33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (143)
บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
33 ปี ชีวิตสีกากี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (143)
มีมืดก็มีสว่าง
ในที่สุด กุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จของคดีฆาตกรรมอำมหิต ฆ่า 5 ศพครอบครัวบุญทวี ก็ถูกค้นพบ และพร้อมที่จะไขประตูที่ปิดตายมานานจนเกือบจะครบเดือนแล้ว
ทีมสืบสวนสอบสวนที่เหน็ดเหนื่อยมานานมั่นใจว่า เมื่อได้กุญแจดอกนี้แล้วนำมาไข ประตูจะเปิดแย้มให้เห็น
พร้อมๆ กับมีแสงสว่างส่องไปยังฆาตกรใจอำมหิต และนั่นจะเป็นเวลาแห่งการพิชิตคนร้ายใจทมิฬที่จะมาถึง
การเดินทางไปนำกุญแจดอกนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อ พ.ต.ท.เกียรติ ขันหาญศึก สวป.สภ.อ.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา ได้โทรศัพท์แจ้ง พล.ต.ต.วรรณรัตน์ เล่าถึงรายละเอียดที่เป็นเบาะแสของคนร้าย “ฆ่า 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี” ทั้งหมดที่ พ.ต.ท.เกียรติได้รับรู้มา พล.ต.ต.วรรณรัตน์จึงสั่งการให้ทีมสืบสวนชุดแรก เดินทางโดยรถยนต์ไปยัง จ.ยะลาทันที เพื่อพิสูจน์ทราบในเบื้องต้นว่าเป็นจริงตามที่ พ.ต.ท.เกียรติ ขันหาญศึก สวป.สภ.อ.ธารโต แจ้งมาหรือไม่
วันที่ 16 พฤษภาคม 2540 อยู่ในระหว่างที่รอผลการพิสูจน์ทราบจาก จ.ยะลา พล.ต.ต.วรรณรัตน์เรียกนายตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนชุดใหญ่เข้าประชุมต่อทันที โดยสรุปผลการปฏิบัติที่ผ่านมา ไม่นานนัก ชุดล่วงหน้าได้แจ้งผลมายัง พล.ต.ต.วรรณรัตน์ ว่าเป็นจริงทุกประการตามที่ พ.ต.ท.เกียรติได้ให้ข้อมูลไว้
พล.ต.ต.วรรณรัตน์ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.สมพงศ์ ขอนแก่น ผกก.ตชด.44 ค่ายพญาลิไท จ.ยะลา ขอใช้สถานที่ในค่ายเพื่อทำการสอบสวน
และประสานกองบินตำรวจ เพื่อจะใช้เฮลิคอปเตอร์เดินทางไปยัง จ.ยะลา
พล.ต.ต.วรรณรัตน์ได้สั่งการทันทีว่า นายตำรวจที่จะต้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป จ.ยะลา นอกจาก พล.ต.ต.วรรณรัตน์แล้ว ยังมี พ.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ รอง ผบก.ป. และนายตำรวจที่จะต้องติดตามไป คือ พ.ต.ท.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผกก. (สส.) สภ.อ.สิงหนคร กับ พ.ต.ท.สาคร ทองมุณี รอง ผกก. (ป.) สภ.อ.หาดใหญ่ จะต้องเดินทางเดี๋ยวนี้ ด้วยชุดที่สวมใส่นี้ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไร
แล้วผมก็ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางจาก จ.สงขลา มุ่งหน้าไป จ.ยะลา เพื่อสมทบกับกำลังที่ไปถึงก่อนหน้านี้แล้ว
ระหว่างที่นั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ของกรมตำรวจ บินจาก จ.สงขลา เพื่อไปปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ มีอุปสรรคขวางอยู่ข้างหน้าเสียแล้ว เพราะมีกลุ่มเมฆฝนสีดำสนิทก่อตัวและปิดเส้นทางที่จะมุ่งไปยัง จ.ยะลา จำเป็นต้องฝ่ากลุ่มเมฆเพียงช่องทางนี้เท่านั้น
แล้วนักบินก็ตัดสินใจบินตรงฝ่าไปทันที อากาศเริ่มแปรปรวน มีเมฆฝนดำทะมึน ฟ้ามืดไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ลมกระโชกแรง จนเฮลิคอปเตอร์มีอาการสั่น สถานการณ์เวลานี้ไม่ดีและน่าจะไม่เหมาะกับการบินเลย เมื่อเฮลิคอปเตอร์บินต่อไป เริ่มหนักมากยิ่งขึ้นไปอีก สภาพความแปรปรวนของอากาศแย่จริงๆ โดยเฉพาะลมกระโชกแรงมาก
