โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

ทันหุ้น

อัพเดต 17 มิ.ย. เวลา 02.44 น. • เผยแพร่ 17 มิ.ย. เวลา 02.44 น.

#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,105-1,125 จุด โดยประเด็นที่ตลาดจับตายังอยู่ที่สถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน โดยล่าสุดมีสัญญาณว่าอิหร่านพร้อมจะเจรจา อย่างไรก็ตามล่าสุดทรัมป์ประกาศอพยพบุคลากรในเตหะราน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบแกว่งตัวผันผวน โดยปรับตัวลงเมื่อคืนทีผ่านมาก่อนดีดตัวขึ้นเช้านี้ โดยล่าสุด Brent อยู่ที่ US$74 ต่อบาร์เรล ทำให้กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำคาดว่ายังช่วยพยุงตลาดได้บ้าง ขณะที่วันนี้ติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือน พ.ค. (ตลาดคาด -0.7% m-m) ก่อนการประชุม FED คืนพรุ่งนี้ ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้นายกฯ ประชุมกับคุณอนุทินขอกระทรวงมหาดไทคืนกลับมาที่พรรคเพื่อไทย

อย่างไรก็ตามคุณอนุทินยืนยันว่าจะทำงานในตำแหน่งเดิม ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ผลกาปรับครม.สุดท้ายอีกครั้ง ว่าจะทำให้เสถียรภาพภายในรัฐบาลดีขึ้นได้หรือไม่ ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างขาดปัจจัยบวก โดยเฉพาะโมเมนตัมเศรษฐกิจที่แผ่วใน 2Q25 และอาจต่อเนื่องใน 3Q25 ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลค่อนข้างล่าช้า จึงยังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่มีประเด็นหนุนเฉพาะตัว ได้แก่ กลุ่มพลังงานต้น รวมถึง Defensive Play ท่ามกลางความเสี่ยงและไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมือง

กลยุทธ์ : ยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q25-2025 แข็งแกร่งและมีความแน่นอนของกำไรสูง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : CPALL, MTC, OSP, SJWD, STECON

FSSIA Portfolio : BA, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท

• เราประเมินแนวโน้มกำไร 2Q25 แม้จะชะลอ q-q จากปัจจัยฤดูกาล แต่คาดยังเติบโตได้แข็งแรง y-y โดยโมเมนตัมรายได้ในเดือน พ.ค. ดีขึ้นเป็นเติบโตราว +6% y-y เทียบกับเดือน เม.ย. ที่ราว 4% y-y

• เราคาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 1.76 หมื่นลบ. +10% y-y ขณะที่ผู้บริหารยังทยอยซื้อหุ้นเพิ่มต่อเนื่องช่วงที่ราคาปรับลง มองเป็น Sentiment บวกต่อราคาหุ้น

• แนวรับ 21-20.80 บาท แนวต้าน 21.60//22 บาท

ด้าน บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ อาจมี rebound แต่ข่าวสงครามยังคงชี้นำตลาดอยู่ ส่วนปัจจัยลบในประเทศยังมีเท่าเดิม โดยตลาดหุ้นไทย อิงหลายปัจจัย ทั้งทิศทางการเมือง(เศรษฐกิจ) ปัญหากับกัมพูชา และล่าสุด อิหร่าน-อิสราเอล ที่ตัวแปรหลังสุดนี่ มีแนวโน้มจะจบลงเร็วกว่าที่คาด (แต่ยังวางใจมากไม่ได้) วันนี้ ตลาดหุ้นจะถูกชี้นำด้วยข่าวสงคราม ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง ยกเว้น หุ้นที่มีปัจจัยลบเฉพาะตัว เช่น AOT หรือหุ้นอิงรายได้จากกัมพูชา อาจจะยังลบต่อได้

สถานการณ์ต่างประเทศ ที่ตลาดให้ความสนใจ มีเพียงเรื่องเดียว คือ สงคราม อิหร่าน-อิสราเอล ที่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์(13) ทำให้ตลาดเกิดความตกใจ และวานนี้ เริ่มมีข่าวว่าอิหร่าน อยากขอเจรจา (แต่ยังไม่มีการยืนยัน) ทำให้บรรยากาศตลาดหุ้นดีขึ้น ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นเกือบ 1% ขณะที่ราคาทองคำ ปรับตัวลดลงหลังขึ้นไปทดสอบ $3,451 เหรียญ อย่างไรก็ตาม อิสราเอล และ Trump ออกมาเตือนให้คนอิหร่านอพยพจากกรุงเตหะราน ทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น และสถานการณ์มีความไม่แน่นอนอีกครั้ง

FOMC เริ่มประชุมวันนี้ ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ด้าน Bloomberg Economics คาดการณ์ว่า ค่ากลางของคณะกรรมการ FOMC (dot plot) จะส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 basis-point เพียงหนึ่งครั้งในปี 2025……… เรามองว่า Fed น่าจะต้อวการลดดอกเบี้ย แต่ด้วยความไม่แน่ใจเรื่องมาตรการการค้า และอาจมีเรื่องสงคราม ทำให้ Fed รีรอที่จะลดดอกเบี้ย ล่าสุด ตลาดคาด Fed จะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ก.ย.68

