โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ออสสิริส เปิดตัว “เงินแท่งเพื่อการลงทุน“ รายแรกของไทย

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 10 ก.ย 2567 เวลา 07.44 น. • เผยแพร่ 09 ก.ย 2567 เวลา 10.32 น.

ออสสิริส เปิดตัวโลหะเงินแท่งเพื่อการลงทุนรายแรกของไทย เริ่มต้นที่น้ำหนัก 1 บาท ในราคาไม่ถึง 1 พันบาท เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว เชื่อมูลค่าสินทรัพย์จะเติบโตในอนาคต จากโลหะที่ถูกนำไปใช้ในการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

วันที่ 9 กันยายน 2567 นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดการลงทุนโลกมีความสนใจในการลงทุนกับโลหะเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมองหาสินทรัพย์มีค่าที่สามารถรักษามูลค่าในระยะยาว และโลหะเงินก็ตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี

เพราะโลหะเงินมีมูลค่าในตลาดการลงทุนทั่วโลก และยังมีการใช้ในอุตสาหกรรม จึงมีดีมานด์อย่างสม่ำเสมอและสามารถให้ผลตอบแทนได้ทั้งในด้านการลงทุนรวมถึงการใช้งานในอุตสาหกรรมเครื่องประดับเงินสำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสนใจของนักลงทุนนั้นมีหลายประการ เช่นความต้องการเพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ

รวมถึงการใช้เพื่อการลงทุนมากขึ้น ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจโลหะเงินแทน เพราะมีราคาต่ำกว่าทั้งที่เป็นโลหะมีค่าและหายากเหมือนกัน นอกจากนี้โลหะเงินยังมีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้นในอนาคต หากมองในมิติของนักลงทุนรายย่อย โลหะเงินแท่งมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าทองคำ ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อเงินแท่งขนาดเล็กได้

ซึ่งมีผลให้นักลงทุนรายใหม่สนใจการลงทุนในเงินแท่งมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการปกป้องสินทรัพย์จากเงินเฟ้อและกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งผลิตภัณฑ์โลหะเงินแท่งที่ออสสิริสเปิดตัวจะเริ่มต้นที่น้ำหนัก 1 บาท (15.2 กรัม) ซึ่งเป็นน้ำหนักที่คุ้นเคยสำหรับผู้ที่เคยลงทุนทองคำแต่จะมีราคาถูกกว่ามาก โดยเริ่มต้นไม่ถึง 1 พันบาท นอกจากนี้ยังมีเงินแท่งน้ำหนัก 5 บาท, 10 บาท, 100 กรัม, และ 1 กิโลกรัม ให้เลือกด้วยเช่นกัน

“ความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากหลากปัจจัย ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นผลักดันให้นักลงทุนหันไปหาแหล่งพักเงินที่ปลอดภัย

ซึ่งโลหะเงินแท่งเป็นอีกหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนเชื่อว่าจะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ดี อีกทั้งเงินยังเป็นโลหะที่ถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน เช่น แผงโซลาร์เซลล์ และรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) หรืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ความต้องการใช้โลหะเงินในอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสในอนาคต

อีกปัจจัยสำคัญก็คือ การเติบโตของแพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ ที่ช่วยเพิ่มความนิยมในการซื้อขายโลหะมีค่ามากขึ้น ทำให้นักลงทุนเข้าถึงการลงทุนในโลหะเงินแท่งได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม สามารถซื้อขายได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์” นายบุญเลิศกล่าว

นายบุญเลิศกล่าวถึงผลิตภัณฑ์เงินแท่งของออสสิริสว่า ในฐานะผู้นำเข้าโลหะเงิน แปรรูป และจัดจำหน่ายโลหะเงินแท่งและเงินเม็ด (silver grain) รายใหญ่ของประเทศ บริษัทมีผลิตภัณฑ์โลหะเงินคุณภาพ ทั้งโลหะเงินแท่งและเงินเม็ด (silver grain) ที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้ทุกกลุ่มสำหรับโลหะเงินแท่งสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท

ได้แก่ Premium Silver ซึ่งเป็นเนื้อเงินนำเข้าที่ผ่านมาตรฐานสากล มีความเงางาม ขนาดเม็ดเงินสม่ำเสมอ และไร้ฝุ่นโลหะ นำไปใช้ในกระบวนการผลิตได้โดยไม่มีปัญหา Recycle Silver ที่เป็นเนื้อเงินสกัดรีไซเคิลจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจาก RJC (Responsible Jewellery Council) ที่เป็นมาตรฐานสากลด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับตลอดห่วงโซ่อุปทาน และ Origin Silver ซึ่งเป็นเนื้อเงินบริสุทธิ์จากแหล่งเหมืองแร่ในประเทศ ผ่านระบบตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

“สำหรับกลุ่มเป้าหมายจะเป็นลูกค้าที่เน้นการลงทุนระยะยาวและการสะสมมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น โดยบริษัทมั่นใจว่าจุดเด่นของเงินแท่งจะตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนกลุ่มนี้ที่มองถึงศักยภาพในการรักษาและเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในอนาคต รวมถึงต้องการส่งต่อมูลค่าจากรุ่นสู่รุ่นสำหรับออสสิริส ผลิตภัณฑ์เงินแท่งที่สามารถดึงดูดนักลงทุนกลุ่มนี้ยังช่วยส่งเสริมกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของบริษัท ในฐานะผู้นำด้านการลงทุนเงินแท่งของไทย ที่มีทั้งความน่าเชื่อถือ ความยั่งยืน และความมั่นคงทางการลงทุน”

ออสสิริสได้นำผลิตภัณฑ์เงินแท่งและเครื่องประดับเงินไปจัดแสดงและเปิดให้นักลงทุนได้เลือกซื้อในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 70 ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และพร้อมกันนั้น ลูกค้ายังสามารถซื้อและขายผลิตภัณฑ์เงินของออสสิริสได้ที่ AusirisFlagship Store ชั้น 4 ของอาคารสีลม คอมเพล็กซ์ และช่องทางออนไลน์ ได้แก่ express.ausiris.co.th และ Line Official @ausirissilver

“โลหะเงินเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมรองจากทองคำ จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปี 2567 ราคาโลหะเงินปรับขึ้นราว 36.7% จาก 23.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ไปสู่จุดสูงสุดของปีที่ 32.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา”

ขณะที่ราคาโลหะเงินในประเทศตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นราว 43.98% จาก 26,308 บาทต่อกิโลกรัม ไปสู่จุดสูงสุดของปีที่ 37,877 บาท/กิโลกรัม ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาราคาทองคำและโลหะเงินเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ค่า Gold to Silver Ratio ปัจจุบันอยู่ที่ 89 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 80 เท่า ซึ่งบ่งบอกว่าโลหะเงินยังคงมีราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับราคาทองคำ

ออสสิริสมีความมั่นใจว่า โลหะเงินจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ตามจำนวนนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและการรักษามูลค่าของสินทรัพย์ในระยะยาวที่เติบโตขึ้น ออสสิริสที่มีทั้งผลิตภัณฑ์เงินหลากหลายประเภท การบริการแบบครบวงจรทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

รวมถึงทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ทำให้สามารถตอบโจทย์นักลงทุนทั้งในด้านการลงทุนและการสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในวันนี้ ออสสิริสสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่า เราคือผู้นำด้านการลงทุนและจำหน่ายโลหะเงินแท่ง รวมถึงให้บริการแบบครบวงจรรายแรกของไทย นายบุญเลิศกล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ออสสิริส เปิดตัว “เงินแท่งเพื่อการลงทุน“ รายแรกของไทย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...