 คือ อุบลวรรณ โสไกร หรือ คุณสาม คุณสามเป็นชาวภาคกลาง ความเห็นของเธอจึงช่วยสะท้อนมุมมองของคนต่างพื้นที่ที่มีต่อรถแห่ได้เป็นอย่างดี

“เรารู้จักรถแห่ผ่านเพื่อนที่เรียนอยู่ที่ ม.ขอนแก่น ภาพรถแห่ที่เราจำได้ชัดเจน คือ ภาพที่คนจำนวนมากออกมาเต้น ซึ่งเพื่อนเราเขาก็เคยมีประสบการณ์เต้นหน้ารถแห่ เขาก็เล่าให้ฟังถึงความม่วน … ถ้าถามว่าอยากมีประสบการณ์รถแห่ไหม? ก็ได้นะ แต่เราก็อยากมีประสบการณ์ความสนุกแบบอื่นด้วยเช่นกัน”

ในฐานะที่คุณสามเรียนโบราณคดีมา เธอจึงมองว่า รถแห่ช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความสนุกของอีสาน นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นถึงพัฒนาการความสร้างสรรค์ของผู้คนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี “เราจะเข้าใจพัฒนาการความสร้างสรรค์ของชาวอีสานที่งอกเงยขึ้นในแต่ละปีผ่านภาพรถแห่ อย่างปีนี้รถแห่เป็นธีมนี้นะ ส่วนปีหน้ารถแห่อาจจะเป็นอีกธีม รวมถึงแนวเพลงและเครื่องดนตรีก็อาจจะเปลี่ยนไป รถแห่ช่วยสะท้อนความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ได้”

เมื่อถามถึงรถแห่ในมุมเชิงลบที่หลายคนอาจจะกังวล คุณสามได้แบ่งปันมุมมองของตนว่า “ถ้ารถแห่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็น่าจะเพียงพอแล้ว ในเรื่องการดื่ม ต่อให้ไม่มีรถแห่ก็มีคนดื่มเหล้าอยู่แล้ว เพียงแต่รถแห่เห็นภาพชัดเลยโดนโจมตี ซึ่งเรามองว่านี่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ส่วนเนื้อเพลงที่อาจจะมีทะลึ่งตึงตังโผล่มาเนี่ย มองว่า เพลงฝรั่งเนื้อหาแนวนี้ก็เยอะ แต่ไม่มีใครว่าอะไรเลย คิดว่าประเด็นที่ควรสนใจในขบวนรถแห่ คือ เรื่อง sexual harassment มากกว่า” 

ทั้งหมดนี้คือมุมมองจากคนสามรุ่น ซึ่งถึงแม้จะสะท้อนมุมที่ต่างกันไป แต่จุดร่วมหนึ่งที่ทุกท่านเห็นพ้องกันคือ รถแห่เป็นพื้นที่ความบันเทิงและความสนุกของชาวอีสาน แม้อีสานจะถูกจดจำว่าเป็นภูมิภาคอันแสนแห้งแล้ง แต่ความม่วนคักกลับงอกงามเบ่งบานในหัวใจชาวอีสานทุกหมู่เหล่าอย่างไม่ว่างเว้น โดย “รถแห่” คือหนึ่งในตัวอย่างอันแสนชัดเจน ที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักสนุกของชาวอีสาน ที่ฝังรากมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

และจะสืบทอดยาวนานต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน

ที่มา : 
บทความ "รถแห่ แรงโตสวนกระแส รากหญ้าฟุบ" จาก คมชัดลึก
http://rms.msu.ac.th/upload/art_culture/doc/6108004_1590(0).pdf
https://today.line.me/th/v2/article/OQDqNv

เรื่อง : อริสา อูชิบะ 

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ไลฟ์สไตล์ อื่น ๆ

รัชกาลที่ 6 ไม่ได้ทรงห่างพบปะสมาคมเพราะ "เกลียดญาติ" แต่ทรงรำคาญ "ทูลฟ้อง-สอพลอ"

ศิลปวัฒนธรรม

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรปัทมปาณี ประติมากรรมที่แม้ชำรุด แต่งามที่สุดในสยาม

ศิลปวัฒนธรรม

ตำนาน “พระเจดีย์กู้ชาติ” วัดอินทาราม บรรจุพระบรมอัฐิ พระเจ้าตาก-พระมเหสี มาจากไหน?

ศิลปวัฒนธรรม

27 ธันวาคม 1923 ปิดตำนาน “กุสตาฟ ไอเฟล” บิดาผู้ให้กำเนิดหอไอเฟล

ศิลปวัฒนธรรม

มารู้จักตัวจริง “หมอชิต” หมอที่คนไทยพูดถึงเยอะที่สุด เป็นใคร?

ศิลปวัฒนธรรม

สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ “หวังเป็นลูกเขย” จักรพรรดิเฉียนหลง ?!?

ศิลปวัฒนธรรม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...