ผืนทรายและสายลมบน “เส้นทางสายไหม”
“เส้นทางสายไหม” ชื่อเรียกที่มีที่มาจาก “ผ้าไหม” ซึ่งถือเป็นสินค้าล้ำค่าที่พ่อค้าชาวจีนบรรทุกข้ามทวีปจากจีนในเอเชียไปสู่ยุโรป ถือเป็นเครือข่ายเส้นทางการค้าโบราณที่ประกอบด้วยทั้งทางบกและทางทะเลที่ทุรกันดารและอันตรายระยะทางกว่า 6,400 กิโลเมตร โดยเดินทางในรูปแบบกองคาราวาน นอกจากผ้าไหมและสินค้าอื่น ๆ แล้วเส้นทางที่ว่านี้ยังเป็นเส้นทางสำคัญในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ศาสนา และเทคโนโลยี
เรื่องราวของเส้นทางสายไหมที่ว่านั้นถูกเล่าผ่านนิทรรศการสุดล้ำสมัย ให้ความรู้สึกราวกับใช้เวทมนต์พาผู้ชมเข้าไปอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ณ “พิพิธภัณฑ์ POLY MGM” ซึ่งนำเสนอเส้นทางการแลกเปลี่ยนอารยธรรมตามเส้นทางสายไหมโบราณผ่านนิทรรศการ “Silk Roads Beyond Borders” จัดแสดงสมบัติล้ำค่าจากพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ และโบราณวัตถุที่สำคัญ
นิทรรศการนี้ใช้การแสดงสดเป็นสื่อทางวัฒนธรรม เพื่อนำเรื่องราวของเส้นทางสายไหมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง รวมทั้งผสมผสานระหว่างการจำลองเหตุการณ์จริงและการจัดแสดงโบราณวัตถุ พาผู้ชมเดินทางย้อนเวลาเพื่อค้นพบเรื่องราวอันอุดมสมบูรณ์ของอารยธรรมเส้นทางสายไหมผ่านประสบการณ์ที่เหนือกาลเวลาผ่าน 4 พื้นที่ธีมหลัก จาก “ฝ่าทรายและสายลม” เล่าถึงการเดินทางของบรรพชนผู้บุกเบิกเส้นทางสายไหมโบราณ สู่ “สายใยทองคำ” นำเสนอวัฒนธรรมเชิงวัตถุ ขณะที่“กิ่งทองแห่งเส้นทางสายไหม” ถ่ายทอดการบูรณาการทั้งด้านจิตวิญญาณและความงามทางศิลปะของเส้นทางสายไหมผ่านภาพ ประติมากรรม และดนตรีผสานกับการสะท้อนเชิงปรัชญาที่ปรากฏในคัมภีร์และวรรณกรรมคลาสสิก และ “ถนนสู่อนาคต” เชิญชวนให้ค้นพบว่ามรดกทั้งด้านวัตถุและจิตวิญญาณของเส้นทางสายไหมได้หล่อหลอมและเกื้อหนุนศิลปะร่วมสมัยอย่างไร
เริ่มตั้งแต่ก้าวย่างแรกรอยเท้านับหมื่นนับพันที่เคยก้าวผ่านผืนทราย กองคาราวานที่มีอูฐเป็นพาหนะหลัก ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านพาผู้มาเยือนค่อย ๆ ก้าวเดินตามรอยเส้นทางสายไหมจากซีอาน ผ่านเส้นทางต่าง ๆ ในดินแดนจีนมีทั้งขึ้นไปทางตอนเหนือแถบอุรุมฉี ออกไปทางคาซัคสถาน อุสเบกิสถาน ข้ามไปทางอิหร่าน หรือบางครั้งอาจไล่ลงมาทางใต้แทน แต่ข้าม ณ จุดเดียวกัน ต่อไปอิรัก ซีเรีย ข้ามทวีป ณ ตุรกี แยกไปอียิปต์ กับขึ้นไปที่กรีกเลยต่อไปอิตาลี
ด้วยความที่จุดเริ่มต้นคือ เมืองหลวงเก่าอย่างซีอาน หรือฉางอันเดิม ดินแดนที่เต็มไปด้วยกองทัพทหารดินเผาจากสุสานจักพรรดิจิ๋นซี อูฐดินเผาที่แต่งแต้มด้วยสีสันหลากหลายจึงเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณที่นำมาจัดแสดง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีขบวนรถม้าและนักรบขี่ม้าโลหะบรอนซ์ จากพิพิธภัณฑ์มณฑลกานซู่, ขวดแก้วสีน้ำเงินทรงแปดเหลี่ยมสมัยยุคราชวงศ์หย่งเจิ้ง จากพิพิธภัณฑ์พระราชวัง, ขวดเซรามิกสีขาว-น้ำเงิน จากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติดามัสกัส ประเทศซีเรีย, พระพุทธรูปคันธาระ จากพิพิธภัณฑ์เส้นทางสายไหมฮิรายามะ อิคุโอะ ประเทศญี่ปุ่น และภาพจิตรกรรมฝาผนังจำลองตุนหวง ผลงานของทายาทมรดกวัฒนธรรมจีนสี่รุ่น
