โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

‘สุเทพ สีใส’ เจอพิษโควิดกระทบหนัก ไร้งานกว่าครึ่งปี ผันตัวเป็นพ่อค้าขายกะปิโหว่

The Bangkok Insight

อัพเดต 02 ก.ค. 2564 เวลา 08.25 น. • เผยแพร่ 02 ก.ค. 2564 เวลา 08.22 น. • The Bangkok Insight

ได้รับแรงกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เต็ม ๆ สำหรับนักแสดงตลกสุเทพ สีใส ที่ไม่มีงานไม่มีรายได้จากวงการบันเทิงเกือบครึ่งปีแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยท้อขอสู้ทุกทาง และเมื่อได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 พร้อมกับภรรยาคนสวย คุณป๊อบ ก็ได้นำกะปิโหว่สูตรโบราณ ที่เมื่อก่อนเป็นรายได้เสริมของครอบครัว แต่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้สลับสับเปลี่ยนเป็นรายได้หลักไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมยังเปิดใจครั้งแรกกับความรักที่ไม่ได้เกิดจากความหวาน แต่ที่อยู่ด้วยกันมาเพราะความผูกพัน

สุเทพ จากเดิมเป็นอาชีพเสริมมากกว่าเมื่อประมาณ 2-3 ปี ก่อนแต่นี่ก็เข้ามาที่ปีที่ 4 แล้วครับ แต่พอเราออกมาแล้วคือมันขายดีมากๆจนกลายเป็นรายได้หลักของบ้านเราเลย ซึ่งมันก็คาดที่เราได้ตั้งเป้าไว้และมันก็เป็นรสชาติชีวิตอีกแบบหนึ่งจากที่เราเคยเป็นลูกค้า แต่พอมาเป็นพ่อค้าแม่ค้าคืออีกแบบหนึ่งเลยเพราะเราต้องไปสัมผัสกับลูกค้าที่สารพัดรูปแบบมากแต่เราก็ทำใจเพราะเราเป็นคนที่ขายของใหม่ๆก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่พอนานไปๆทำให้รู้ว่าเป็นธรรมชาติเป้นปกติของการค้าขาย

ป๊อบ ด้วยความคาดหวังของเราตอนแรกด้วยค่ะ ว่าเราคาดหวังว่าเขาชิมแล้วเขาต้องซื้อเราเลยต้องเรียนรู้ไปกับการค้าขายเพราะบางครั้งที่เขาชิมไม่ใช่เขาไม่กลับมาซื้อนะคะ เพราะว่าบางคนเขาก็กลับมาซื้อทีหลัง

ถาม ณ ตอนนี้พูดได้เต็มปากเลยว่านี่คือรายได้หลักของครอบครัว เพราะว่าไม่ได้มีรายได้จากงานในวงการบันเทิงมานานแค่ไหน

สุเทพ ประมาณตั้งแต่มกราคมมาแล้วครับ หนังที่จะปิดกล้องก็เลื่อนๆ แล้วอีกเรื่องกำลังจะเปิดกล้องก็เลื่อนๆอีกจนพับโปรเจกต์ไป ส่วนงานต่างๆที่ว่าจะมีก็เลื่อนเหมือนกันจนพับโปรเจกต์ไปเรียบร้อยอันนี้คือรอบสองนะครับ แต่รอบสามนี้คือ หนักเลยอย่างหนังคุณหม่ำที่กำลังถ่ายทำอยู่ก็ยังไม่ได้ถ่ายต่อเลย ซึ่งก็ต้องบอกว่าเรายังโชคดีที่เรายังมีอีกอาชีพที่เราสามารถเลี้ยงครอบครัวจนกลายเป็นรายได้หลักของเรา

