โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ราชทูตกษัตริย์สุลัยมานบันทึกว่า ชาวเปอร์เซีย (อิหร่าน) ช่วย พระนารายณ์ ยึดบัลลังก์อยุธยา

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 19 ต.ค. เวลา 06.47 น. • เผยแพร่ 19 ต.ค. เวลา 06.30 น.
สมเด็จพระนารายณ์ทรงยกพลเข้าตีพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา ยึดอำนาจสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา (นายอิ้ม เขียน ภาพจาก โคลงภาพพระราชพงศาวดาร สมัยรัชกาลที่ 5)

สำเภากษัตริย์สุลัยมาน บันทึกว่า ชาวเปอร์เซีย (อิหร่าน) ช่วย พระนารายณ์ ยึดบัลลังก์อยุธยา

“สำเภากษัตริย์สุลัยมาน” เป็นบันทึกโดยอาลักษณ์ของคณะราชทูตเปอร์เซียของกษัตริย์สุลัยมานแห่งราชวงศ์เศาะฟะวียฮฺที่เดินทางเข้ามายัง “กรุงศรีอยุธยา” ในสมัย “สมเด็จพระนารายณ์” หนังสือต้นฉบับเป็นภาษาเปอร์เซียชื่อว่า “สะฟีนะ-อิ-สุลัยมาน” ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ กรุงศรีอยุธยา และบทบาทของ “ชาวเปอร์เซีย” ต่อการเมืองการปกครองกรุงศรีอยุธยา

อาลักษณ์ผู้นี้มีนามว่า อิบนิ มูฮัมหมัด อิบรอฮีม เป็นคนช่างสังเกต เจ้าคารม รู้ศาสนา และมีจินตนาการทางกวี ได้บันทึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จพระนารายณ์กับชาวอิหร่านหรือเปอร์เซียได้อย่างน่าสนใจ

สำเภากษัตริย์สุลัยมาน ระบุว่า มีชาวเปอร์เซียในกรุงศรีอยุธยาประมาณ 30 คน ที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่ก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และทุกคนล้วนแต่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ที่ดิน บ้านเรือนให้อยู่อาศัย พร้อมทั้งตำแหน่งในการบริหารบ้านเมือง และเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนารายณ์ยังทรงพระเยาว์ก็มักไปคบค้าสมาคมกับชาวอิหร่านอยู่เสมอจนคุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมการดำเนินชีวิตของชาวอิหร่านเป็นอย่างดี

ยึดอำนาจพระเชษฐา

เมื่อสมเด็จพระเจ้าปราสาททองสวรรคต พระราชโอรสคือสมเด็จเจ้าฟ้าไชยได้ขึ้นครองราชบังลังก์สืบต่อ อาลักษณ์บันทึกว่า เหตุนี้ได้สร้างความ “อิจฉา” ต่อสมเด็จพระนารายณ์ผู้เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองเช่นกัน พระองค์จึงคิดวางแผนการชิงราชสมบัติ โดย

“พระองค์เสด็จไปหาพระเจ้าอา (สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา) พลางทูลว่า ไฉนพระเจ้าอาจึงทรงประทับอยู่เฉย ๆ ขณะที่พระเชษฐาของพระองค์ (สมเด็จเจ้าฟ้าไชย) ทรงเป็นกษัตริย์ พระเจ้าอาคิดจะถวายบังคมกราบกระนั้นหรือ จงอย่าคิดท้อถอย พระองค์จะทรงให้กำลังสนับสนุนทุกประการ…”

สมเด็จพระนารายณ์ทรง “เป่าหู” สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาสำเร็จ และร่วมมือกันชิงราชบัลลังก์ ตามบันทึกระบุว่า รุ่งเช้าสมเด็จพระนารายณ์เสด็จไปหาสมเด็จเจ้าฟ้าไชยและทรงสังหารพระเชษฐาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง แล้วจึงทูลเชิญสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยา และถึงช่วงเวลานี้ อาลักษณ์คณะราชทูตเปอร์เซียระบุว่า ชาวอิหร่านในกรุงศรีอยุธยาก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นราว 100 คน

โอกาสที่เหมาะสม

อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้อธิบายว่าการยึดอำนาจครั้งนี้สมเด็จพระนารายณ์น่าจะเป็นผู้นำในการก่อการ เพราะสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาดูไม่ค่อยมีกำลังไพร่พลมากนัก อีกเหตุผลหนึ่งคือขุนนางบางกลุ่มสนับสนุนสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาเพราะทรงเป็นผู้ที่อ่อนแอและควบคุมง่ายกว่าสมเด็จพระนารายณ์ที่ทรงเข็มแข็งกว่า แต่สมเด็จพระนารายณ์ก็ทรงหมายปองราชบัลลังก์เช่นกัน เพียงแต่ทรงรั้งรอจังหวะที่เหมาะสมและพันธมิตรที่จะหนุนหลังพระองค์ในการยึดอำนาจ

