โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘ชีวิตแย่’ หรือแค่ชอบ ‘เปรียบเทียบ’? นี่เรากำลังเปรียบเทียบตัวเองมากเกินหรือเปล่า

Dek-D.com

เผยแพร่ 17 มิ.ย. 2565 เวลา 13.46 น. • DEK-D.com
การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นถือเป็นเรื่องธรรมชาติมาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่ออยู่รวมกันก็ย่อมเปรียบกันไปกันมาว่าตอนนี้เราอยู่ส่วนไหน ความสามารถของเราเป็นยังไง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้พัฒนาตัวเองต่อ

spoil

  • การเปรียบเทียบถือเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่มีไว้เพื่อกระตุ้นพัฒนาการตัวเอง
  • แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติแต่การเปรียบเทียบก็ยังส่งผลร้ายได้อยู่ดี โดยเฉพาะในยุคที่มีโซเชียลมีเดีย

ไถฟีดเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมทีไรทำไมทุกคนชีวิตดีจัง?บางคนได้ไปเรียนต่างประเทศ บางคนได้ไปเที่ยวทุกวีค บางคนหารายได้เสริมจนร่ำรวย ตัดภาพกลับมาที่เรานั่งเคลียร์การบ้านงก ๆ จนอดเทียบไม่ได้ว่าทำไมชีวิตตัวเองถึงไม่ดีเหมือนคนอื่น!?

จริง ๆ แล้วการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นถือเป็นเรื่องธรรมชาติมาก เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่ออยู่รวมกันก็ย่อมเปรียบกันไปกันมาว่าตอนนี้เราอยู่ส่วนไหน ความสามารถของเราเป็นยังไง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้พัฒนาตัวเองต่อ

คุณ Thomas Mussweiler ศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมองค์กร จาก London Business Schoolกล่าวว่าการเปรียบเทียบถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้ว่าตนเองนั้นเป็นใคร เก่งอะไร และแตกต่างจากคนอื่นยังไงซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากต่อการดำรงชีวิต

โดยยังสามารถอธิบายผ่านทฤษฎี Social comparison theory (ทฤษฎีการเปรียบเทียบทางสังคม) ได้อีกด้วย

  • ทฤษฎีทางสังคมถูกเสนอครั้งแรกในปี ค.ศ.1954 จากนักจิตวิทยา Leon Festinger ที่เชื่อว่าทุกคนล้วนเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เพื่อสร้างเกณฑ์ในการประเมินตัวเอง
  • ยกตัวอย่างเช่น นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งสมัครเรียนคลาริเน็ต เธอเริ่มเปรียบเทียบความสามารถของตัวเองกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะกับนักเรียนที่เล่นได้เก่งกว่าและแย่กว่ารวมถึงนักเรียนที่เล่นเครื่องดนตรีชนิดอื่นอีกด้วย
  • การเปรียบเทียบจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ได้แก่ การเปรียบเทียบตนเองกับบุคคลที่เหนือกว่า (Upward Social Comparison) คือการเปรียบเพื่อให้มีแรงกระตุ้น มีเป้าหมาย และแรงผลักดัน
  • การเปรียบเทียบตนเองกับบุคคลที่ด้อยกว่า (Downward Social Comparison)เพื่อให้มองเห็นคุณค่าของตัวเองที่สูงขึ้น รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น

จากเดิมที่มนุษย์ชอบการเปรียบเทียบอยู่แล้ว เมื่อเข้าสู่โลกโซเชียลมีเดีย ก็ยิ่งทำให้การเปรียบเทียบเยอะขึ้นกว่าเดิม เพราะสามารถดูคนอื่นได้ตลอด ตอนไหนก็ส่องได้ เสี้ยววิก็โพสต์ได้ โดยการศึกษาจาก Moira Burke, Justin Cheng และ Bethany de Gant นักวิจัยจากเฟซบุ๊ก ระบุว่า ยิ่งคนใช้เวลาอยู่บนโซเชียลฯ นานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเปรียบเทียบตัวเองกับสังคมมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการเปรียบเทียบยังเชื่อมโยงไปยัง Self-esteem ที่ต่ำลง และความวิตกกังวลทางสังคมที่สูงขึ้น

นอกจากนี้งานวิจัยจาก National University Singapore ยังกล่าวอีกว่า ผู้คนมักนำเสนอแต่ด้านดี ๆ ของตัวเอง เช่น การปรับแต่งรูป คิดแคปชั่น เพื่อสร้างความประทับใจและสร้างความแตกต่างจึงไม่แปลกที่เราจะเจอแต่ภาพดี ๆ ของคนอื่นอยู่เสมอ คิดง่าย ๆ ว่าแม้แต่เราเองก็ยังเลือกแต่ด้านดี ๆ โพสต์ลงให้โลกโซเชียลเห็นเลย จริงไหมคะ?