ถาม เห็นว่าทั้งคู่เคยคิดที่จะขยายกิจการด้วยใช่ไหม

ป๊อบ ใช่ค่ะ ป๊อบ คิดเองเพราะว่าพอเราเห็นว่ามันไปได้เราก็เลยคิดที่ว่าจะขยายเพราะว่าเราคิดที่จะเริ่มขอ อย. แล้วก็อยากที่จะทำเป็นโรงงานผลิตเลย เพราะว่าที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นโฮมเมดแต่เพราะว่าพอออเดอร์เยอะแรงของเราไม่พอแล้วถ้าเราทำไม่ทันเราก็จะเสียเครดิต แต่โชคดีมากพี่เทพบอกว่าค่อยๆโตเพราะว่าเราทำโรงงานเราต้องลงทุนมาก คือ โชคดีที่ตัดสินใจที่จะยังไม่เปิดโรงงาน แต่ในอนาคตถ้าสถานการณ์กลับมาปกติเราก็คิดว่าอาจจะเปิดค่ะ

ถาม แต่จริงๆแล้วต้องบอกเลยว่า กะปิโหว่สูตรโบราณ แล้วยิ่งบอกว่าเป็นโฮมเมดรู้สึกอร่อยขึ้นมาอีกสูตรนี้นำมาจากไหน

ป๊อบ จากคุณแม่ของ ป๊อบ เองค่ะ ซึ่งสูตรนี้ไม่จำเป็นต้องทานกับมะม่วงเท่านั้นนะคะ สามารถทานได้กับผลไม้ทุกชนิดเลยค่ะ เพียงแต่ว่าที่เราเอาเป็นมะม่วงเบาเพราะคนกรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้ทานเพราะเป็นมะม่วงของทางภาคใต้เราก็เลยเอาตัวมะม่วงมาช่วยเป็นการตลาดเสริมเพิ่มเติมกะปิของเราไปอีกทางหนึ่งด้วย

สุเทพ ซึ่งกะปิของเราสูตรโบราณแท้เพราะว่าไม่เค็ม ไม่คาว ไม่เผ็ด เป็นกะปิโหว่จากคลองโคน ที่ใช้เวลาหมักหนึ่งปีครึ่งเอามาผสมผสานกับน้ำตาลมะพร้าวแท้ และเราจะไม่ใส่น้ำตาลทรายเลยไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่ผงชูรส สามารถเก็บแบบไม่ใส่ตู้เย็นก็ได้หรือใส่ตู้เย็นก็ได้สามารถเก็บได้ถึง 5-6 เดือนราคาที่สั่งจะอยู่ในไลน์นะครับ @POPVERS49 แต่เรายังมีอีกตัวนะครับ มะม่วงเบาแท้แช่อิ่ม ของเราจะไม่ใส่สารกรอบเลยจะเป็นแบบธรรมชาติเลย

ป๊อบ :  ซึ่งมีลูกค้าของเราที่ติดใจแล้วเขาอยู่ที่ออสเตรเลียเขาก็รับกะปิของเราไปขายที่โน้นกึ่งๆเป็นตัวแทนนำไปขาย แล้วก็มีคนที่สั่งกับเขาก็ไลน์กลับมาสั่งที่เรา

สุเทพ ซึ่งในช่วงโควิดนี้เราก็ยังเอากะปิของเราไปเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ 14 โรงพยาบาล ปลอกมะม่วงแล้วเราก็แพคกันสองคนเพื่อนำไปให้โรงพยาบาลละ 100 ชุด เพราะว่าเราไม่มีสิ่งไหนที่ช่วยได้ แต่เราพอทำสิ่งนี้ที่ช่วยได้เพื่อเป็นกำลังใจเราก็ทำเต็มที่

ถาม ต้องบอกว่าเป็นน้ำใจที่งดงามมากเพราะว่าเขาก็คือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกันไม่มีงานเลยเหมือนกัน แต่ก็ยังมีน้ำใจให้กับสังคม

สุเทพ จากวันนั้นถึงวันนี้รายการ ต้มยำอมรินทร์ คือ งานแรกเลยครับ ทุกวันนี้ก็เอาเงินเก็บที่ได้เก็บมานำมาใช้แล้วครับ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็คือเงินเก่าที่เราเคยเก็บมาเมื่อก่อน เพราะว่ารายได้ไม่มีทางไหนเข้ามาเลย แต่ก็จะมีตรงนี้ที่ขายของได้เข้ามาช่วยได้บ้างแต่ถ้าถามว่าเป็นหมื่นเป็นแสนขนาดนั้นไหม ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น แต่ก็ยังคือรายได้บ้าง

