โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เศร้า! ศึกชายแดน 4 วันไทยเสียทหารกล้า 9 นายและพลเรือน 3 รายบาดเจ็บ 120

ไทยโพสต์

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

เหล่าทัพแถลงยืนยันตัวเลขพลเรือนเสียชีวิต 3 รายทหารเสียชีวิต 9 นายบาดเจ็บ 120 นาย พบประชาชนอพยพร่วม 2 แสนคน เผยไทยรุกคืบตามแผนได้อย่างมีนัยยะ

11 ธ.ค.2568 – พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าในส่วนของกองทัพบก ทางกัมพูชายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธหนักเช่นบีเอ็ม 21 โดรน Kamikaze ปืนครก โดยเฉพาะบริเวณช่วงอานม้าและเนิน 667 ในขณะที่กองทัพเรือได้ดำเนินกลยุทธ์ตามยุทธการตราดปราบปรปักษ์ในพื้นที่ จ. ตราด อย่างต่อเนื่อง และได้รับการโจมตีโดยโดรของฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยทั้ง 2เหล่าทัพดำเนินการไปตามแผนและมีความคืบหน้าในการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัย อย่างไรก็ตามได้มีการพบทหารกัมพูชาที่ใช้บ้านประชาชนเป็นป้อมปราการทางทหาร ตรวจพบการติดตั้งปืนกลในบ้านพัก ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาต่างๆในการใช้มนุษย์เป็นโล่กำบัง ส่วนสำหรับกองทัพอากาศยังคงปฏิบัติการสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินในการลุกคืบอย่างมีประสิทธิภาพ

“เป็นที่น่าเสียใจที่กำลังพลของเราสูญเสียอีก 2 รายในพื้นที่ของกองทัพภาคที่1 จำนวน 1 นาย และสูญเสียชีวิตอีก1รายในพื้นที่ของ กองทัพภาคที่ 2 โดยปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว 9 นายและบาดเจ็บประมาณ 120 นาย”

พล.ร.ต.สุรสันต์ยังได้เปิดเผยภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนที่ถูกโจมตีด้วยบีเอ็ม 21 รวมถึงถนนในพื้นที่จังหวัดตราด รวมสถิติ ผลกระทบต่อพลเรือน เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ณ เวลา 16:00 น. โดยพบประชาชนที่พลัดถิ่นและพักอาศัยอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงทั้งหมด 199,618 คนในศูนย์พักพิง 849 แห่งและมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 19 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลตำบล 180 แห่ง ทำให้ต้องอพยพผู้ป่วยจากพื้นที่ ซึ่งขอประณามการใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาที่สร้างผลกระทบดังกล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...