แม้การเปรียบเทียบตัวเองจะเป็นเรื่องปกติแค่ไหน แต่อะไรที่เยอะเกินไปย่อมส่งผลเสียได้เสมอ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบคนอื่นกับตัวเองที่มากเกินพอดี โดยผลเสียได้แก่

  • ทำให้ Self-esteem หรือความนับถือในตนเองต่ำลงไม่เชื่อมั่น คิดว่าตัวเองไม่เก่ง
  • ไม่มีแพชชั่นทำอะไรใหม่ ๆ เพราะคิดว่าตัวเองมีแต่จุดบกพร่องเต็มไปหมด
  • เสี่ยงต่อโรคทางจิตเวชไม่ว่าจะซึมเศร้า วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ โรคเครียด เพราะมีแต่ความคิดแง่ลบกับตัวเอง
  • อาจมีใช้จ่ายเกินตัว เนื่องจากเห็นใครมีอะไรก็อยากได้บ้าง อยากทำบ้าง เลยเจียดเงินเพื่อให้มีเหมือนคนอื่น

เห็นผลเสียกันไปแล้ว งั้นลองไปดูวิธีรับมือและป้องกันเพื่อไม่ให้เราเป็นคนเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมากเกินไปกันค่ะ

ลดการใช้โซเชียลมีเดียลงบ้าง

โลกโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ฯลฯ มักเป็นโลกที่ผู้คนเปิดเผยแต่ด้านดี ๆ พอเราเสพมากเข้าก็อาจทำให้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่ดีเหมือนคนอื่น

วิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ คือการลดการใช้โซเชียลมีเดียลงบ้างอาจจำกัดเวลาเล่นแล้วไปทำกิจกรรมอย่างอื่น หรือแม้แต่เลิกติดตามคนที่เราชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบอยู่บ่อย ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราโฟกัสไปที่อื่น หยุดคิดเปรียบเทียบตัวเอง และมองโลกที่กว้างขึ้นนอกจากหน้าจอ

พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองทำในทุกวัน

ไม่ว่าจะทำงานบ้าน เคลียร์การบ้าน หรือ ทำกิจวัตรประจำวัน ให้เราหมั่นชื่นชมตนเองอยู่เสมอเพราะการชื่นชมถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่าในตัวเอง แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ก็นับว่าเป็นการพัฒนาหาความสุขจากเรื่องที่แสนเรียบง่ายในชีวิตประจำวัน

ยอมรับจุดเด่นของตัวเองบ้าง

บางครั้งเราก็เทียบมากเกินจนหลงลืมไปว่าเรามีอะไรดี หรือทำอะไรได้ดีบ้าง

การยอมรับในข้อดีเปรียบเสมือนพลังบวกที่จะทำให้เรามองเห็นคุณค่าของตัวเองไม่เปรียบเทียบและด้อยค่าในทุก ๆ เรื่อง ซึ่งวิธีการตามหาจุดเด่นก็ไม่ยากเลย เพียงหากระดาษสักแผ่น ปากกาสักแท่ง กางก่อนเขียนออกมาเป็นข้อ ๆ ว่ามีเรื่องอะไรที่ทำได้ดีบ้าง ชอบทำอะไร และอยากทำอะไร การเขียนออกมาจะทำให้เราตระหนักกับตัวเอง รู้ว่าจุดเด่นคืออะไร แถมยังมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วย

ยอมรับว่าไม่มีใครเพอร์เฟกต์ทุกเรื่อง

นอกจากจะยอมรับจุดเด่นของตัวเองแล้ว สิ่งสำคัญถัดมาคือการยอมรับว่าทุกคนบนโลกใบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปหมดทุกเรื่อง ทุกคนย่อมมีข้อดี แต่นั่นไม่ได้หมายความเราว่าจะประสบความสำเร็จราบรื่นตลอด ทุกคนต่างมีเรื่องที่ทำได้ไม่ดี และต่างเคยมีเรื่องที่ทำผิดพลาด

เปลี่ยนการเปรียบเทียบเป็นชื่นชม

แทนที่จะเอาชีวิตที่ดีของคนอื่นมาบั่นทอนให้รู้สึกแย่ ลองเปลี่ยนเป็นการแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นแทนเพราะนั่นจะทำให้เรามีความคิดแง่บวกกับตัวเองมากขึ้น เป็นผู้รับฟังที่ดีมากขึ้น ไม่จมปลักอยู่แต่กับความรู้สึกแย่ ๆ ที่ถาโถมว่าทำไมไม่ดีเหมือนคนอื่น

แม้การเปรียบเทียบจะเป็นเรื่องยากที่จะห้ามใจไม่ให้คิด แต่ถ้าเราเปรียบเทียบอย่างพอดี ผลลัพธ์ร้าย ๆ ก็จะกลายเป็นดีคอยสนับสนุนผลักดันให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นแทน ไหนใครคิดเห็นยังไงบ้างกับเรื่องนี้ อย่าลืมคอมเมนต์บอกกันนะ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...