ถาม เห็นว่าในช่วงแบบนี้มีโปรโมชั่นลดค่าตัวด้วยเหรอ

สุเทพ อย่างมีรายการต่างๆที่เสนอมา แล้วเขาก็คุยกับเราว่าขนาดนี้ได้ไหมเท่านี้ได้หรือเปล่าเราก็ได้เพราะว่ามันจำเป็นต้องเอาเพราะถ้าเราไม่เอางานไว้เขาก็จะไปเลือกคนอื่นเดี๋ยวนี้มีนักแสดงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาให้เขาเลือกมากมายด้วย

ถาม แต่ในเรื่องร้ายๆที่มาจากโควิดแต่ก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่ข้อหนึ่งคือ เรียกได้ว่าเพิ่งจะมีเวลาอยู่กับครอบครัว อยู่กับลูกได้เต็มๆเวลาก็ช่วงนี้เพราะ 20 ปีที่ผ่านมาคือทำงานเยอะมากจนไม่มีเวลา

สุเทพ : ใช่ครับ แต่ก็จะอยู่กับลูกได้เต็มๆเวลาก็ได้ประมาณหนึ่ง แต่เราก็ขอให้โควิดมันไปเร็วๆเถอะเราต้องช่วยกันการ์ดอย่าตกเท่านั้นเองครับ

ถาม กี่ปีแล้วที่แต่งงานกันมา

สุเทพ เข้าปีที่ 23 แล้วครับ

ป๊อบ ถ้าถามว่าย้อนกลับไปวันที่ พี่เทพ เข้ามาจีบเราเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยค่ะ ไม่ได้คิดที่จะเอามาเป็นแฟน

สุเทพ ตอนนั้นคือที่เราจีบเขาตามตื้อนานมากการที่จะชวนเขาออกมาทานข้าวเราใช้เวลาเป็นปีเป็นเดือนเลยกว่าจะออกมาได้ กว่าเขาจะหลงคารมเรา เพราะสำหรับเขาคือคนพิเศษของเราจริงๆเพราะเราขยันโทรศัพท์หาเขามากๆ แต่อย่างผู้หญิงคนอื่นคือเราก็เจอเขาแค่ตามคาเฟ่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเพราะแค่เราเจอๆคุยๆแล้วก็หายไป แต่สำหรับ ป๊อบ คือ ผมโทรศัพท์หาเขาทุกวันฮาโลสบายดีไหม ทานข้าวหรือยัง เขาไปทำงานก่อนนะ

ป๊อบ เราก็รับสายเขาทุกวันค่ะ เพราะว่าเป็นโทรศัพท์ที่ห้องไงมันไม่รู้ เขาก็จะโทรมาทุกวันแต่คุยแบบสั้นๆไม่ได้ยาวมากเหมือนแค่รายงานเราว่าเขาทำอะไรยังไง ถามเราว่าเราเป็นยังไงสบายดีไหมสั้นๆตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าทำไมต้องโทรมาบอกเราไม่ได้คุยอะไรยาวมากไม่ได้จีบเรา ถามว่ามีรำคาญไหมแรกๆมีบ้างค่ะ แต่เพราะว่าเขาคุยไม่นานไงคะ ถ้าลองเขามาจีบแล้วคุยนานๆบอกตรงเราคงไม่คุยด้วย

สุเทพ เราคุยวันละนิดวันละหน่อย ที่ผมไม่คุยยาวเพราะอะไรรู้ไหมเปลืองค่าโทรศัพท์ (หัวเราะ)

ป๊อบ ที่เราไม่ได้คิดอะไรตั้งแต่แรกเพราะว่าตลกคือเมื่อก่อนขึ้นชื่อมากเรื่องความเจ้าชู้ และเขาค่อนข้างจะงานเยอะ 

