โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

ผืนทรายและสายลมบน “เส้นทางสายไหม”

เดลินิวส์

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • เดลินิวส์
“…การเดินทางเริ่มขึ้นในปี 138 ก่อนคริสต์ศักราช เมื่อนักสำรวจชาวจีน “จางเฉียน” ที่เดินทางพร้อมกับตราประทับของจักรพรรดิ ได้เปิดเส้นทางการทูตสู่เอเชียกลางและตะวันตก และก่อตั้งหลักการ “การแลกเปลี่ยนสิ่งที่จำเป็นต่อกัน” ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ…” เหตุการณ์สำคัญนี้ถูกบันทึกไว้ในสำนักบันทึกประวัติศาสตร์ฉบับย่อ (Records of the Grand Historian) ซึ่งถือเป็นเล่มแรกในชุดยี่สิบสี่ประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ์จีน

“เส้นทางสายไหม” ชื่อเรียกที่มีที่มาจาก “ผ้าไหม” ซึ่งถือเป็นสินค้าล้ำค่าที่พ่อค้าชาวจีนบรรทุกข้ามทวีปจากจีนในเอเชียไปสู่ยุโรป ถือเป็นเครือข่ายเส้นทางการค้าโบราณที่ประกอบด้วยทั้งทางบกและทางทะเลที่ทุรกันดารและอันตรายระยะทางกว่า 6,400 กิโลเมตร โดยเดินทางในรูปแบบกองคาราวาน นอกจากผ้าไหมและสินค้าอื่น ๆ แล้วเส้นทางที่ว่านี้ยังเป็นเส้นทางสำคัญในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ศาสนา และเทคโนโลยี

เรื่องราวของเส้นทางสายไหมที่ว่านั้นถูกเล่าผ่านนิทรรศการสุดล้ำสมัย ให้ความรู้สึกราวกับใช้เวทมนต์พาผู้ชมเข้าไปอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ณ “พิพิธภัณฑ์ POLY MGM” ซึ่งนำเสนอเส้นทางการแลกเปลี่ยนอารยธรรมตามเส้นทางสายไหมโบราณผ่านนิทรรศการ “Silk Roads Beyond Borders” จัดแสดงสมบัติล้ำค่าจากพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ และโบราณวัตถุที่สำคัญ

นิทรรศการนี้ใช้การแสดงสดเป็นสื่อทางวัฒนธรรม เพื่อนำเรื่องราวของเส้นทางสายไหมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง รวมทั้งผสมผสานระหว่างการจำลองเหตุการณ์จริงและการจัดแสดงโบราณวัตถุ พาผู้ชมเดินทางย้อนเวลาเพื่อค้นพบเรื่องราวอันอุดมสมบูรณ์ของอารยธรรมเส้นทางสายไหมผ่านประสบการณ์ที่เหนือกาลเวลาผ่าน 4 พื้นที่ธีมหลัก จาก “ฝ่าทรายและสายลม” เล่าถึงการเดินทางของบรรพชนผู้บุกเบิกเส้นทางสายไหมโบราณ สู่ “สายใยทองคำ” นำเสนอวัฒนธรรมเชิงวัตถุ ขณะที่“กิ่งทองแห่งเส้นทางสายไหม” ถ่ายทอดการบูรณาการทั้งด้านจิตวิญญาณและความงามทางศิลปะของเส้นทางสายไหมผ่านภาพ ประติมากรรม และดนตรีผสานกับการสะท้อนเชิงปรัชญาที่ปรากฏในคัมภีร์และวรรณกรรมคลาสสิก และ “ถนนสู่อนาคต” เชิญชวนให้ค้นพบว่ามรดกทั้งด้านวัตถุและจิตวิญญาณของเส้นทางสายไหมได้หล่อหลอมและเกื้อหนุนศิลปะร่วมสมัยอย่างไร

เริ่มตั้งแต่ก้าวย่างแรกรอยเท้านับหมื่นนับพันที่เคยก้าวผ่านผืนทราย กองคาราวานที่มีอูฐเป็นพาหนะหลัก ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านพาผู้มาเยือนค่อย ๆ ก้าวเดินตามรอยเส้นทางสายไหมจากซีอาน ผ่านเส้นทางต่าง ๆ ในดินแดนจีนมีทั้งขึ้นไปทางตอนเหนือแถบอุรุมฉี ออกไปทางคาซัคสถาน อุสเบกิสถาน ข้ามไปทางอิหร่าน หรือบางครั้งอาจไล่ลงมาทางใต้แทน แต่ข้าม ณ จุดเดียวกัน ต่อไปอิรัก ซีเรีย ข้ามทวีป ณ ตุรกี แยกไปอียิปต์ กับขึ้นไปที่กรีกเลยต่อไปอิตาลี

