โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

9 หนังที่สร้างจากเรื่องราวของบุคคลจริง และจุดที่บทภาพยนตร์ดัดแปลงให้แตกต่างจากเหตุการณ์จริง

BT Beartai

อัพเดต 25 มี.ค. 2563 เวลา 08.30 น. • เผยแพร่ 25 มี.ค. 2563 เวลา 08.30 น.
9 หนังที่สร้างจากเรื่องราวของบุคคลจริง และจุดที่บทภาพยนตร์ดัดแปลงให้แตกต่างจากเหตุการณ์จริง

ฮอลลีวูดมีช่องทางในการหาไอเดียมาสร้างหนังได้หลากหลาย ทั้งจากเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อสร้างหนังโดยเฉพาะ ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีบ้าง เอาทีวีซีรีส์ฮิต ๆ มาดัดแปลงเป็นหนังบ้าง แต่ช่องทางหนึ่งที่นิยมกันมากและส่วนใหญ่มักจะประสบความสำเร็จก็คือการสร้างหนังจากเหตุการณ์จริง หรือนำชีวประวัติบุคคลจริงมาสร้าง เลือกจากบุคคลที่มีชื่อเสียง ประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จัก หรือได้เคยสร้างวีรกรรมที่น่าตื่นตะลึงไว้ แต่ภาพยนตร์คือธุรกิจที่มีการลงทุนสูง ถ้าจะเล่าแบบตามจริงเป๊ะก็ไม่น่าจะสนุกเสียทีเดียว ผู้เขียนบทก็จำต้องใช้กลเม็ดเด็ดพราย ปรับนิดเสริมหน่อยเพื่อความสนุกของภาพยนตร์แล้วก็ส่งผลให้หนังได้เงิน สตูดิโอได้กำไร ในบทความนี้เราหยิบหนังดัง 9 เรื่อง ที่สร้างจากบุคคลจริงที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์พร้อมกับเผยให้รู้ว่า ผู้สร้างได้ปรับเปลี่ยนตัดหรือเพิ่มส่วนใดไปจากเรื่องราวจริง

1.A Beautiful Mind (2001) : ผู้ชายหลายมิติ

A Beautiful Mind (2001)

A Beautiful Mind (2001)

ผู้กำกับ : รอน โฮเวิร์ด
แสดงนำ : รัสเซล โครว์, เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี, พอล เบตทานี
ทุนสร้าง : 58 ล้านเหรียญ
รายได้ : 316 ล้านเหรียญ
หนังรับบทนำโดย รัสเซล โครว์ หนังประสบความสำเร็จทางด้านรายได้และด้านรางวัล คว้าไปถึง 4 ออสการ์ จากการเข้าชิง 8 รางวัล เป็นหนังที่ส่งให้รัสเซล โครว์ ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปีก่อนหน้าเขาเพิ่งคว้าออสการ์สาขานำชายมาจาก Gladiator (2000) ในเรื่องนี้รัสเซล สวมบทบาทเป็น จอห์น ฟอร์บส์ แนช อัจฉริยะทางคณิตศาสตร์ เจ้าของรางวัลโนเบล บทหนังดัดแปลงตัวตนของจอห์น ฟอร์บส์ แนช ได้บิดเบือนจากตัวตนจริงของเขาไปมาก เพื่ออรรถรสของภาพยนตร์ แต่กระนั้นบทภาพยนตร์ฝีมือของ อกิวา โกลด์แมน ก็ยังสามารถคว้ารางวัลออสการ์ไปได้สำเร็จ

ในจุดหลัก ๆ ก็อย่างเช่น จอห์น ไม่เคยขึ้นพูดปราศรัยในวันที่เขารับรางวัลโนเบล แต่ในหนังกลับมีฉากที่เขาขึ้นพูด, จอห์น ไม่เคยทำงานร่วมกับกระทรวงกลาโหม, ในหนังได้สร้างภาพให้จอห์นพ่อที่ดีงามน่ายึดเป็นแบบอย่าง จุดนี้ล่ะที่ห่างไกลจากตัวตนจริงของจอห์น ฟอร์บส์ แนช เพราะเขาเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนอย่างมาก จอห์นมีลูกกับภรรยานอกสมรส และเขาไม่เคยรับผิดชอบลูกชายคนนี้เลย

