โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สภาผู้บริโภคชี้ ทางด่วน 2 ชั้น ยังมีข้อสงสัย ทั้งความจำเป็น ความชัดเจนร่างสัญญาสัมปทาน รายงาน EIA ด้าน กมธ. ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ ทบทวนโครงการ

BTimes

อัพเดต 11 ธันวาคม 2568 เวลา 0.41 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ตัวแทนชุมชนริมทางด่วน สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และตัวแทนจากสภาผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือต่อนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) ความยาว 17 กิโลเมตร บนแนวทางด่วนศรีรัช ช่วงงามวงศ์วาน – พระรามเก้า เนื่องจากโครงการมีความไม่โปร่งใส กระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง และไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานคร ล่าสุด คณะกรรมาธิการการฯ มีมติตั้งคณะทำงานตรวจสอบโครงการดังกล่าว

แจง 3 ประเด็นปัญหาทางด่วน 2 ชั้น

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 สภาผู้บริโภค เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา พร้อมด้วยผู้แทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เพื่อชี้แจงข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck)

นายอดิศักดิ์ สายประเสริฐ หัวหน้าหน่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย สภาผู้บริโภค กล่าวถึง ข้อมูลที่นำเสนอต่อ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ ใน “3 ประเด็นหลัก” เพื่อประกอบการพิจารณา ได้แก่

1. ความจำเป็นของโครงการ จากการศึกษาพบว่า โครงการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 อาจไม่สอดคล้องกับทิศทางระบบคมนาคมของประเทศ ที่มุ่งปรับเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลไปสู่ระบบขนส่งสาธารณะ โดยปัจจุบันรัฐบาลกำลังเดินหน้าพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งจะมีระบบกองทุนอุดหนุนค่าโดยสาร เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น ขณะที่แผนของ สนข. ระบุว่า ภายในปี 2570 ประเทศไทยตั้งเป้าสัดส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้เพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีสัดส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะเพียง 18.3% เท่านั้น จึงยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 จะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้

2. ความชัดเจนของร่างสัญญาสัมปทาน ข้อมูลจากการทางพิเศษฯ ระบุว่า ร่างสัญญาขยายอายุสัมปทานกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยสำนักงานอัยการสูงสุด แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ารัฐและประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรมเพียงใด รวมถึงเหตุผลในการขยายอายุสัมปทานยาวกว่า 22 ปี ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งที่มาตรา 6 (5) ของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มีเป้าประสงค์ คือ ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในการจัดทำและดำเนินโครงการร่วมลงทุน รวมถึงกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้อง แต่ข้อมูลและกระบวนการตัดสินใจในโครงการทางด่วน 2 ชั้น นั้นยังมิได้เปิดเผยให้สาธารณชนได้ทราบในรายละเอียด สุ่มเสี่ยงต่อการขัดมาตรา 6 (5) เป็นอย่างมาก

3. ความสมบูรณ์ของรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แม้คณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบ EIA แล้ว แต่ที่ผ่านมาไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเพียงพอ และเพิ่งมีการเผยแพร่เอกสารไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งที่รายงานดังกล่าวจัดทำเสร็จตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี 2568 ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคพบข้อกังวลหลายประเด็นเกี่ยวกับรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เช่น กระบวนการรับฟังความคิดเห็นไม่ครอบคลุม คำถามในการรับฟังความคิดเห็นมีลักษณะชี้นำ นอกจากนี้ รายงาน EIA ฉบับดังกล่าวยังไม่สามารถตอบประเด็น “ความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)” ได้ เนื่องจากการก่อสร้าง จะมีการกั้นพื้นที่บางส่วนในชุมชน เบียดพื้นที่ถนนทางเข้า-ออกของประชาชน และหากมีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่รถพยาบาลหรือรถดับเพลิงต้องเข้าถึงพื้นที่ แต่ไม่สามารถเข้าออกสวนเลนกันได้ ทั้งที่เป็นประเด็นที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยตรง ซึ่ง “เป็นสิ่งที่รับไม่ได้” หากโครงการไม่สามารถให้คำตอบด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน

กมธ. เห็นชอบตั้งคณะทำงานตรวจสอบเชิงลึก

ภายหลังการอภิปราย ประธานคณะกรรมาธิการฯ เห็นชอบให้ตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจ” ภายใต้คณะอนุกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อรวบรวมข้อมูล เอกสาร หลักฐาน และตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง โดยคณะทำงานจะประกอบด้วยสภาผู้บริโภค นักวิชาการ ตัวแทนสหภาพแรงงาน และผู้แทนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

หากคณะทำงานพบข้อกังวล ประธานคณะกรรมาธิการจะทำหนังสือเสนอไปยัง 2 หน่วยงาน คือ 1) ประธานคณะกรรมการนโยบายสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อทบทวนมติเห็นชอบรายงาน EIA โครงการพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 และ 2) ประธานคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ คณะกรรมการพีพีพี (PPP : Public Private Partnership) เพื่อให้ใช้มาตรา 20 (11) ตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ตั้งคณะทำงานเพื่อกลั่นกรองรายละเอียดข้อมูลจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้านก่อนเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดพีพีพี

ทั้งนี้ ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของคณะทำงานเฉพาะกิจ สภาผู้บริโภคจะส่งหนังสือเพื่อเสนอความเห็นอย่างเป็นทางการถึงทั้งสองหน่วยงานข้างต้น เพื่อให้ชะลอและทบทวนโครงการจนกว่าจะมีคำตอบที่โปร่งใส รอบด้าน และคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...