องค์กรครูภาคประชาชนแถลงจี้นายกอิ๊งลาออกก่อนสายเกินแก้!
ชัยภูมิ – เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ล้มเหลวไม่ใช่แค่กล่าวแค่คำขอโทษ ก่อนที่ภาคประชาชน องค์กรต่างๆจะสุดทนไม่อยากออกมาชุมชนขับไล่
( 21 มิ.ย.68 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ บรรยากาศความเคลื่อนไหวของกลุ่มตัวแทนองค์กรต่างๆในพื้นที่ รวมทั้งเสียงสะท้อนจากประชาชนในพื้นที่ เริ่มออกมาเรียกร้องออกแถลงการณ์ให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือนายกอุ๊งอิ๊ง ให้รีบแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น หลังมีกรณีคลิปเสียงกับฝ่ายกัมพูชาหลุดออกมาที่ไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาชายแดนปกป้องอธิปไตยของประเทศ ด้านประชาชนทั่วเมืองชัยภูมิต่างไม่พอใจต่อการทำงานที่ล้มเหลวของการเป็นผู้นำของนายกอุ๊งอิ๊ง ในฐานะที่เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศไทยในฐานะนายกรัฐมนตรีไทย ในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ในครั้งนี้ รวมทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังตกต่ำหนักเป็นจำนวนมากในขณะนี้ด้วย
ซึ่งขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เองต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากให้เกิดการออกมาชุมนุมขับไล่นายกในขณะนี้ เพราะไม่อยากให้ประชาชนมีผลกระทบด้านเศรษฐกิจรุนแรงตามมาได้ และยังรอให้โอกาส นายกอุ๊งอิ๊งตัดสินใจลาออกโดยเร็วก่อนจะดีกว่า ที่ผ่านมาไม่ใช้การเป็นหน้าที่ผู้นำประเทศไทย ที่จะออกมาบอกว่าขอโทษเท่านั้น แต่ต้องยอมรับว่าบริหารการแก้ปัญหาล้มเหลว ที่ควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการลากออกด้วย ซึ่งถ้ายังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ชาวบ้านในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ องค์กรต่างๆในพื้นที่ ก็พร้อมที่จะมีความจำเป็นในการเตรียมที่จะออกมาชุมชนขับไล่นายกฯที่หน้าศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ ด้วยเช่นกันจากนี้ไปด้วย
ซึ่งล่าสุดวันนี้ 21 มิ.ย.68 เมื่อช่วงเวลาประมาณ 14.00 น.ที่ผ่านมา ได้มีการออกแถลงการณ์ของสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ฉบับที่ 1/2568 เรื่อง การเรียกร้องความรับผิดชอบต่อกรณีสนทนาทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีไทย ตามคำปรารภ : สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะองค์กรวิชาชีพที่มีพันธกิจส่งเสริมจริยธรรมทางการศึกษา และความมั่นคงของชาติ รู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อเนื้อหาการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับสมเด็จสฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร หรือกระทบต่อเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี อธิปไตยและบูรณภาพแห่งราชอาณาจักรไทย
ตามข้อเท็จจริงที่น่ากังวล : 1 เนื้อหาสนทนาที่ปรากฏในคลิปเสียงซึ่งได้รับการยืนยันความถูกต้องแล้ว ระบุถ้อยแถลงที่อาจตีความได้ว่า “ยินดีตอบสนองความต้องการของบุคคลภายนอกราชอาณาจักร” เพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไปโดยปราศจากเงื่อนไขคุ้มครองป้องกันอธิปไตยไทย 2 การเจรจาดังกล่าว : ดำเนินการผ่านช่องทางส่วนตัว นอกระบบราชการไม่ปรากฏหลักฐานการทำบันทึกหรือมีพยานร่วมขาดกระบวนการปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมาย : ซึ่งทาง คณะกรรมการสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายแล้วเห็นว่า กรณีนี้
“อาจมีประเด็นต้องพิจารณาตามประมาลกฎหมายอาญาหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ดังนี้ 1 มาตรา 119 : ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร ตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต 2 มาตรา 120 : ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประ โยชน์ของรัฐต่างประเทศด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐหรือในทางที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
3 มาตรา 121 : คนไทยคนใดกระทำการรบต่อประเทศหรือเข้าร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ข้อเรียกร้อง 4 มาตรา 122 : ผู้ใดระทำการใดๆ เพื่ออุปการะแก่การดำเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก ต้องระวางโทษตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี ถ้าการอุปการะนั้นเป็นการตาม (1),(2),(3),(4) ผู้กระทำต้องระวางไทยประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดลอดชีวิต
5 มาตรา 123 : ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี 6 มาตรา 124 :ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใดๆ อันปกปิดให้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสินสิบปี 7 มาตรา 128 : ผู้ใดตระเตรียมการหรือพยายามกระทำความผิดใดๆในหมวดนี้ ต้องระวางโทษ ตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น 8 มาตรา 129 : ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดใดๆในหมวดนี้ ต้องระวางโทษ เช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น 9 อาจผิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 5,52,157, 160 และ 164
และขอเรียกร้อง ให้ 1 เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี : แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อรัฐสภาภายใน 7 วัน เปิดเผยบันทึกการสนทนาอย่างเป็นทางการ(หากมี) และ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
บทบาทของสมาคมฯ 1: 1 จะจัดตั้ง “คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคงทางการศึกษา” เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับโรงเรียนในพื้นที่ชายแดน 2 ผลักดันให้มีการบรรจุหลักสูตร “การศึกษาพลเมืองกับความมั่นคงแห่งชาติ” ในโรงเรียนทั่วประเทศ
ซึ่งขอสรุปว่า : สมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ยืนยันว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และพร้อมใช้กลไกทางกฎหมายทุกทางเพื่อปกป้องเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี อธิปไทยและผลประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชนไทย ลงชื่อ ( นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังชัยภูมิ
หมายเหตุ :แถลงการณ์นี้อิงตามหลักฐานที่ปรากฏต่อสาธารณะและความเห็นทางกฎหมายจากที่ปรึกษาสมาคม พร้อมทบทวนแถลงการณ์หากมีข้อเท็จจริงใหม่ปรากฏ 3 เอกสารอ้างอิงประกอบ : ประมวลกฎหมายอาญา, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, หลักฐานการสนทนาที่เผยแพร่