2. The Pianist (2002) : สงคราม ความหวัง บัลลังก์ เกียรติยศ

The Pianist (2002)

The Pianist (2002)

ผู้กำกับ : โรมัน โปลันสกี
แสดงนำ : เอเดรียน โบรดี, เอมิเลย ฟอกซ์, เอ็ด สตอปพาร์ด
ทุนสร้าง : 35 ล้านเหรียญ
รายได้ : 120 ล้านเหรียญ
หนังเล่าเรื่องราวของ วลาดิสลอว์ สปิลมันน์ นักเปียโนมืออาชีพผู้มีฝีมือฉกาจฉกรรจ์ หนังเล่าเรื่องราวจากความทรงจำของ วลาดิสลอว์ ซึ่งความเป็นจริงแล้วเขาเกิดในกรุงวอร์ซอ ประเทศโและโปแลนด์ อยู่ที่นั่นตลอดทั้งชีวิต แต่ในหนังที่เราเห็นนั้นกลับถ่ายทำที่ คราเคา ประเทศโปแลนด์เช่นกัน เหตุที่ต้องมาถ่ายทำที่คราเคาก็เพราะ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ฮิตเลอร์ได้ทำลายสลัมในวอร์ซอ และตึกรามบ้านช่องส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว ผู้กำกับโรมันจึงเลือกใช้ย่านเมืองเก่าในคราเคาให้ดูเหมือนกรุงวอร์ซอให้ได้มากที่สุด โดยยึดต้นแบบจากภาพเขียนของ คานาเล็ตโต ศิลปินชาวอิตาเลียน ที่เขาเขียนภาพทิวทัศน์บรรยากาศในกรุงวอร์ซอไว้เป็นจำนวนมาก

3. The Untouchables (2011) : ด้วยใจแห่งมิตร พิชิตทุกสิ่ง

The Untouchables (2011)

The Untouchables (2011)

ผู้กำกับ : โอลิวิเย นาร์กาเช, เอริก โทเลนาโด
แสดงนำ : ฟรองซัวร์ คลูเซต์, โอมาร์ ซี
ทุนสร้าง : 10 ล้านเหรียญ
รายได้ : 426 ล้านเหรียญ
หนังฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จมากสุดในประวัติศาสตร์ ส่งให้ชื่อของโอมาร์ ซี กลายเป็นดาราแถวหน้าของฝรั่งเศส หนังยังถูกฮอลลีวูดนำมารีเมกในชื่อ The Upside เมื่อปี 2017 เรื่องราวดราม่าสุดซาบซึ้งกับมิตรภาพของชาย 2 คนที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว หนึ่งคนคืออดีตนักโทษ อีกคนคือมหาเศรษฐีเอาแต่ใจที่พิการจากอุบัติเหตุทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมาตั้งนั่งรถเข็นไฮเทคตลอดเวลา

หนังมีการปรับเปลี่ยนเรื่องราวตัวเอกในเรื่องไปจากตัวตนจริงอย่างมาก ในหนังนั้น ฟิลิปเป พอซโซ ดิ บอร์โก มหาเศรษฐีที่ต้องนั่งรถเข็นนั้นเป็นพ่อหม้ายเสียภรรยาไปในอุบัติเหตุ แต่เรื่องราวจริงนั้นภรรยาเขาบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุนั้น และทนทุกข์กับอาการบาดเจ็บอยู่ถึง 3 ปีจึงลาโลกไป ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ทั้งคู่ได้รับเด็ก 2 คนมาเป็นบุตรบุญธรรม แต่ในหนังไม่พูดถึงลูกบุญธรรมทั้ง 2 คนนี้เลย

