โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

แนะภาครัฐ “ปลดล็อก” อายุสัญญาเช่าให้ยาวขึ้น + “เวฟภาษี” หนุน “กองทุนอสังหาฯ/REIT” กลับมาคึกคักอีกครั้ง !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 25 ธ.ค. เวลา 14.07 น. • เผยแพร่ 12 ก.ค. เวลา 17.14 น. • สรวิศ อิ่มบำรุง

Wealthy Way: ช่วง “ดอกเบี้ยขาลง” กลุ่ม “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” ก็กลับมาอยู่ในเรดาร์การลงทุนอีกครั้ง ด้วยผลตอบแทนที่ดีกว่า “ตราสารหนี้” และ “เงินฝาก” โดยปกติเฉลี่ย 6 – 8% ขึ้นกับประเภทของอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน
อีกส่วนก็สะท้อนผ่าน ดัชนี “PF&REIT” ในปีนี้ ที่ติดลบ -11.29% Outperform “SET Index” ที่ติดลบ -19.93% ค่อนข้างชัดเจน (ที่มา: setsmart.com, วันที่ 11 ก.ค. 25)
ด้วยบุคลิกที่คล้ายกับ “หุ้นปันผล” ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อราคาตลาดปรับตัวลงมามาก ก็ทำให้ “ผลตอบแทน” (Yield) ปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ ทำให้ราคาดิ่งถึงจุดหนึ่งก็จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อลงทุนนั่นเอง
รู้หรือไม่?…“กองอสังหาริมทรัพย์” แบ่งเป็น 2 ยุค คือ “ยุคเก่า” ที่เป็น “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” (Type1) กับ “ยุคใหม่” ที่เป็น “ทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์” (REIT) นั่นเอง
ทั้ง 2 ยุค กลุ่มไหนน่าสนใจกว่ากัน? วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ มีเรื่องราวที่น่าสนใจในเรื่องนี้มาฝากกัน

“กองอสังหาริมทรัพย์” จาก “Type1” สู่ “REIT”…รูปแบบการลงทุนที่เป็น “มาตรฐานโลก”

สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในกลุ่ม “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” นั้น เคยสงสัยมั้ยว่า…บางกองก็มีชื่อว่า “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” บางกองก็เรียกว่า REIT”
ใน “ดัชนีกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์” (PF&REIT) ปัจจุบันมี 56 กอง ก็จะประกอบด้วย “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” และ REIT” เช่นเดียวกัน
ถือเป็นรูปแบบการลงทุนใน “อสังหาริมทรัพย์” ที่จ่ายผลตอบแทนที่ได้จาก “ค่าเช่า” ให้กับผู้ลงทุนในรูปของ “เงินปันผล” เหมือนกัน ดังนั้น ในมุมของนักลงทุนจะลงทุนในกองทุนรูปแบบไหนก็ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในรูปของ “เงินปันผล” ไม่แตกต่างกัน

อาจกล่าวได้ว่า “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” ปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ยุค หลัง “สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” (ก.ล.ต.) ได้คุมกำเนิด “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” (Type1) แล้วเปลี่ยนมาสู่รูปแบบ REIT” ที่เป็นรูปแบบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มาตรฐานสากลแทนนั่นเอง

1) ยุคเก่า: กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Type1) เป็นกองทุนที่อยู่ในรูปแบบ “กองทุน” บริหารจัดการโดย “ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์” ที่มี “บลจ.” เป็นผู้จัดการกองทุน สังเกตง่ายๆ กลุ่มนี้จะเป็น “กองทุนยุคเก่า”

“จัดตั้งใหม่ไม่ได้ กองทุน Leasehold ที่มีอยู่ก็รอเวลาครบอายุสัญญาแล้วปิดตัวไป สิทธิการเช่ายิ่งเหลือน้อย ความน่าสนใจของกองทุนก็ยิ่งลดลงสำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ แต่ใครที่ลงทุนมาตั้งแต่ต้นก็คงไม่มีอะไร รอวันปิดกองเท่านั้นเอง”
ส่วนกอง Freehold ก็อยู่ต่อไปได้เรื่อยๆ ขึ้นกับผลประกอบการ แต่โอกาสการเติบโตก็ไม่ง่าย ทำให้กองทุนขาดความน่าสนใจ กลุ่มนี้ก็จะอยู่ไปได้เรื่อยๆ ถ้าไม่ขายทรัพย์สินปิดกองทุนไปเอง”