บันทึกของอาลักษณ์คณะราชทูตเปอร์เซียระบุว่า เกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างสมเด็จพระศรีสุธรรมราชากับสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นไม่นานจากการยึดอำนาจที่ผ่านมา สมเด็จพระนารายณ์ทรงจัดการปกครองโดยไม่ได้ปรึกษาสมเด็จพระศรีสุธรรมราชา จนกระทั่งทรงฆ่าเสนาบดีคนหนึ่งต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาโดยไม่มีเหตุผล หลังจากนั้นพระองค์จึงไม่ได้มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาอีกเลย

กระทั่งสมเด็จพระศรีสุธรรมราชาเรียกประชุมเสนาบดีเพื่อคิดจะกำจัดสมเด็จพระนารายณ์ แต่มีชายคนหนึ่งที่เคยเติบโตมาตั้งแต่เล็ก ๆ พร้อมกับสมเด็จพระนารายณ์ ที่อยู่ในที่ประชุมนั้น ได้ลอบนำความไปทูลแจ้งให้สมเด็จพระนารายณ์ให้ทรงทราบ พระองค์จึงทรงเห็นว่า “…ได้เวลาตามแผนการที่วางไว้แล้ว จึงทรงขอความช่วยเหลือจากชาวอิหร่านและพวกฝรั่งเศส”

แม้จะหาข้ออ้างในการยึดอำนาจได้ แต่สิ่งสำคัญในการยึดอำนาจนั่นคือกำลังทหาร ซึ่งทรงเลือกใช้กองทหารอาสาต่างชาติมากกว่าจะใช้ “กองทัพชาวนา” ของกรุงศรีอยุธยา

กองทหารต่างชาติ

เรื่องกองทหารต่างชาตินี้เป็นประเด็นที่มองข้ามไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการก้าวขึ้นสู่อำนาจของสมเด็จพระนารายณ์และเป็นฐานอำนาจทางทหารที่สำคัญในการค้ำจุนราชบัลลังก์ไปจวบจนสิ้นรัชกาล ทำไมกองทหารต่างชาติจึงสำคัญต่อการเมืองกรุงศรีอยุธยา?

ในหนังสือการเมืองไทยสมัยพระนารายณ์ อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของกองทหารต่างชาติว่า ทหารเหล่านี้รับเงินโดยตรงจากกษัตริย์ ถูกจัดให้เป็นกองทหารอาสาหรือใช้เป็นราชองครักษ์ไปในตัว จึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกษัตริย์ มีความรู้และปฏิบัติการตามแบบทหารอย่างมีประสิทธิภาพ เชี่ยวชาญอาวุธอย่างปืนไฟ ไม่ต้อง “เข้าเดือน” เช่นไพร่กรุงศรีอยุธยา แม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็รวมไพร่พลได้รวดเร็วกว่า ซึ่งเหมาะแก่การยึดอำนาจอย่างฉับพลันที่ไม่จำเป็นต้องใช้ “กองทัพชาวนา” หรือทหารไพร่ของกรุงศรีอยุธยาจำนวนมาก ๆ ก็สามารถยึดอำนาจได้

อีกทั้งกองทหารต่างชาติไม่มีฐานอำนาจทางการเมืองในกรุงศรีอยุธยา ไม่ถูกควบคุมโดยขุนนาง ไม่มีอำนาจควบคุมไพร่ทาส นอกจากจะเป็นเครื่องมือทางทหารแล้วยังถูกใช้เพื่อต่อกรหวังลดอำนาจของขุนนางในกรุงศรีอยุธยาลงอีกด้วย กองทหารต่างชาติจึงเหมาะเป็นเครื่องมือทางการเมืองและการทหารอย่างสำคัญของสมเด็จพระนารายณ์ที่จะทรงเลือกใช้อย่างไม่ต้องสงสัย

สมเด็จพระนารายณ์ทรงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวเปอร์เซีย และหากสังเกตจากบันทึกของอาลักษณ์เปอร์เซียที่ระบุว่าก่อนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มีชาวเปอร์เซีย 30 คน จนเมื่อรัชสมัยสมเด็จพระศรีสุธรรมราชามีชาวเปอร์เซีย 100 คน การเพิ่มขึ้นของชาวเปอร์เซียจึงเทียบได้กับการเพิ่มพูนผู้สนับสนุนและเพิ่มอำนาจให้พระองค์ การรั้งรอโอกาสอันเหมาะสมจึงเป็นแผนการที่แยบยลมากทีเดียว

และไม่ใช่แต่ชาวเปอร์เซียเท่านั้น สมเด็จพระนารายณ์ยังทรงมีพันธมิตรจากกองทหารต่างชาติอื่นอีกหลายเชื้อชาติ แต่ไม่มีชาวจีน ผลสุดท้ายคือพระองค์จะใช้กองทหารเปอร์เซียเป็นกำลังสำคัญในการยึดอำนาจและสถาปนาพระองค์เป็นกษัตริย์กรุงศรีอยุธยา

ยึดอำนาจพระเจ้าอา

“พอถึงเดือนมุหัรฺร็อม และชาวอิหร่านก็จะทำพิธีในเดือนนั้นพระนารายณ์จึงทรงรับสั่งให้ชาวอิหร่านทำขบวนแห่ไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอา ส่วนพระองค์และทหารคู่ใจจะเสด็จตามข้างหลัง พวกอิหร่านก็พากันไปเฝ้าและทูลว่า วันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา อยากจะเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด…”