ตอนจบของหนังก็ต่างจากความจริงเช่นกัน ฟิลิปเปย้ายไปอยู่ในโมร็อกโค ที่นี่เขาเจอกับแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาว 2 คน ทั้งคู่ตกหลุมรักและแต่งงานกัน ส่วนแอบเดล ยาสมิน เซลลู ผู้ดูแลที่เป็นอีกตัวละครหลักของเรื่องนั้น ในหนังบอกว่พื้นเพของเขามาจากเซเนกัล แต่ตัวจริงของเขานั้นมาจาก แอลจีเรีย

4. Escape from Alcatraz (1979) : ฉีกคุกอัลคาทราซ

Escape from Alcatraz (1979)

Escape from Alcatraz (1979)

ผู้กำกับ : ดอน ซีเกล
แสดงนำ : คลินต์ อีสต์วูด, โรเบิร์ต บลอสซัม, แพททริก แม็คกูฮาน
ทุนสร้าง : 8 ล้านเหรียญ
รายได้ : 43 ล้านเหรียญ
เรื่องราวของ แฟรงค์ มอร์ริส, แคลเรนซ์ และจอห์น แองกลิน 3 นักโทษตัวจริงที่สามารถแหกคุกอัลคาทราซ ที่ขึ้นชื่อว่าคุ้มกันแข็งแกร่งที่สุดของโลกได้สำเร็จ หลังหนีออกไปแล้วไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 3 ยังมีชีวิตรอดหรือไม่ จนกระทั่ง 1 ปีผ่านไป มีผู้ได้รับจดหมายจาก จอห์น แองกลิน ที่ไม่ระบุที่มา ยืนยันว่าทั้ง 3 คน ยังมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยดี ด้วยเหตุที่ว่าเรื่องราวจริงนั้นตื่นเต้นสุดระทึกอยู่แล้ว พอมาแปลงเป็นบทภาพยนตร์ผู้เขียนบทจึงไม่ต้องเติมเสริมแต่ง หรือบิดเบือนอะไรมากมาย

หนังยกกองถ่ายไปถ่ายทำกันที่คุกอัลคาทราซจริง ๆ แต่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเท่านั้น เพราะว่านักโทษตัวจริงนั้นถูกขังอยู่ใน ส่วน B แต่หนังไปถ่ายทำกันส่วน C ทุกวันนี้นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมคุกอัลคาทราซก็ยังสามารถเห็นหลุมที่ทั้ง 3 ขุดเพื่อหลบหนีได้อยู่ พร้อมทั้งกระดาษที่ปิดหลุม และหัวปลอมที่หล่อจากปูนปลาสเตอร์ ก็ยังเก็บไว้ให้นักท่องเที่ยวชม

5. Hachi: A Dog’s Tale (2009) : ฮาชิ หัวใจพูดได้

Hachi: A Dog’s Tale (2009)

Hachi: A Dog’s Tale (2009)

ผู้กำกับ : ลาสซี่ ฮอลสตรอม
แสดงนำ : ริชาร์ด เกียร์, โจน อัลเลน, แครี-ฮิโรยูกิ ทากาวะ
ทุนสร้าง : 16 ล้านเหรียญ
รายได้ : 46 ล้านเหรียญ
ที่จริงเวอร์ชันฮอลลีวูดนี้ รีเมกมาจากหนัง Hachi-ko เวอร์ชันญี่ปุ่นที่สร้างในปี 1987 อีกที ซึ่งเวอร์ชันนั้นน่าจะใกล้เคียงกับเรื่องราวจริงมากกว่า พอมาเป็นเวอร์ชันฮอลลีวูดให้ริชาร์ด เกียร์ รับบทนำ หนังก็เลยต้องปรับเปลี่ยนสถานที่หลักจากโตเกียว มาเป็นสหรัฐอเมริกา อีกจุดหนึ่งที่มีการปรับเปลี่ยนก็คือ สาเหตุการตายของตัวละครหลัก ในเรื่องจริงนั้น ศาสตราจารย์ฮิเดะซาบูโระ อุเอโนะ นั้นตายด้วยสาเหตุเลือดออกในสมอง แต่ในหนังนั้นตายด้วยภาวะหัวใจวาย ในส่วนฮาชิ หมาตัวหลักของเรื่องนั้น ก็มีการปรับเปลี่ยนที่มา ฮาชิตัวจริงนั้น ศาสตราจารย์ไปซื้อมาจากร้านขายสุนัข แต่ในหนังก็ถูกปรับเปลี่ยนให้ดูน่าสงสารมากขึ้น ด้วยการเขียนให้ศาสตราจารย์เจอฮาชิเป็นหมาหลงอยู่ที่สถานีรถไฟ

