โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ยูโอบี กำไรสุทธิปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

การเงินธนาคาร

อัพเดต 25 ก.พ. เวลา 12.03 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. เวลา 05.03 น.

ยูโอบี ประกาศผลกำไรสุทธิปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ คาดรวมรวมกิจการในเวียดนามเสร็จในปี 2568

นายวี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า กลุ่มยูโอบีบรรลุผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง รวมถึงรายได้จากการค้าและการลงทุนที่มั่นคง การลงทุนระยะยาวของเราในด้านแพลตฟอร์มและศักยภาพในภูมิภาคกำลังเริ่มเห็นผล และเราคาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้

แม้ว่าจะเห็นสัญญาณความไม่แน่นอนทั่วโลก แต่เรามั่นใจว่าภูมิภาคอาเซียนจะยังคงมีความยืดหยุ่น โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นและการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งขึ้นของธนาคารในตลาดหลักต่างๆ ของภูมิภาคอาเซียน ฐานลูกค้าที่ขยายตัว และแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนา จะช่วยให้เราพร้อมที่จะคว้าโอกาสในภูมิภาคท่ามกลางการปรับโครงสร้างการค้าและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

"ในปี 2567 เราได้เสร็จสิ้นการรวมกิจการของซิตี้กรุ๊ปในประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในการรวมกิจการในมาเลเซียและอินโดนีเซียในปี 2566 การรวมกิจการในเวียดนามกำลังดำเนินไปตามแผนและคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีนี้ เราจะยังคงใช้ประโยชน์จากความร่วมมือกันในการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์หลักของธนาคาร การบริหารจัดการต้นทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันเพื่อปรับปรุงการบริการให้กับลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น"

"ปีนี้เป็นปีครบรอบ 90 ปีของธนาคารยูโอบี ซึ่งเราได้มาถึงจุดนี้ได้ด้วยการสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย คู่ค้า และลูกค้าของเรา เราจะยังคงดำเนินการตามแนวทางอย่างเคร่งครัดในการแสวงหาการเติบโตระยะยาวควบคู่กับความมั่นคง เพื่อให้เราสามารถสร้างคุณค่าให้กับทุกคนที่เราให้บริการ"

ปี 2567 เปรียบเทียบกับปี 2566

กำไรสุทธิในปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 สู่ระดับ 6.0 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการค้าและการลงทุนที่แข็งแกร่ง หากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียว กำไรสุทธิหลักอยู่ที่ 6.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิยังคงทรงตัวที่ 9.7 พันล้านเหรียญดสิงคโปร์ โดยการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งร้อยละ 5 ช่วยชดเชยผลกระทบจากการหดตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่เกิดจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย

รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิเติบโตขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ 2.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตแบบตัวเลขสองหลักในค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการความมั่งคั่งเนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตที่แข็งแกร่งขึ้นจากการขยายตัวของแฟรนไชส์ในภูมิภาค และค่าธรรมเนียมจากสินเชื่อที่สูงขึ้นเมื่อกิจกรรมการให้สินเชื่อและตลาดทุนเริ่มฟื้นตัว

รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 อยู่ที่ 2.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการบริหารการเงินที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ซึ่งมาจากการขายพันธบัตรรายย่อยที่เพิ่มขึ้นและความต้องการป้องกันความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลการดำเนินงานที่ดีจากกิจกรรมการค้าและการบริหารสภาพคล่อง

หากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 อยู่ที่ 6.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เนื่องจากยูโอบียังคงลงทุนในการสร้างขีดความสามารถในภูมิภาค เงินกันสำรองรวมคงที่ที่ 926 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 27 จุด

ไตรมาส 4 ปี 2567 เปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567

กำไรสุทธิในไตรมาส 4 ลดลงร้อยละ 5 มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งกำไรสุทธิหากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวก็ยังคงอยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์เช่นกัน เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการรวมพอร์ตโฟลิโอของซิตี้กรุ๊ปลดลง

รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิยังคงทรงตัวที่ระดับ 2.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.00 จากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ลดลง แต่ได้รับการชดเชยจากสินเชื่อที่เติบโตขึ้นร้อยละ 1 รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิปรับตัวลดลงจากรายได้ระดับสูงในไตรมาสก่อน อยู่ที่ 567 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เนื่องจากการชะลอตัวตามฤดูกาลในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อและการบริหารจัดการความมั่งคั่ง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติที่ 443 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หลังจากที่ในไตรมาส 3 ปี 2567 มีผลการดำเนินงานที่ได้รับอานิสงส์จากความผันผวนของตลาด

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักรวมลดลงร้อยละ 2 มาอยู่ที่ 1.6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ร้อยละ 45.0 เงินกันสำรองรวมลดลงเหลือ 227 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกลับรายการเงินสำรองทั่วไปที่เคยตั้งไว้ ต้นทุนความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่ออยู่ที่ 25 จุดในไตรมาสนี้

ไตรมาส 4 ปี 2567 เปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566

รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 โดยได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ร้อยละ 5 ขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 567 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และ 443 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ตามลำดับ

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้นเนื่องจากการลงทุนในการเติบโตของแฟรนไชส์ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้หลักอยู่ที่ร้อยละ 45.0 เงินกันสำรองรวมเพิ่มขึ้นเป็น 337 ล้านเหรียญสิงคโปร์ จากการตั้งสำรองแบบเฉพาะรายที่สูงขึ้น

คุณภาพของสินทรัพย์

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 คุณภาพของสินทรัพย์ยังคงมีเสถียรภาพ โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 1.5 ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (non-performing assets coverage) ยังคงอยู่ในระดับที่เพียงพอที่ร้อยละ 91 หรือร้อยละ 194 หากนับรวมหลักประกัน

เงินทุน ฐานะเงินทุน และสภาพคล่อง

ฐานะเงินทุนของกลุ่มธนาคารยูโอบียังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่หนึ่งที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ที่ร้อยละ 15.5 สำหรับไตรมาสนี้ สภาพคล่องของธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยอัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (LCR) เฉลี่ยในทุกสกุลเงินอยู่ที่ร้อยละ 143 และอัตราส่วนการจัดหาเงินทุนสุทธิ (NSFR) อยู่ที่ร้อยละ 116 ซึ่งทั้งสองตัวเลขสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝาก (LDR) ยังคงแข็งแกร่งที่ร้อยละ 82.7

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ วงการธนาคาร ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...