พิธีดังกล่าวคือ พิธีตะซิยัต (Taziyat) เป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกและอาลัยถึงอิหม่ามฮุเซ็น (หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ เจ้าเซ็น) ผู้นำศาสนาของมุสลิมนิกายชีอะหฺ โดยพิธีจะแต่งริ้วขบวนทหารจำลองเหตุการณ์สงครามสมัยอิหม่ามฮุเซ็นแห่ไปยังพระราชวังหลวงเพื่อให้พระมหากษัตริย์ทอดพระเนตร แผนการนี้ลุล่วงด้วยดี ขั้นต่อไปคือการกำจัดหรือตัดกำลังทหารของฝ่ายตรงข้ามให้ได้มากที่ ในบันทึกระบุว่า

“…พระเจ้าแผ่นดินในสยามไม่ทรงบำรุงกองทัพไว้นอกจากราษฎรมาเป็นทหารเท่านั้น แต่บางครั้ง เมื่อจำเป็นก็เกณฑ์พวกเหล่านี้มาเป็นทหาร ในหมู่พวกเหล่านี้มีพวกที่กล้าหาญหลายกลุ่ม… พระเจ้าแผ่นดินจึงประทานที่อยู่ในวังใกล้ ๆ พระองค์เพื่อเป็นยามคอยป้องกัน สมเด็จพระนารายณ์จึงออกอุบายให้ทหารของพระองค์เผาหมู่บ้านของพวกนี้ซึ่งเป็นเชื้อไฟอย่างดี…”

และเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ทหารเหล่านั้นจำต้องละทิ้งหน้าที่ไปดับไฟ สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาจึงรับสั่งให้ทหารรักษาการณ์ออกไปช่วยดับไฟอีก แผนการเข้าทางสมเด็จพระนารายณ์มากขึ้นเมื่อทรงเกลี้ยกล่อมทหารรักษาการณ์เข้ามาเป็นพรรคพวกได้เพิ่มอีก

“…ตอนนี้พวกอิหร่านก็เอาพิธีทางศาสนาเป็นอุบายบังหน้า ถือโอกาสเข้าไปในพระราชวัง เข้าล้อมวังและให้ปืนใหญ่ยิง สมเด็จพระนารายณ์ก็เสด็จมาสมทบด้วย ทั้งทรงส่งพระสุรเสียงว่า ‘ข้าแต่ท่านอะลี’ แล้วทั้งหมดก็กรูกันเข้าไปยังที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน…”

ที่ว่ายิงปืนใหญ่นั้น เข้าใจว่าเป็นการสร้างภาพเพื่อให้ขบวนแห่ที่พรรณานั้นคึกคักสมจริงขึ้น เพราะเป็นการทำพิธีไว้อาลัยท่านอิมามหุสัยน์ที่เสียชีวิตในการสงครามที่กัรฺบะลา เรื่องที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงตะโกนออกนามของท่านอิมามอฺะลี บิดาของท่านอิมามหุสัยน์นั้นน่าเป็นจริง เพราะพวกชีอฺะฮฺมักจะออกนามเช่นนี้เสมอเมื่อทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด (ดิเรก กุลสิริสวัสดิ์, 2545)

อาลักษณ์คณะราชทูตเปอร์เซียบันทึกเหตุการณ์ต่อจากนั้นว่า สมเด็จพระศรีสุธรรมราชาทรงกระโดดน้ำหลบหนีไปแต่ไม่ช้าก็ถูกจับกุมพระองค์ได้แล้วทรงถูกถอดออกจากราชบัลลังก์ และสมเด็จพระนารายณ์ก็สถาปนาพระองค์เป็นกษัตริย์กรุงศรีอยุธยาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 8 มุหัรฺร็อม ฮ.ศ. 1068 ตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1657

อิบนิ มูฮัมหมัด อิบรอฮีม อาลักษณ์ผู้บันทึกหลักฐานชิ้นนี้พร้อมคณะราชทูตออกเดินทางจากท่าบันดัรฺอัฺบบาส ในดินแดนเปอร์เซีย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ. 1685 และเดินทางกลับถึงท่าเรือนี้เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1688 รวมระยะเวลากว่า 3 ปี

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

สำเภากษัตริย์สุลัยมา. (2545). แปลโดย ดิเรก กุลสิริสวัสดิ์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : มติชน.

นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2537). การเมืองไทยสมัยพระนารายณ์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : มติชน.

จุฬิศพงศ์ จุฬารัตน์. (กุมภาพันธ์, 2542). อกามะหะหมัด ชาวเมืองแอสตาราบัด (Aqa Mahammad Astarabadi) อัครมหาเสนาบดีชาวอิหร่าน ในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 20 (ฉบับที่ 4) : หน้า 108

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อ 10 กันยายน 2562

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ราชทูตกษัตริย์สุลัยมานบันทึกว่า ชาวเปอร์เซีย (อิหร่าน) ช่วย พระนารายณ์ ยึดบัลลังก์อยุธยา

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...