โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

กฎหมายรีดภาษีแพลตฟอร์มดัง ‘กูเกิ้ล – เฟซบุ๊ก – ไลน์’ มีผล 1 ก.ย. ดึงเงินเข้าไทย 5 พันล้าน

The Bangkok Insight

อัพเดต 12 ก.พ. 2564 เวลา 10.35 น. • เผยแพร่ 12 ก.พ. 2564 เวลา 10.12 น. • The Bangkok Insight

ราชกิจจาฯ ประกาศแล้ว กฎหมายรีด ภาษี แพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตมีผล 1 ก.ย. นี้ คาดดึงเม็ดเงินเข้าไทย 5 พันล้าน “กูเกิ้ล – เฟซบุ๊ก - ไลน์ - ยูทูป - ติ๊กต๊อก - เน็ตฟลิกซ์ ” โดนถ้วนหน้า

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2567 ซึ่งจะบังคับให้มีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากผู้ประกอบการในต่างประเทศ กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) จากต่างประเทศและมีรายได้ในประเทศไทย

ภาษี เฟซบุ๊ก 2564

โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่บทบัญญัติที่มีผลแก้ไขเปลี่ยนแปลงการเสียหรือนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม และกำหนดให้ใช้บังคับสำหรับรายรับหรือการจ่ายเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 7 ถัดจากเดือนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือในอีก 6 เดือนข้างหน้า

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 ได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว คือ กำหนดให้ผู้ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ รวมทั้งอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม ที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จากการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการในประเทศไทย จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ยื่นแบบแสดงรายการ และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นรายเดือนให้แก่กรมสรรพากร ภายใต้ระบบ pay- only (ห้ามหักภาษีซื้อ) โดยไม่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีและรายงานภาษีซื้อ

กฎหมายดังกล่าวจะครอบคลุมผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ ได้แก่ การให้บริการดาวน์โหลดหนัง/ภาพยนตร์, เพลง, เกม, สติกเกอร์, นายหน้า, สื่อโฆษณา เป็นต้น โดยแพลตฟอร์ม e-Service จากต่างประเทศที่เข้าข่ายต้องเสีย ภาษี ดังกล่าวในประเทศไทย เช่น แอปเปิ้ล (Apple), กูเกิ้ล (Google), เฟซบุ๊ก (Facebook), เน็ตฟลิกซ์ (Netflix), Line (ไลน์), Youtube (ยูทูป) และ Tiktok (ติ๊กต๊อก) เป็นต้น

การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้จะยกระดับแนวทางการบริหารจัดเก็บภาษีของไทยให้สอดรับกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและรูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน และจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประเทศ โดยคาดว่า การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้อีกปีละ 5,000 ล้านบาท

กว่า 60 ประเทศเก็บ "ภาษี" แล้ว

กฎหมายดังกล่าวจะสร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษีระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ช่วยปิดช่องโหว่ของกฎหมาย เพราะมีการกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหน้าที่ยื่นแบบและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับกรมสรรพากรเช่นเดียวกับผู้ประกอบการในประเทศ

สำหรับก่อนหน้านี้กรมสรรพากรได้หารือกับผู้ประกอบการต่างประเทศ และหน่วยงานจัดเก็บภาษีในหลายประเทศที่มีการใช้กฎหมายเช่นเดียวกันนี้ พบว่า ผู้ประกอบการต่างประเทศส่วนใหญ่มีความเข้าใจในหลักการของกฎหมายและได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของต่างประเทศ ที่มีหลักการเดียวกันกับร่างกฎหมายนี้อยู่แล้ว โดยผู้ประกอบการต่างประเทศให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ทาง ภาษี เป็นอย่างดี

แต่ผู้ประกอบการ e-Service จากต่างประเทศ ที่ให้บริการในไทยไม่ต้องดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากกฎหมายเดิมไม่ครอบคลุมถึง ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการดำเนินธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างประเทศ ซึ่งหลายประเทศใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มต่างก็เจอปัญหาดังกล่าว

ดังนั้น ประเทศมากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก เช่น อเมริกา อังกฤษ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย จึงได้ออกหรือแก้ไขกฎหมายภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการ e-Service จากต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่หน่วยงานจัดเก็บภาษี ตามคำแนะนำขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD)

อย่างไรก็ดี กรมสรรพากรได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกและให้บริการ โดยได้พัฒนาระบบ Simplified VAT System for e-Service (SVE) ซึ่งเป็นระบบการจดทะเบียน การยื่นแบบ และการชำระ ภาษี มูลค่าเพิ่มที่มีความง่าย ทันสมัย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการใช้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร www.rd.go.th

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...