โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"สรรพากร" รุกหนักดิจิทัล ฝ่ามรสุม ศก.ดันรายได้ 2 ล้านล้าน

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 15 มิ.ย. 2562 เวลา 13.41 น. • เผยแพร่ 14 มิ.ย. 2562 เวลา 08.01 น.
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร

ระหว่างวันที่ 10-11 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมสรรพากร จัดประชุมสัมมนาผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วราชอาณาจักร เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นกรมสรรพากรคุณธรรม พร้อมมอบนโยบายให้เร่งเดินหน้ายุทธศาสตร์ D2RIVE (Digital Transformation, Data Analytics, Revenue Collection, Innovation, Value และ Efficiency) โดยนำระบบดิจิทัลระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรอย่างเข้มข้นมากขึ้น ในช่วงอีก 4 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2562

ชู “HAS” ยกระดับองค์กรคุณธรรม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า งานสัมมนาครั้งนี้ ผู้บริหารกรมสรรพากรทั่วประเทศได้ประกาศเจตนารมณ์ ด้วยอัตลักษณ์ “HAS” ขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นกรมสรรพากรคุณธรรม โดย H หรือ honesty (ซื่อสัตย์) คือ การปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์และรักษาประโยชน์ส่วนรวม ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ หรือรับจ้างจากผู้เสียภาษีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย A หรือ accountability (รับผิดชอบ) คือ ความมุ่งมั่น ทุ่มเท กำกับงานที่ได้รับมอบหมายให้แล้วเสร็จ คอยให้คำปรึกษาที่ดีแก่ลูกน้อง และไม่ปัดความรับผิดชอบ และ S หรือ service mind (มอบใจบริการ) คือ การให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือแก่ผู้ที่มาติดต่อ รับบริการจากกรม

“ดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม” ขจัดโกงภาษี

ขณะเดียวกันได้ให้นโยบายผู้บริหารสรรพากรทั้งหมด ว่าจะต้องขับเคลื่อนด้านดิจิทัลอย่างเข้มข้นมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ D2RIVE หลายเรื่อง อาทิ การเชื่อมโยงข้อมูลค่าลดหย่อนภาษีกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น เบี้ยประกันสุขภาพ เงินสะสม กบข. (กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) และหน่วยรับบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ให้ผู้เสียภาษีสามารถตรวจสอบข้อมูลค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ด้วยตัวเองผ่านระบบ my tax account

ตลอดจนพัฒนา application RD smart tax และเปิดระบบ open API ให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนา application อำนวยความสะดวกในการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ชู “อีแสตมป์-ใบกำกับ/ใบรับออนไลน์”

โดยช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ จะเปิดตัวบริการอากรแสตมป์สำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp) และเริ่มใช้เดือน ก.ค.เป็นต้นไป พร้อมเดินหน้าพัฒนาระบบการออกใบกำกับภาษี/ใบเสร็จภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice/e-Receipt) หลังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับทางสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เมื่อเร็ว ๆ นี้

“กรมจะนำข้อมูล big data ไปใช้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดการกับพฤติกรรมการหลบเลี่ยงภาษี tax fraud (การโกงภาษี) ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแยกคนดีกับคนไม่ดี” นายเอกนิติกล่าว

นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษาเรื่องระบบการหักและนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Withholding tax) ซึ่งจะลดต้นทุนด้านเอกสาร และกำลังพิจารณาลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้สำหรับผู้ที่เข้าระบบ e-Withholding tax

“D2RIVE” ดันภาษีเกินเป้า 3.8 หมื่นล้าน

ทั้งนี้ ช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. 61-พ.ค. 62) กรมจัดเก็บภาษีได้ทั้งสิ้น 1.22 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 38,015 ล้านบาท เป็นผลมาจากการนำระบบดิจิทัล big data และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนการปรับปรุงข้อกฎหมายต่าง ๆ ให้การจัดเก็บภาษีมีความชัดเจนขึ้น

“ได้มอบนโยบายว่า เราจะเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสรรพากรด้วยดิจิทัลอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ซึ่งการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ D2RIVE ที่ผ่านมา ทำให้เราจัดเก็บรายได้ช่วง 8 เดือนแรกเกินเป้า”