"อนุทิน" คุยนายกฯ ไม่มีปรับ ครม. แถมสั่งงานข้ามปี มั่นใจเก้าอี้ มท.1 ยังอยู่ดี … ตลาดยังคงจับตาดู การบริหารพรรคร่วมฯของ “เพื่อไทย” เพราะเสียงที่หายไป จะทำให้ความมั่นคงของรัฐบาลลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยังต้องตามต่อว่า พรรคครวมไทยสร้างชาติ จะปรับเก้าอี้ ในตำแหน่งของ รมว.พลังงาน ได้หรือไม่ หุ้นที่เกี่ยวข้องคือหุ้นน้ำมันและโรงไฟฟ้า

ศาลล้มละลายกลางสั่งยุติการฟื้นฟูกิจการการบินไทย หลังบรรลุเงื่อนไขแผนฟื้นฟูครบถ้วน คาดว่า THAI จะกลับเข้าเทรดในตลาดหุ้นได้ช่วงปลาย ก.ค. - ต้น ส.ค. 2568 บริษัทชำระหนี้ไปแล้วกว่า 9.4 หมื่นล้านบาท เหลือหนี้คงค้างราว 9.5 หมื่นล้านบาท

นายกฯ แถลงไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลกที่กัมพูชาส่งรายงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ผิดหวังการประชุม JBC ไม่หารือ 4 พื้นที่พิพาท และเตรียมตั้งทีมเฉพาะกิจติดตามสถานการณ์ พร้อมเสนอจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) กับฮุนมาเนต ระบุฝ่ายกัมพูชาปล่อยข่าวไม่เป็นมืออาชีพ สร้างความวุ่นวาย…. เรามองสถานการณ์ยังไม่จบ คาดจะรบกวนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและการท่องเที่ยว และหุ้นที่มีธุรกิจหรือรายได้ในกัมพูชา

วานนี้(16) ตลาดฯ ประกาศหุ้นเข้า-ออก ในการคำนวณ SET50-SET100 มีผล 1 ก.ค.68 . #SET50 หุ้นเข้า : BCP, KKP, TCAP, TIDLOR และ หุ้นออก : BGRIM, GLOBAL, ITC, SAWAD ……. ด้าน SET100 หุ้นเข้า : AURA, JTS, MBK, TFG, TOA, WHAUP และ หุ้นออก : CKP, COCOCO, ROJNA, SAPPE, SKY, SNNP …. เราประเมินในส่วนของ SET50 มีผลต่อตลาดมากที่สุด หุ้นเข้าออก เกือบทั้งหมด มาจากราคาหุ้นที่ขึ้น-ลง ซึ้งเห็นกันอยู่แล้ว จึงดูไม่ surprise เพราะบางตัว ก็เข้าๆ ออกๆ ดัชนีฯจากการที่เป็นหุ้นท้ายตาราง(SET50)

Event วันนี้ : ประชุม BOJ, ประชุม FOMC(16-17).

Technical : BCH, KAMART

ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมิน SET กรอบแนวรับ 1,100 – 1,110 โดยมีแนวต้านที่ 1,120 – 1,130 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว หลังอิสราเอล – อิหร่านมีโอกาสเจรจาหยุดยิง กอปรกับรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันพรุ่งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรรายตัว เช่น BCP เข้า SET50 และได้รับผลกระทบน้อยจากต้นทุนน้ำมันในตะวันออกกลาง, TFG เข้า SET100 และยังได้แรงหนุนจากยอดส่งออกไก่/ BAM คาดรายได้ปีนี้คาดฟื้นตัวจากการบริหาร NPA

PRM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.45 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q68 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ เนื่องจากเรือมีจำนวนวันทำงานมากขึ้นหลังผ่านการเข้า Dry Dock และทยอยรับเรือใหม่เข้ามาใน 1Q68 ประกอบกับ 2Q68 จะมีการรับเรือ FSU และ Crew Boat ใหม่เข้ามาอย่างละ 1 ลำ ส่วนแนวโน้ม 2H68 น่าจะกลับมาโต YoY ได้ตามกำลังการให้บริการที่เพิ่มขึ้นและเรือใหญ่มีตารางเข้า Dry Dock น้อยลง โดยแผนการลงทุนในอนาคตจะมีการทยอยรับเรือ PCT 6 ลำในปีหน้าเพื่อทดแทนเรือเก่า และสนใจลงทุนในเรือ Anchor Handling Tug ที่สนับสนุนกิจกรรมการสำรวจปิโตรเลียมซึ่งมีค่าบริการที่สูง ทั้งนี้ปี 68-69 ตลาดคาดการณ์กำไรที่ 2.4 พันล้านบาท (+14%YoY) และ 2.5 พันล้านบาท (+4%YoY)

PR9* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 29.89 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 ออกมาอยู่ที่ 200 ลบ.(+26%YoY, -3%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ยัง YoY บวกได้เด่นโดตามรายได้(+16%YoY) ได้แรงหนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศ(+88%YoY)โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มชาติตะวันออกกลาง สอดคล้องกับกลยุทธของ PR9* ที่ทำการตลาดไปหาผู้ป่วยต่างชาติมากขึ้น ด้านPR9*เอง ปี68 นี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต +10%YoY โดยบริษัทยังคงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างประเทศขึ้นราว 20% จากฐานคนไข้รวม ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ PR9* จะขยายตัวมาอยู่ที่ 823 ลบ.(+15%YoY) และ 905 ลบ.(+10%YoY) ตามลำดับ

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...