เมื่อบินผ่านน่านฟ้า เหนือ ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา มองไปรอบๆ มืดมิดทุกทิศทาง ผมไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างนี้มาก่อนเลย และเมื่อผมมองไปทาง พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ที่นั่งอยู่ด้านหน้า คู่กับ พ.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ รอง ผบก.ป. ยังอยู่ในอาการที่นิ่ง เงียบสงบ ไม่พูดคุยอะไร
ส่วนผมกับ พ.ต.ท.สาคร ทองมุณี นั่งคู่กันอยู่ด้านหลัง พ.ต.ท.สาครได้ส่งเสียงพูดแทรกเสียงเครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ที่ดังกระหึ่มออกมาว่า “ไอ้วีณ มึงนึกถึงพ่อแก้ว แม่แก้วเข้าไว้ สวดมนต์ด้วย”
แต่ผมไม่พูดตอบโต้อะไร และยังมั่นใจฝีมือนักบินของกรมตำรวจ ที่จะพาทุกคนให้รอดปลอดภัย แต่ก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้ เมื่ออยู่ในท่ามกลางความมืดมิด ลมยังคงกระโชกแรง เมฆสีดำเป็นกลุ่มเมฆฝนก้อนมหึมา ดำทะมึน ดูน่ากลัว น่านฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล จนทำให้เฮลิคอปเตอร์ของกรมตำรวจดูเป็นของเด็กเล่น เป็นดั่งใบไม้ที่ปลิวไปตามลม
เป็นความรู้สึกของผมขณะที่กำลังนั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ แม้จะเป็นเวลาที่ไม่นานมากนัก แต่ผมรู้สึกมันแสนนาน ที่ชีวิตหลายชีวิตกำลังนั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ต้องผจญกับกลุ่มเมฆดำ
เมื่อมีมืดก็มีสว่าง และแทบไม่น่าเชื่อ ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์บินผ่านไปคล้ายปลิวไปตามลม เมฆดำที่ซ้อนๆ กันเป็นชั้นๆ ก็เกิดมีช่องว่างสว่างขึ้นมา เป็นช่องเล็กๆ เท่านั้น ด้วยความสามารถของนักบิน ก็นำเฮลิคอปเตอร์บินตัดเข้าช่องที่ฟ้าเปิดสว่างทันที และหลุดจากกลุ่มเมฆฝนที่ดำมืดมิดก้อนมหึมาออกมาได้
เมื่อเฮลิคอปเตอร์บินในสภาพอากาศที่ปกติ แตกต่างกันลิบลับกับเมื่อสักครู่ เพราเฮลิคอปเตอร์ไม่เอียงวูบวาบ ไม่สั่นไหว ไม่ต้องลุ้นเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ไม่มีลมกระโชกแรงๆ มากระชากหัวจิตหัวใจให้ต้องอกสั่นขวัญแขวน จนหายใจไม่ทั่วท้อง ทั้งระทึกใจตลอด ตามมาด้วยความโล่งใจอย่างที่สุด
เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า คดีฆาตกรรม 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากได้ผ่านไปแล้ว เวลานี้เดินทางมาถึงจุดจบของอาชญากรเหี้ยมอำมหิตเสียที
นักบินได้นำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่สนามเฮลิคอปเตอร์ของค่ายพญาลิไท ค่ายของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 อ.เมือง จ.ยะลา อย่างนิ่มนวล
พล.ต.ต.วรรณรัตน์นำทีมสืบสวนสอบสวนตรงไปยังโรงแรมปาร์ควิว เพื่อพบพยาน และต่อจากนั้นจะเดินทางย้อนกลับมาที่ค่ายแห่งนี้ เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานของชุดสืบสวนสอบสวน ซึ่งได้ประสานไว้เพื่อใช้เป็นที่ทำงานชั่วคราว
โดยมีคณะนายตำรวจที่เป็นชุดล่วงหน้า ทั้ง พ.ต.ท.วีระศักดิ์ มีนะวณิชย์, พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง, พ.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พ.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์, พ.ต.ต.อดิเรก บือราเฮง รออยู่ที่โรงแรมปาร์ควิว
ทันทีที่เดินทางไปถึงได้พบกุญแจดอกสำคัญ คือ พ.ต.ท.เกียรติ ขันหาญศึก สวป.สภ.อ.ธารโต นำหลานชายคือ นายวิสูตร ไตรสุวรรณ กับ จ.ส.ต.วินัย สาวัตรัตน์ ตำรวจ สภ.อ.ธารโต มารอพบอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับแสดงหลักฐาน พระเครื่อง “หลวงพ่อคง” อ.สิงหนคร จ.สงขลา พลอยเจียระไน ที่นายวิสูตร หลานชายของ สวป.เกียรติ ได้รับจากเพื่อนที่มาค้างคืนด้วย และเพื่อนคนนั้นคือ นายเรืองศักดิ์ ทองกุล หลานชายของผู้ใหญ่เม่น นายอรรถพล นพวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลา เป็นอดีตทหารพรานมาก่อน