ทั้งหมดที่ว่านั้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าจากสถาบันระดับนานาชาติซึ่งถูกนำมารวมไว้ในที่เดียวกันเป็นครั้งแรก เพื่อเติมเต็มการเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางการค้าที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดของโลก ซึ่งในอนาคตจะมีการนำวัตถุโบราณที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นทางเพิ่มเติมจากประเทศโปรตุเกส ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ มาช่วยเสริมและเชื่อมโยงโบราณวัตถุชิ้นเอกจากสถาบันทางวัฒนธรรมชั้นนำของจีนเกือบ 20 แห่ง เพื่อสร้างสรรค์นิทรรศการในระดับโลกอย่างแท้จริง
นอกจากนี้นิทรรศการยังนำเสนอผลงานของศิลปินหลายรุ่น รวมถึง จางซู่หง จิตรกรผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้พิทักษ์ตุนหวง” และ จางซาน่า บุตรสาวของเขา เพื่อสะท้อนถึง 80 กว่าปีแห่งความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ศิลปะตุนหวง อีกด้านยังมีการจัดแสดงเครื่องดนตรีโบราณของเส้นทางสายไหม อาทิ พิณหัวนกฟีนิกซ์, ผีผาห้าสาย, และผีผา ซึ่งได้รับการบูรณะอย่างประณีตผ่านงานวิจัยหลายปีโดย ตั้นตุน นักดนตรีจีนชื่อดังระดับโลก เครื่องดนตรีเหล่านี้ถูกจับคู่กับบทประพันธ์ซิมโฟนีร่วมสมัยเพื่อฟื้นฟู “เสียงแห่งเส้นทางสายไหม” ให้ผู้ชมในยุคปัจจุบันได้สัมผัสอย่างเต็มอารมณ์
ไม่ใช่เพียงวัตถุโบราณมากมายที่จัดแสดงแต่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบอิมเมอร์ซีฟมาผสมผสาน ทำให้การเดินเข้าชมยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เพราะเดิน ๆ อยู่อาจจะมีมังกรพาดผ่านข้ามศีรษะไป หรือหากอยากรู้ว่าแจกันที่จัดแสดงอยู่ในตู้กระจกนั้นมีขั้นตอนการทำอย่างไร ก็มีหน้าจอสัมผัสแบบอินเทอร์แอคทีฟให้จิ้มดู รวมไปถึงช่องลับบนกำแพงที่เชิญชวนให้ลองแอบจ้องมองเข้าไปดูถ้ำโม่เกา แหล่งมรดกโลกของมณฑลกานซู่ ที่มาในแบบวิดีโอสามมิติที่ฉายให้เห็นทั้งด้านนอกและด้านใน ยังไม่รวมวัตถุโบราณอื่น ๆ ที่รวมอยู่ด้วยกันกว่า 200 ชิ้น
พิพิธภัณฑ์ POLY MGM ตั้งอยู่ที่ MGM มาเก๊า เมืองประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นจุดเชื่อมต่อบนเส้นทางสายไหมทางทะเล เปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2024 มุ่งเน้นการจัดแสดงโบราณวัตถุและผลงานศิลปะจากประเทศและภูมิภาคในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เชื่อมโลกตะวันออกและตะวันตกไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงอารยธรรมจีนที่มีอายุกว่า 5,000 ปี และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Poly Culture และ MGM ในการอนุรักษ์สมบัติทางวัฒนธรรมของชาติจีนสืบต่อไปยังคนรุ่นใหม่