ศก.ชะลอฉุดรายได้-บัญชีเดียวช่วยดันภาษีนิติบุคคล

นายเอกนิติกล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผลกระทบจากปัจจัยภายนอกทั้งสงครามการค้า ภาวะการเมืองภายในประเทศ ทำให้การเก็บภาษีในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. มีสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่ภาษีอื่น ๆ ยังชดเชยได้ และในเดือน พ.ค.ล่าสุด สามารถจัดเก็บภาษีได้เกินเป้า 1.5 หมื่นล้านบาท จึงยังเชื่อว่าเป้าหมายจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2562 นี้ ที่ 2 ล้านล้านบาท จะทำได้ตามเป้า

สำหรับแนวทางการจัดเก็บภาษีช่วง 4 เดือนที่เหลือ กรมพยายามใช้ระบบดิจิทัล และ data analytics เข้ามาดึงคนโกงภาษีให้เข้ามาในระบบ รวมถึงใช้ข้อมูลที่เป็นห่วงโซ่อุปทานของแต่ละธุรกิจมาพิจารณา มีการกำหนด 10 เกณฑ์ประเมินความเสี่ยงของผู้เสียภาษี (risk based audit)

ขณะที่มาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจจัดทำบัญชีชุดเดียว จะสิ้นสุดในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ถือว่าเป็นการให้โอกาสนิติบุคคลได้เสียภาษีอย่างถูกต้อง โดยได้รับการยกเว้นเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ทั้งนี้ ล่าสุดมีลงทะเบียนร่วมโครงการแล้ว 4.4 หมื่นราย

ตั้งทีมศึกษานโยบายภาษีรัฐบาลใหม่

ส่วนนโยบายด้านภาษีที่อาจต้องปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% รวมถึงชะลอเก็บภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี ตามที่พรรคแกนนำรัฐบาลได้หาเสียงไว้นั้น นายเอกนิติกล่าวว่า คงตอบเป็นหลักคิดว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดเข้ามาเป็นรัฐบาล ในฐานะข้าราชการประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ และเสนอแนะนโยบายอย่างตรงไปตรงมา และเชื่อว่าการดำเนินนโยบายภาษีคงไม่ใช่จะลดภาษีอย่างเดียว เพราะกระทบต่อรายได้และเสถียรภาพการคลัง ดังนั้นก็ต้องมีส่วนที่จะมาชดเชยด้วย

สมมุติว่า ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็ต้องดูหลักการว่าทำได้หรือไม่ รายได้จะหายไปเท่าไหร่ และหากลดภาษีลง ก็ต้องมาดูว่าค่าลดหย่อนที่หมดความจำเป็นแล้ว อาจจะต้องยกเลิกไป จากปัจจุบันค่าลดหย่อนมีมากกว่า 10 รายการ

“นโยบายต่าง ๆ ของทุกพรรคการเมืองที่อาจจะมาเป็นรัฐบาลนั้น เราพยายามศึกษาอยู่ หน้าที่เราต้องนำเสนอว่า ประโยชน์คืออะไร ต้นทุนคืออะไร ซึ่งมีทีมศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบ และเมื่อถึงเวลาตัดสินใจ ก็ต้องให้ตัวแทนประชาชนที่ถูกเลือกมาตัดสินใจ”

โยนรัฐบาลใหม่ตัดสินใจคง VAT

ส่วนกรณีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% ซึ่งจะสิ้นสุดในสิ้นเดือน ก.ย. 2562 ต้องพิจารณาภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจ ปัจจุบันหากปรับขึ้น VAT อาจจะมีผลกระทบในวงกว้างค่อนข้างมาก เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะ VAT เป็นภาษีที่มีสัดส่วนถึงกว่า 40% ของรายได้ภาษีสรรพากรทั้งหมด

“ถ้าลด VAT 1% รายได้ก็จะหายประมาณ 7 หมื่นล้านบาท หรือถ้าเพิ่ม 1% ก็จะเพิ่ม 7 หมื่นล้านบาท แต่จะกระทบในวงกว้าง ในการตัดสินใจจึงต้องดูสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจ และดูนโยบายรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร” อธิบดีกรมสรรพากรกล่าว

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...