โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

Slow Burn Dating การเดตแบบค่อยๆ คืบ อาจช่วยยืดระยะความโรแมนติก และสร้าง Emotional Connection ในความสัมพันธ์ได้ดีกว่า

Mirror Thailand

อัพเดต 20 ธ.ค. 2567 เวลา 09.24 น. • เผยแพร่ 20 ธ.ค. 2567 เวลา 09.24 น.
ภาพไฮไลต์

จากผลสำรวจล่าสุดในปีนี้ที่พบว่าคนเจนฯ Z กำลังมองหาความรักโรแมนติกและความสัมพันธ์ที่จริงจังยั่งยืนมากกว่าความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย โดยเฉพาะในโลกทุกวันนี้ที่พวกเขารู้สึกว่าทั้งไม่แน่นอนและไม่มั่นคง เทรนด์ของการเดตที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้ จึงอาจไม่ใช่การเดตที่จำเป็นต้องมีองค์ประกอบของ Love at first sight หรือจะต้องเกิดสปาร์กไฟแล่บกันก่อนเสมอไป เพราะการไม่ได้รู้สึกสปาร์ก รู้สึก ‘ว้าว’ เหมือนลอยๆ อยู่ในสวนสนุกอะไรขนาดนั้นตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้หมายความมันจะไม่สามารถพัฒนาไปเป็นความรู้สึกหยั่งลึก กลายเป็นความผูกพันที่มีความหมายลึกซึ้งในระยะต่อๆ ไปของความสัมพันธ์

และเทรนด์การเดตที่ถูกพูดถึงอันหนึ่งก็คือ Slow Burn Dating คล้ายๆ กับความหมายของ Slow Burn ที่หนังหรือซีรีส์บางเรื่องต้องการเล่าอย่างช้าๆ ค่อยๆ หว่านให้เราเดินตาม ไม่เน้นตะโกน ไม่เน้นหวือหวา แต่ก็ให้เราติดหนึบจนถอนตัวไม่ขึ้นในภายหลังได้อย่างประหลาด อะไรแบบนั้น เช่นเดียวกับ Slow Burn ในความหมายของการเดตที่เป็นการค่อยๆ บิวต์ความรู้สึกไปแบบช้าๆ ไม่รีบร้อน ให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปทีละสเต็ปอย่างใจเย็น ไม่พยายามควบคุมทุกอย่าง เน้นปล่อยจอย แล้วดูว่ามันจะนำพาเราไปในทิศทางไหน

คำถามที่หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วการเดตแบบสโลว์เบิร์นมันจะไม่เป็นการเดตแบบกั๊กๆ ที่ต่างคนต่างไว้เชิง จนสุดท้ายมันจะลงเอยเป็นความสัมพันธ์แบบไม่คิดผูดมัด เช่น Situationship เอย Ghosting เอย หรืออะไรต่างๆ ที่เลวร้ายกว่านั้นไหม

คำตอบที่เราพอจะบอกได้คือมัน ‘อาจ’ จะเป็น หรือไม่ก็เป็นแบบนั้นก็ได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัยด้วยแน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้อดีของการเดตแบบสโลว์เบิร์นอย่างหนึ่งคือมันเป็นขั้วตรงข้ามของการเดตแบบ Love Bombing ที่เน้นปาความหวานเจี๊ยบใส่กันแบบรัวๆ พร่ำเพรื่อแน่ๆ สโลว์เบิร์นทำให้แต่ละคนมี ‘เวลา’ กับ ‘พื้นที่ส่วนตัว’ มากกกว่าให้ได้รีเช็กความรู้สึกว่ากำลังรู้สึกอย่างไรกับคนคนนั้น หรือมีสัญญาณอะไรหรือเปล่าที่บ่บองว่าใช่ และอยากไปต่อ

ขณะเดียวกัน การ ‘ค่อยๆ’ แบบไม่เร่งร้อนนี่แหละ ก็เป็นการเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาไม่มากก็น้อย พอให้ได้เห็นนิสัย เห็นพฤติกรรมบางอย่างของกันและกัน ก่อนที่ใครสักคนจะรีบโดดเข้าไปผูกมัดทั้งตัวทั้งใจกับความสัมพันธ์นั้นๆ โดยที่อาจยังไม่ได้ทำความรู้จักทั้งด้านดีและร้ายมากพอ

จริงๆ แล้วหัวใจของการเดตแบบสโลว์เบิร์นนั้นค่อนข้าง ‘Grounded’ อยู่เหมือนกัน ที่ทำให้เรากลับมายืนอยู่บน ‘ความเป็นจริง’ อีกทั้งยังต้องอาศัยความเชื่อมั่นกับความแข็งแกร่งในตัวเองอยู่พอสมควรที่จะรู้ (แบบไม่โกหกตัวเอง) ว่าคนที่เรากำลังเดตด้วยอยู่ตอนนี้ ใช่จริงๆ หรือเราแค่มโน แค่จิตปรุงแต่งไปเอง ซึ่งจะเป็นการช่วยเป็นฟิลเตอร์อีกชั้น ป้องกันไม่ทำให้เรารีบกระโจนใส่ความรู้สึก แฟนตาซี มากเกินไปเสียก่อน

การเดตแบบสโลว์เบิร์นยังเป็นการพัฒนาความไว้เนื้อเชื่อใจไปด้วยกัน ช่วยให้มองเห็น Red Flag ได้ง่ายขึ้น และการไม่กระโจนลงไปทั้งตัว ยังทำให้เราพร้อมถอยออกมาเมื่อเห็นสัญญาณอันตรายได้ง่ายกว่าอีกด้วย

นอกจากนั้นแล้ว การเดตแบบสโลว์เบิร์นยังมีพื้นที่ให้ความโรแมนติกได้ค่อยๆ ทำงานของมันไปได้มากกว่า และมีโอกาสให้มันพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่มี Emotional Connection หยั่งลึก ยั่งยืน ระหว่างคนสองคนได้อีกด้วย

บางครั้งการเดตสโลว์เบิร์นก็เหมือนกับการทำอาหารแบบ Slow-cooked ที่เราต้องค่อยๆ เคี่ยวให้ข้นไปอย่างช้าๆ แม้จะใช้ศิลปะแห่งการอดทนรออยู่สักหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจอร่อยกว่ามาก

อ้างอิง

https://www.instagram.com/p/DA3dAX9RCbQ/?img_index=1

https://www.popsugar.com/relationships/slow-burn-relationship-49376760

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...