2) ยุคใหม่: ทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งเป็นรูปแบบปัจจุบัน จะมี REIT Manager” เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) “REIT Manager” ที่เป็นลูกของเจ้าของทรัพย์สิน (ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบนี้) กับ 2) “REIT Manager-อิสระ”ซึ่งไม่มีแม่เป็นเจ้าของทรัพย์สิน เลือกลงทุนได้อย่างอิสระ

“REIT เป็นรูปแบบที่น่าสนใจกว่า สามารถลงทุนเพิ่มขยายขนาดกองทรัสต์ให้เติบโตได้เรื่อยๆ และทำได้ง่ายกว่า เพราะมีกาใช้เงินกู้ได้ ‘ไม่เกิน 35%’ ของมูลค่าทรัพย์สินรวม แต่ถ้ามี Credit Rating ระดับ ‘Investment Grade’ จะสามารถกู้ยืมได้ถึง ‘60%’ ของมูลค่าทรัพย์สินรวม เลยทีเดียว”
“กองทุนที่จะตั้งใหม่ต้องจัดตั้งในรูปแบบของ REIT เท่านั้น ทำให้กอง Type1 ก็มีจำกัดและมีแต่ลดลง บางกองก็ปิดกองเพื่อขายเข้า REIT ที่มีเจ้าของทรัพย์เดียวกันแทนก็มี สำหรับ REIT ที่มีศักยภาพในการเติบโต ในปีที่ผ่านมาก็มีกอง Type1 ปิดกองไปแล้ว 3 กอง ได้แก่ URBNPF (ปิดกองเลย) และ QHPF กับ LPF (ปิดกองเพื่อขายทรัพย์สินเข้ากอง REIT) เป็นต้น”

แนะภาครัฐ “ปลดล็อก” อายุสัญญาเช่าให้ยาวขึ้น+เวฟภาษี…หนุน “กองทุนอสังหาฯ/REIT” กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย(KTAM) บอกว่า แม้กลุ่ม “กองทุนอสังหาฯ/REIT” จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในช่วงหลังมานี้ตลาดค่อนข้างซบเซา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “อายุสัญญาเช่า” ของกองทุนอสังหาฯ/REIT เอง ที่ปัจจุบันเหลือกันไม่มาก ในส่วนของ “สิทธิการเช่า” (Leasehold) เอง ถ้าเหลือต่ำกว่า 10 ปี ความน่าสนใจก็ลดลง คนจะเข้ามาลงทุนใหม่ก็ดูไม่ค่อยน่าสนใจ ในขณะที่ถึงเวลาครบอายุสัญญา เวลาจะไปลงทุนต่ออายุใหม่ก็จะมีค่าใช้จ่ายภาษีในการลงทุนต่อสัญญา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของกองทุนในภาพรวมด้วยเช่นกัน จนบางครั้งก็ต้องคิดดูว่า “คุ้มหรือไม่” เพราะนักลงทุนเก่าเองก็ได้ผลกระทบ

(ชวินดา หาญรัตนกูล)

“เราเห็นผลกระทบในเชิงลบจากการต่ออายุสัญญาจากกองทุนอสังหา/REIT มาแล้ว จึงอยากเสนอแนวคิดในการขยาย ‘อายุสัญญา’ ให้ยาวขึ้นเป็น 90 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้น จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินทรัพย์ประเภทนี้ได้อีกครั้ง ซึ่งได้มีการพูดคุยกับทาง ‘สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์’ (ก.ล.ต.) ไปแล้วเช่นกัน แต่ถ้าปล่อยไว้ในสภาพนี้ อาจจะทำให้ความน่าสนใจของสินทรัพย์ประเภทนี้ โดยเฉพาะที่ส่วนใหญ่เป็น Leasehold อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย”
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม “กองทุนอสังหาฯ/REIT” ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองหากระแสเงินสดที่สม่ำเสมอในรูปของ “เงินปันผล” ที่ดีกว่าการลงทุนใน “ตราสารหนี้” และในช่วงแนวโน้ม “ดอกเบี้ยขาลง” ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาในตลาดรองของสินทรัพย์กลุ่มนี้อีกด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...