6. 127 Hours (2010) : 127 ชั่วโมง

127 Hours (2010)

127 Hours (2010)

ผู้กำกับ : แดนนี่ บอยล์
แสดงนำ : เจมส์ ฟรานโค, แอมเบลอร์ แทมบลิน, เคต มารา
ทุนสร้าง : 18 ล้านเหรียญ
รายได้ : 60 ล้านเหรียญ
หนังเอาชีวิตรอด ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือที่อารอน ราลสตัน เขียนบันทึกช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายในระยะเวลา 127 ชั่่วโมง ที่เขาต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะต้องเลือกที่จะต้องสละแขนขวาเพื่อเอาชีวิตรอด เรื่องนี้เจ้าตัว อารอน ราลสตัน ตัวเอกของเรื่องสุดสะพรึงนี้ มายืนยันเองเลยว่า เรื่องราวในหนังถ่ายทอดเหตุการณ์ออกมาได้ใกล้เคียงเหตุการณ์จริงที่เขาประสบมาอย่างมาก มีบางจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ใช่จุดสำคัญเท่านั้น ที่จะต่างออกไปจากเรื่องจริง ตัวอย่างเช่นฉากแรกตอนที่อารอนได้พบกับ 2 นักปีนเขา อารอนได้สอนเทคนิคการปีนเขาให้กับ 2 คนนั้น แต่ในหนังนั้นอารอนพาพวกเขาไปดูทะเลสาบที่แอบซ่อนอยู่ในหุบเขา

7. The Pursuit of Happyness (2006) : ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้

The Pursuit of Happyness (2006)

The Pursuit of Happyness (2006)

ผู้กำกับ : แกเบรียล มุคซิโน
แสดงนำ : วิล สมิธ, แธนดี นิวตัน ,เจเด็น สมิธ
ทุนสร้าง : 55 ล้านเหรียญ
รายได้ : 307 ล้านเหรียญ
หนังดราม่าน้อยเรื่องที่ วิล สมิธ รับแสดง และเป็นหนังที่หลายคนหลงรักและอยู่ในหลายชื่อหนังโปรด ที่นอกจากจะฉากเรียกน้ำตามากมายแล้วยังเป็นหนังที่ให้กำลังใจผู้ชมได้อย่างดีอีกด้วย วิล สมิธ ฝากบทบาทการแสดงที่น่าจะเรียกได้ว่าดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ทำให้เขาได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต ต่อจาก Ali (2001) แล้วหลังจากเรื่องนี้เขาก็ยังไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอีกเลย

