ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้า “จ.ส.อ.พงศกร ” “จ.ส.อ.พีรยุทธ” สละชีพปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา
จากสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ส่งผลให้กำลังพลกองทัพบกซึ่งปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจด้วยความเสียสละ กองทัพบกจึงได้จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพแก่ทหารหาญผู้กล้า เพื่อเชิดชูเกียรติและสดุดีการอุทิศชีวิตเพื่อประเทศชาติอย่างสมเกียรติ
โดยในวันนี้ 31 ธ.ค.68 พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพกำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 2 นาย ดังนี้
จ่าสิบเอก พงศกร นาคทองดี สังกัด กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการสู้รบ บริเวณ พื้นที่ บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.68 โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ และ พลเอก อานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ วัดศรีจุฬา อ.เมือง จ.นครนายก กองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 9 ขั้น ขอพระราชทานชั้นยศ เป็น พลตรี และจะได้รับเงินพระราชทาน, เงินบำรุงขวัญ, เงินสินไหมทดแทนในการประกันชีวิตของกองทัพบก (ภัยสงคราม), เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ของกองทัพบก, เงินช่วยเหลือและเงินบำเหน็จตกทอดให้กับทายาท และเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีและเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ ตามมติ ครม. รวมประมาณ 12,312,998 บาท
จ่าสิบเอก พีรยุทธ น้าวิลัยเจริญ สังกัด กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกแรงระเบิดจากกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดของฝ่ายตรงข้าม ขณะขนย้ายสิ่งอุปกรณ์เพื่อเสริมที่มั่นดัดแปลง เพิ่มความแข็งแรง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต บริเวณ พื้นที่ บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.68 โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ และ พลเอก อานุภาพ ศิริมณฑล หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบกร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี กองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานชั้นยศ เป็น พันโท และจะได้รับเงินพระราชทาน, เงินบำรุงขวัญ, เงินสินไหมทดแทนในการประกันชีวิตของกองทัพบก (ภัยสงคราม), เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ของกองทัพบก, เงินช่วยเหลือและเงินบำเหน็จตกทอดให้กับทายาท และเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีและเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ ตามมติ ครม. รวมประมาณ 12,174,776 บาท
พิธีพระราชทานเพลิงศพในครั้งนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้
กองทัพบกขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ยืนยันจะดูแลสิทธิ สวัสดิการ รวมทั้งความเป็นอยู่ของครอบครัวและทายาทของทหารกล้าทุกนายอย่างดีที่สุด ความกล้าหาญ ความเสียสละ และความจงรักภักดีที่ทหารหาญทุกท่านได้อุทิศให้แก่ประเทศชาติ นับเป็นเกียรติภูมิสูงสุดของกองทัพบก และจะถูกจารึกไว้ในความทรงจำ ตลอดจนอยู่ในหัวใจของประชาชนไทยตลอดไป