เรื่องเล่าในห้อง มท.
อุ๊ยยยยย…อยู่ดีๆ วงการการเมืองก็มีประเด็นร้อนไม่หยุด เมื่อ “ผู้ดำเนินรายการข่าวอาวุโสคนดัง" ออกมาเล่าผ่านรายการ ถึงเบื้องหลังการปฏิเสธมอบสัญชาติไทยให้ เบน สมิธ ถึงสองครั้ง ในยุคที่อนุทินนั่งเก้าอี้ รมว.มหาดไทย และบอกว่านั่นแหละ…
คือชนวนสำคัญที่สร้างความไม่พอใจให้ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” จนต้องเอากระทรวงมหาดไทยกลับคืนจากพรรคภูมิใจไทย
เรื่องของเรื่องคือ เบน สมิธ ยื่นเรื่องขอสัญชาติไทยตอนที่พรรคเพื่อไทยและทักษิณยังมีอิทธิพลมากในทางการเมือง
แต่ถึงจะ “มีสัญญาณ” จากฝั่งบ้านจันทร์ส่องหล้าอย่างไรก็ตาม ขั้นตอนตามกฎหมายก็ยังต้องผ่านตั้งแต่สันติบาล กรมการปกครอง ปลัดกระทรวง และสุดท้ายปลายทางคือ รมว.มหาดไทย
ปัญหามันอยู่ตรงที่ ผู้ขอสัญชาติไทยต้องสละสัญชาติเดิม แต่กรณี เบน สมิธ เขามีหลายสัญชาติ ถือพาสปอร์ตหลายเล่ม และไม่ยอมสละสัญชาติเขมรรวมถึงสัญชาติอื่น ๆ เจ้าหน้าที่กรมการปกครองจึงรายงานขึ้นไป และคำตอบสุดท้ายในยุคอนุทินคือ “ปฏิเสธ” ทั้งสองครั้ง เพราะกฎหมายมันชัดเจน ใครมาเป็น รมว.มหาดไทยตอนนั้นก็อนุมัติให้ไม่ได้เหมือนกัน
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดของบ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ให้ “นโยบายต้องมาก่อนทุกอย่าง” และเมื่อให้ส่งสัญญาณไปแล้ว แต่ผลไม่เป็นดังคาดจึงเกิดความไม่พอใจ จนมีความพยายามจัดกระบวนทัพในพรรคเพื่อไทยใหม่ เพื่อดึงมหาดไทยกลับมาเป็นของตัวเองอีกครั้ง
ทีนี้… สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ชัดเจน คือข้อเท็จจริงที่ “เลขาฯ กวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกมาโพสต์ยืนยันเองแบบตัวจริงเสียงจริงว่า
“อุ๊ยยยยย ตอนนั้นดิฉันเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทยค่ะ”
แปลว่าเธออยู่ตรงนั้น เห็นขั้นตอนจริง ช่วงเวลาเดียวกับเรื่องที่ถูกพูดถึงทุกประเด็น ไม่ใช่ข่าวเล่าลือลอยๆ แต่เป็นคำยืนยันจากคนที่อยู่ในห้อง อยู่ในระบบ อยู่ในการพิจารณาเรื่องจริง
เพราะฉะนั้น…ถ้าไม่อคติและดูตามข้อมูลที่ปรากฏ ก็พอมองออกว่าใครเกี่ยวข้องกับอะไรแค่ไหน
เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดเยอะ…คนที่อยู่ในเหตุการณ์พูดแทนหมดแล้ว.
ช่างสงสัย