ถาม ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไปตอนไหนทั้งที่ไม่ได้เคยสนใจในตัวของเขาเลย

สุเทพ คือ เมื่อก่อนนี้เราก็จะมีไปถ่ายรายการตามสตูดิโอต่างๆเราก็อยากให้เขาได้เห็นว่าเราทำอะไรบ้างวันๆเราก็เลยชวนเขาออกมาก่อน เพราะถ้าออกมาตอนแรกครั้งแรกได้แล้วก็ต้องมีสองสามสี่ตามมาแน่นอน ครั้งแรกคือครั้งที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นผมขับรถที่เปิดประทุน เป็นตลกที่ขับรถราคาล้านสอง แต่สิ่งสำคัญที่เราอยากให้เขารู้ที่สุด คือ เราไม่ได้มีใครนะ แล้ววันนั้นฝนตกแล้วออกมาทานข้าวด้วยกันวันนั้นฝนตกหนักมากเลย แล้วพอเราไปส่งเขาคือ น้ำท่วมในซอยถ้าเป็นคนอื่นเราคงถอยรถกลับไปแล้วแต่เพราะว่าเป็นเขาคนที่เราชอบมากเราก็ขับรถที่เรารักมากลุยน้ำไปส่งเขา นั้นคือครั้งแรกที่เขายอมออกมา แล้วพอมีครั้งแรกเราก็ช่วยเขาไปดูเราถ่ายงานซึ่งพวกช่างแต่งหน้าหรือทีมงานเขาก็ไม่รู้นะครับ ว่าเขามานั่งรอผมนึกว่ามารอพระเอกคนไหน

ป๊อบ ตอนนั้นเราก็เริ่มใจอ่อนแล้วเพราะว่าเราคุยกับเขาเขาบอกเราทุกอย่าง ทุกที่ที่เขาไป พอเขาชวนเราไปดูเขาทำงานเราก็ไปเพราะว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่รองาน ถามว่ามันก็ยังไม่ได้รู้สึกว่ารักนะคะ แต่รู้สึกแค่เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ต่างอาชีพเราก็ได้ไปเห็นการทำงานของเขาว่าทำยังไงกองเขาเป็นยังไง

สุเทพ มันเป็นการจุดประกายนะครับ ที่เขาไปเห็นเราทำงานเพราะเขาเริ่มเห็นใจเริ่มสงสารผม เพราะความสงสารมันค่อยๆกลับกลายมาเป็นความรัก

ถาม แล้ว พี่สุเทพ ชอบแล้วก็รักถูกใจในตัวของผู้หญิงคนนี้เพราะอะไร นี่คือ คำถามที่ตลอดชีวิตยังไม่เคยบอกไม่เคยพูดเลย

สุเทพ : ที่รักผู้หญิงคนนี้เพราะรัก ป๊อบ ทั้ง 23 ปีที่อยู่ด้วยกันมาคือเรามั่นใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้รักเราจริงๆ สงสารเราจริง ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เราจริงทั้งชีวิตของเขา เขาจากพ่อแม่ของเขาที่ส่งเขาเรียนเลี้ยงดูเขามาจากพ่อแม่มาอยู่กับเราทั้งชีวิตเราก็ตั้งใจแล้วที่จะดูแลเขาให้ดีที่สุด และเราก็ชอบนิสัยของเขาก็คิดว่าอันนี้แหละเป็นความรักและความเข้าใจที่มอบให้ผู้หญิงคนนี้

ถาม แต่ทั้งคู่ที่รักกันแบบนี้ อยู่ด้วยกัน เจอกันที่ผ่านมา

คือก็ไม่เคยมีโมเมนท์ไหนเลยที่ขอกันเป็นแฟนเลย

สุเทพ : ไม่มีเลยครับ ไม่เคยขอเป็นแฟนเพราะเรามีความรู้สึกที่ดีที่เราเข้าใจกัน มันก็เลยไม่ได้มีวันครบรอบอะไร แต่เราก็อยู่ด้วยกันมาตลอดระยะเวลา 23 ปี เราอยู่ด้วยความเข้าใจกัน ซึ่งความเข้าใจที่เราอยู่ด้วยกันมาคือ มันข้ามคำว่าเป็นแฟนกันไหม แต่งงานกันนะมาแล้วครับ