วิล สมิธ รับบทเป็น คริส การ์ดเนอร์ นักธุรกิจค้าหุ้นที่ประสบความสำเร็จ ผู้ก้าวมาจากจุดที่ติดลบ เขาต้องเร่รอนแบบไร้ที่ซุกหัวนอนกับลูกชายวัย 5 ขวบ ของเขา ที่ได้เจเด็น สมิธ มาร่วมแสดงกับพ่อได้อย่างน่ารักน่าชัง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากของ แกเบรียล มุคซิโน ที่เอาพ่อลูกจริง ๆ มาแสดงด้วยกัน ทำให้เข้าขากันดีมาก และสื่ออารมณ์ถึงผู้ชมได้อย่างชะงัดนัก และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอีกเช่นกัน ที่มีการปรับเปลี่ยนเรื่องราวในจุดนี้ให้แตกต่างจากความเป็นจริง เพราะในเรื่องจริงนั้น ตอนที่คริส การ์ดเนอร์ ต้องเผชิญจุดตกต่ำสุดในชีวิตนั้น ลูกเขายังเป็นเด็กทารกอยู่เลย ซึ่งถ้ายึดตามจริงการสื่ออารมณ์หนังจะลดน้อยถอยลงไปมาก เพราะเด็กทารกแสดงและเชื่อมอารมณ์กับพ่อไม่ได้ แต่พอปรับเรื่องให้เป็นเด็ก 5 ขวบ จะสามารถรับส่งอารมณ์กันได้ดีกว่า อีกจุดเล็ก ๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนคือ ตอนที่คริส ไปขอฝึกงานในบริษัทโบรคเกอร์นั้น เขายินดีรับข้อเสนอที่ได้ฝึกงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง แต่เรื่องจริงนั้นบริษัทจ่ายค่าจ้างให้คริส แต่ปรับเปลี่ยนตรงนี้ก็เพื่อให้เรื่องราวของคริสในหนังนั้น ดูน่าสงสารมากขึ้น

8. Catch Me If You Can (2002) : จับให้ได้ถ้านายแน่จริง

Catch Me If You Can (2002)

Catch Me If You Can (2002)

ผู้กำกับ : สตีเวน สปิลเบิร์ก
แสดงนำ : ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ, ทอม แฮงก์ส, คริสโตเฟอร์ วอล์กเค็น
ทุนสร้าง : 52 ล้านเหรียญ
รายได้ : 352 ล้านเหรียญ
อีกหนึ่งผลงานจดจำของสตีเวน สปิลเบิร์ก ที่จับเอา ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ ทอม แฮงก์ส 2 ซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของฮอลลีวูดมาประชันกัน ในหนังแนวตำรวจจับผู้ร้าย แต่ผู้ร้ายรายนี้คืออาชญากรจอมต้มตุ๋นระดับตำนาน ที่เมื่อพ้นโทษแล้วเขาสามารถเอาวิชาชีพด้านมืดนี่ล่ะ มาสอนบรรดาตำรวจได้ แล้วยังเขียนเรื่องตัวเองออกมาเป็นนิยายขายดีอีกด้วย หนังก็ดัดแปลงมาจากนิยายของ แฟรงค์ อบาเนล เองนี่แหละ และได้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ มาสวมบทบาทอาชญากรจอมเจ้าเล่ห์ผู้มากเสน่ห์ได้อย่างเหมาะสมมาก

แน่นอนว่าเพื่อเพิ่มรสชาติความดราม่าให้กับหนัง สตีเวน สปิลเบิร์ก จึงต้องขอปรับเรื่องราวจากความเป็นจริงและจากหนังสือต้นฉบับเสียหน่อย ในฉากที่แฟรงค์ อบาเนล ได้กลับไปพบพ่อของเขาอีกครั้งในชุดกัปตันสายการบิน เพื่อให้พ่อรู้สึกภูมิใจในตัวเขา ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้เป็นถึงนักบิน แต่ในความเป็นจริงนั้น ตั้งแต่แฟรงค์ออกจากบ้านเขาก็ไม่ได้เจอพ่ออีกเลย อีกฉากก็คือในฉากแมวจับหนู แฟรงค์โดนตำรวจจับตัวได้ในฝรั่งเศส เขาถูกคุมตัวขึ้น โบอิ้ง 737 มายังอเมริกา ในหนังนั้นแฟรงค์ล่อหลอกตำรวจ แล้วแอบหนีไปได้จากห้องน้ำ แต่ในเรื่องจริงนั้น แฟรงค์หายตัวไปจากท้ายเครื่องบินโบอิ้ง