และรายละเอียดแห่งคดีก็เปิดฉากขึ้น นายเรืองศักดิ์ ทองกุล ได้เดินทางจาก อ.สิงหนคร จ.สงขลา หลังจากใช้ความเหี้ยมเกรียมฆ่า 5 ศพ ครอบครัวบุญทวีแล้ว
โดยแยกย้ายกับเพื่อนอีกคนที่ร่วมกันทำผิดอย่างมหันต์
นายเรืองศักดิ์เดินทางมา อ.ธารโต มีเป้าหมายเพื่อมาพบผู้ใหญ่เม่น ซึ่งเป็นน้าชาย แต่ผู้ใหญ่เม่นไปสัมมนากำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่พัทยา จ.ชลบุรี จึงไม่ได้พบกัน
นายเรืองศักดิ์จึงมาขอค้างคืนกับนายวิสูตร ไตรสุวรรณ หลานชาย สวป.เกียรติ (พ.ต.ท.เกียรติ ขันหาญศึก) ซึ่งเป็น สวป.สภ.อ.ธารโต อยู่ในขณะนั้น
หลานชายของ พ.ต.ท.เกียรติเล่าว่า นายเรืองศักดิ์ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อน มาถึงได้เอาหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวหน้าแรก ฆาตกรรม 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี ที่ถือติดมือมาให้หลานชาย สวป.ดู
แล้วนายเรืองศักดิ์ชี้ไปที่หนังสือพิมพ์พร้อมกับพูดว่า เป็นฝีมือการฆ่าของตนเอง
เพื่อให้หลาน สวป.เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องโม้ ที่อยากพูดสนุกๆ จึงล้วงเอาพระเครื่อง “หลวงพ่อคง” จากวัดชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา ออกมามอบให้ ซึ่งนายเรืองศักดิ์บอกว่าเอามาจากบ้านของคนที่นายเรืองศักดิ์บุกเข้าไปฆ่า
นายเรืองศักดิ์ยังได้ค้างคืนกับนายวิสูตรในคืนนั้นด้วย เวลาต่อมา นายเรืองศักดิ์ได้ไปหา จ.ส.ต.วินัย สาวัตรัตน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ สภ.อ.ธารโต
แล้วบอกกับ จ.ส.ต.วินัย เหมือนกับที่ได้เล่าให้นายวิสูตรฟัง ยังหยิบพระเครื่องที่ได้มาจากบ้านของนายประภาสกับพลอยเจียระไน ให้กับ จ.ส.ต.วินัยอีกด้วย และอยู่ค้างคืนกับ จ.ส.ต.วินัยอีก 1 คืน ก่อนที่นายเรืองศักดิ์จะเดินทางออกจาก อ.ธารโตไป
เมื่อ พ.ต.ท.เกียรติได้รับรู้จากนายวิสูตร ไตรสุวรรณ หลานชาย จึงรีบโทรศัพท์แจ้งไปยัง พล.ต.ต.วรรณรัตน์ทันที และก่อนจะนำตัวพยานสำคัญมาทำการสอบสวนที่ค่ายพญาลิไท
ผมได้ร่วมกับทีมชุดสืบสวนสอบสวนเดินทางเข้าไปดูพื้นที่ของ อ.ธารโต ตามที่พยานพูดถึง ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาค่ำมืดแล้ว ต่อมาจึงได้กลับมาสอบสวนพยานจนดึก คืนแรกผมกับ พ.ต.ท.สาครต้องค้างคืนในค่าย ตชด.แห่งนี้ และต้องออกไปหาเครื่องใช้ส่วนตัว พร้อมกับซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยนชุดเดิม
วันรุ่งขึ้น วันที่ 17 พฤษภาคม 2540 ยังคงมีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง และขยายผลจนสามารถออกหมายจับนายอรรถพล นพวงศ์ หรือผู้ใหญ่เม่น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ธารโต อ.ธารโต จ.ยะลาได้ โดย พ.ต.อ.นุกูล โสมทัต รวบรวมพยานหลักฐานคดีค้างเก่าในพื้นที่ สภ.อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ในความผิดฐานปล้นและฆ่า จนขออนุมัติออกหมายจับได้
สำหรับผู้ใหญ่เม่น พฤติกรรมเป็นโจรสลัด เคยออกปล้นในทะเลสาบสงขลามาก่อน มีความชำนาญในการใช้เงื่อนปมต่างๆ ตอนเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม 2540 ทีมงานชุดสืบสวนได้รับมอบตัวผู้ใหญ่เม่นตามหมายจับ ไปดำเนินคดี ซึ่งผู้ใหญ่เม่นให้การรับสารภาพ
แต่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆ่า 5 ศพ ครอบครัวบุญทวี
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (143)
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th/weekly