ป๊อบ : แล้วมาถามว่ารักตอนไหนบอกไม่ได้เลยนะคะ มันเหมือนที่เราอยู่ด้วยกันมามันกลืนทุกอย่างไปหมดเลยมันกลายเป็นความผูกพันกันมากกว่า อย่างในบางเรื่องบางครั้งคือ อายุเขาห่างจากเราเยอะมาก 15 ปีเลย บางครั้งเขาสอนเราโดยที่เขาไม่ได้พูด

ถาม เทียบกันแล้วใครที่หวานแล้วก็สวีมมากกว่ากัน 

ป๊อบ : ไม่มีเลยค่ะ เมื่อก่อนจะเป็นพี่เทพ แต่หลังๆคือไม่มีแล้ว

สุเทพ : พอหลังๆที่ตั้งแต่มีลูกเขาก็ทำหน้าที่ดูลูก ผมก็ทำหน้าที่ทำงาน เพราะว่าความหวานที่เรามีให้กันมา 23 ปี ที่เราเติมให้กันมาเราก็คิดว่ามันเยอะมากพอแล้ว แต่ว่าก่อนไปทำงานทุกวันเราก็จะหอมเขาแบบครบเซ็ตเลย แล้วก็ทำแบบนี้กับลูกด้วย

ป๊อบ : ซึ่งตัวของลูกสาวก็เป็นแบบเขาเหมือนกัน ถ้าจะออกไปเรียนคือ ถ้าพ่อยังนอนอยู่เขาก็ต้องไปปลุกแล้วก็ไปหอมพ่อของเขาแบบนี้ตลอดทุกครั้ง

ถาม และอีกหนึ่งกฎเหล็กทุกสองทุ่มคือต้องโทรหา

ป๊อบ  : 23 ปีแล้วที่ต้องทำแบบนี้เพราะอย่างน้อยเราจะได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนเพราะตารางงานขอพี่เทพ ป๊อบ รู้อยู่แล้วว่าไปไหน ที่ไหนยังไง แต่ยังไงคุณต้องโทรและยิ่งมีลูกแล้วด้วยยิ่งต้องโทรไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น นอกจากจะเป็นช่วงที่เขาถ่ายงานเขาก็จะไลน์มาบอกว่าออกมาโทรไม่ได้นะ ต้องให้ถ่ายให้ครบก่อนนะ เราก็ถึงจะสบายใจ

ถาม หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือ ห่วงหล่อมาก ทั้งแต่หน้าผม และการแต่งตัว

สุเทพ : ครั้งแรกที่ ป๊อบ ไปเห็นเขายังงงเลยนะว่าห้องผมตอนนั้นยังอยู่อพาร์ตเมนต์ คือ ทุกอย่างเนียบมาก ผมจะวางทุกอย่างไว้เป๊ะมากเป็นระเบียบร้อยเรียบร้อยมากจนถึงทุกวันนี้ นิสัยผมคือ ไม่ว่าจะหยิบอะไรมาใช้ผมจะวางไว้ที่เก่าหมดเลย

ป๊อบ : แล้วเขาตอนที่ยังไม่โควิด คือ ต้องไปทำหน้า นวดหน้า ทำเล็บทุกอาทิตย์ (หัวเราะ)

สุเทพ : ถึงเราจะหน้าตาแบบนี้ เราก็ต้องยิ่งดูแลตัวเราเองให้ดี เพราะสภาพหน้าเราแย่อยู่แล้วถ้าไม่ได้ไปทำอะไรเลยเดี๋ยวมันจะแย่ไปกันใหญ่