9. I, Tonya (2017) : ทอนย่า บ้าให้โลกคลั่ง

I, Tonya (2017)

I, Tonya (2017)

ผู้กำกับ : เครก กิลเลสปี
แสดงนำ : มาร์ก็อต ร็อบบี้, เซบาสเตียน สแตน, แอลลิสัน เจนนี
ทุนสร้าง : 11 ล้านเหรียญ
รายได้ : 53 ล้านเหรียญ
หนังสายรางวัล ที่มาร์ก็อต ร็อบบี้ ขอแสดงฝีมือให้ชมว่าเธอไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตา แต่เธอก็เป็นนักแสดงที่มีฝีมือด้วย แล้วงานแสดงของเธอใน I,Tonya ก็เป็นทีป่ระจักษ์ ผลงานการแสดงของเธอเรียกเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ได้เป็นอย่างดี แล้วเธอก็มาได้ถึงจุดเกือบสูงสุดของอาชีพการแสดง แม้จะเข้าวงการมาไม่นาน บท ทอนย่า ฮาร์ดิง ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก แต่ก็พลาดไป เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอีกครั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เองจาก Bombshell

ใน I, Tonya รับบทเป็นตัวเอกของเรื่อง ทอนย่า ฮาร์ดิง นักสเก็ตลีลาหญิงเจ้าอารมณ์ ในหนังนั้นเธอมีคู่ปรับในวงการคือ แนนซี เคอร์ริแกน ที่ชิงดีชิงเด่นกันอยู่เสมอ เพื่อเป็นที่หนึ่งในทีม ในชีวิตจริงนั้น เมื่อเดือนมกราคม 1994 สามีเก่าของทอนย่า ได้ทำร้ายร่างกายแนนซี เคอร์ริแกน แต่ทอนย่ากลับออกตัวว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทำร้ายร่างกายระหว่างสามีเธอกับแนนซีแต่อย่างใด แต่เธอก็โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดและให้การปกปิดการกระทำผิดของสามีอยู่ดี ความผิดครั้งนี้ส่งผลให้เธอถูกแบนจากวงการสเก็ตน้ำแข็ง ทำให้อาชีพที่เธอรักเป็นอันต้องยุติ

แต่ในหนังนั้น หนังค่อนลงลึกเรื่องราวตรงนี้ แล้วขยายความมากขึ้นให้คนดูได้รับฟังเหตุผลจากทางฝั่งของทอนย่า แถมให้ตัวละครรอบข้างได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์นี้ การที่เพิ่มรายละเอียดพวกนี้ลงไป ทำให้คนดูได้มีส่วนร่วมไปกับเนื้อหาของหนัง ได้ดูแล้ววิเคราะห์ตามว่าการกระทำของทอนย่านั้นถูกต้อง สมควรแล้วหรือไม่

จาก 9 เรื่องที่ยกมาล้วนเป็นตัวอย่างที่ดีว่า นี่คือมายาของฮอลลีวูด นี่คือสินค้าจากสตูดิโอผู้สร้างหนัง ที่สร้างมาเพื่อหวังผลกำไรจากค่าตั๋วเป็นหลัก ฉะนั้นพึงระลึกไว้เสมอว่าต่อให้เราเห็นคำขึ้นต้นหนังว่า Based on True Story ก็อย่าปักใจเชื่อนักว่าเรื่องราวที่ปรากฏบนจอนั้น จะเป็นความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ การที่เราได้รับรู้ชีวิตความเป็นไปของตัวละครจากบุคคลจริงเหล่านั้น ความเป็นจริงแล้วเขาอาจจะดีกว่าหรือเลวร้ายกว่าภาพที่ถูกนำเสนอออกมาในหนังก็เป็นได้

 

อ้างอิง

แชร์โพสนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...