ด้วยความที่จุดเริ่มต้นคือ เมืองหลวงเก่าอย่างซีอาน หรือฉางอันเดิม ดินแดนที่เต็มไปด้วยกองทัพทหารดินเผาจากสุสานจักพรรดิจิ๋นซี อูฐดินเผาที่แต่งแต้มด้วยสีสันหลากหลายจึงเป็นหนึ่งในวัตถุโบราณที่นำมาจัดแสดง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีขบวนรถม้าและนักรบขี่ม้าโลหะบรอนซ์ จากพิพิธภัณฑ์มณฑลกานซู่, ขวดแก้วสีน้ำเงินทรงแปดเหลี่ยมสมัยยุคราชวงศ์หย่งเจิ้ง จากพิพิธภัณฑ์พระราชวัง, ขวดเซรามิกสีขาว-น้ำเงิน จากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติดามัสกัส ประเทศซีเรีย, พระพุทธรูปคันธาระ จากพิพิธภัณฑ์เส้นทางสายไหมฮิรายามะ อิคุโอะ ประเทศญี่ปุ่น และภาพจิตรกรรมฝาผนังจำลองตุนหวง ผลงานของทายาทมรดกวัฒนธรรมจีนสี่รุ่น

ทั้งหมดที่ว่านั้นล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าจากสถาบันระดับนานาชาติซึ่งถูกนำมารวมไว้ในที่เดียวกันเป็นครั้งแรก เพื่อเติมเต็มการเดินทางอันยาวนานบนเส้นทางการค้าที่ได้ชื่อว่ายาวที่สุดของโลก ซึ่งในอนาคตจะมีการนำวัตถุโบราณที่เกี่ยวเนื่องกับเส้นทางเพิ่มเติมจากประเทศโปรตุเกส ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ มาช่วยเสริมและเชื่อมโยงโบราณวัตถุชิ้นเอกจากสถาบันทางวัฒนธรรมชั้นนำของจีนเกือบ 20 แห่ง เพื่อสร้างสรรค์นิทรรศการในระดับโลกอย่างแท้จริง

นอกจากนี้นิทรรศการยังนำเสนอผลงานของศิลปินหลายรุ่น รวมถึง จางซู่หง จิตรกรผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้พิทักษ์ตุนหวง” และ จางซาน่า บุตรสาวของเขา เพื่อสะท้อนถึง 80 กว่าปีแห่งความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์ศิลปะตุนหวง อีกด้านยังมีการจัดแสดงเครื่องดนตรีโบราณของเส้นทางสายไหม อาทิ พิณหัวนกฟีนิกซ์, ผีผาห้าสาย, และผีผา ซึ่งได้รับการบูรณะอย่างประณีตผ่านงานวิจัยหลายปีโดย ตั้นตุน นักดนตรีจีนชื่อดังระดับโลก เครื่องดนตรีเหล่านี้ถูกจับคู่กับบทประพันธ์ซิมโฟนีร่วมสมัยเพื่อฟื้นฟู “เสียงแห่งเส้นทางสายไหม” ให้ผู้ชมในยุคปัจจุบันได้สัมผัสอย่างเต็มอารมณ์

ไม่ใช่เพียงวัตถุโบราณมากมายที่จัดแสดงแต่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบอิมเมอร์ซีฟมาผสมผสาน ทำให้การเดินเข้าชมยิ่งน่าสนใจมากขึ้นไปอีก เพราะเดิน ๆ อยู่อาจจะมีมังกรพาดผ่านข้ามศีรษะไป หรือหากอยากรู้ว่าแจกันที่จัดแสดงอยู่ในตู้กระจกนั้นมีขั้นตอนการทำอย่างไร ก็มีหน้าจอสัมผัสแบบอินเทอร์แอคทีฟให้จิ้มดู รวมไปถึงช่องลับบนกำแพงที่เชิญชวนให้ลองแอบจ้องมองเข้าไปดูถ้ำโม่เกา แหล่งมรดกโลกของมณฑลกานซู่ ที่มาในแบบวิดีโอสามมิติที่ฉายให้เห็นทั้งด้านนอกและด้านใน ยังไม่รวมวัตถุโบราณอื่น ๆ ที่รวมอยู่ด้วยกันกว่า 200 ชิ้น

พิพิธภัณฑ์ POLY MGM ตั้งอยู่ที่ MGM มาเก๊า เมืองประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นจุดเชื่อมต่อบนเส้นทางสายไหมทางทะเล เปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายน 2024 มุ่งเน้นการจัดแสดงโบราณวัตถุและผลงานศิลปะจากประเทศและภูมิภาคในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เชื่อมโลกตะวันออกและตะวันตกไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงอารยธรรมจีนที่มีอายุกว่า 5,000 ปี และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Poly Culture และ MGM ในการอนุรักษ์สมบัติทางวัฒนธรรมของชาติจีนสืบต่อไปยังคนรุ่นใหม่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...