ป๊อบ : ส่วนในเรื่องของการแต่งตัว ป๊อบ เคยซื้อให้เขาตอนวันเกิดซึ่งนั่นก็เป็นครั้งเดียว พอเขาเปิดกล่องมาเขาบอกเราว่า ป๊อบ ต่อจากนี้ไปไม่ต้องซื้อแล้วนะเขาบอกเขาไม่เอา

สุเทพ : ที่เราไม่ให้เขาซื้อเพราะเราคิดว่าซื้อมาเราก็ไม่ได้ใช่เพราะว่าเราจะชอบในแบบสไตล์ของเราที่เราซื้อเอง

ป๊อบ : แต่ต้องบอกก่อนนะคะ เขาไม่ได้ดูแลแค่ตัวเองนะคะ แต่เขายังดูแลเราด้วย พอเขาเห็นอะไรที่เหมาะกับเราเขาก็จะซื้อมาให้เราเลย แล้วเขาก็จะบอกเราว่าอันใส่แล้วโอเค อันไหนใส่แล้วดูแก่ แต่ตั้งแต่มีลูกคือเขาปรับวิธีการใช้ชีวิตหมดเลยไม่เคยซื้อของอะไรที่เป็นแบรนด์เนมเลยคือลดลงไปเลย

สุเทพ : ที่เราหยุดใช้เพราะว่าเราเป็นเสาหลักของครอบครัว เราคิดว่าอย่างน้อยที่เราจะเอาเงินไปใช้ตรงนั้นเราเก็บเอาไว้เพื่อครอบครัวดีกว่า

ป๊อบ : และอีกสิ่งหนึ่งที่เขาเปลี่ยนไปคือ เป็นคนที่ขี้น้อยใจเรียกร้องความสนใจจากลูก เรียกว่าเข้าสู่วัยชราเลยก็ว่าได้ค่ะ (หัวเราะ) อันนี้ที่เขาเริ่มเป็นคือช่วงที่ลูกเริ่มเข้าวัยรุ่นจนเข้าน้อยใจที่เขาพูดมาเลยว่า ลูกแม่สิ อะไรก็แม่ๆ เราเข้าใจแหละเพราะว่าเขาไม่ได้เข้าใกล้ลูกเลยเพราะว่ามีช่วงที่เขาทำงานหนักมากเขาเลยไม่ได้มีเวลาที่จะดูแลเลี้ยงดูลูก เราก็ทำทุกอย่างเพื่อประครองให้ลูกไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่น เพราะว่าเขาไม่ได้เจอหน้าพ่อเขาเลย เราเลยต้องมีวิธีคุยกับลูกตลอดถามว่าหนักไหมก็หนักนะคะ ที่จะทำให้ลูกเข้าใจ ซึ่งลูกก็จะมีวิธีการปฏิเสธในรูปแบบของเขาเมื่อทางโรงเรียนถามว่า น้องฟลุ๊ค งานนี้ คุณพ่อ สามารถมางานที่โรงเรียนได้ไหม เพราะว่า น้องฟลุ๊ค เขาก็จะรู้ตารางคุณพ่อทั้งหมดเลย

สุเพท : ติดลูกมากครับ แต่ตอนนี้เขาเรียนจบแล้ว แล้วเขาก็ได้รับเข้าทำงานเลย

ป๊อบ : เป็นศูนย์ วิจัยโรคอุบัติใหม่ ของสภากาชาดไทย แล้วเราก็เพิ่งรู้ตอนที่ลูกสาวน้องฟลุ๊ค มาบอกว่าเขาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ของคณะวิทยาศาสตร์ แต่พ่อ เขาอยากให้เรียนต่อ ซึ่งจริงๆแล้วถ้าไม่ติดโควิดเขาได้ทุนปริญญาโทที่ เกาหลี แล้วซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เลย แต่พอติดโควิดก็พลิกทุกอย่างเลย เราก็บอกลูกว่า ฟลุ๊ค ก็เปลี่ยนวิธีการคิดอย่าไปเสียดายเริ่มใหม่ เขาก็เลยตัดสินใจทำงานไปก่อน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...