“ดีอี”เร่งสร้าง“สมาร์ท ซิตี้” 105 เมืองอัจฉริยะในปี 70
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยในงาน ไทยแลนด์ สมาร์ท ซิตี้ เอ็กซ์โป 2025 ว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักของภาครัฐในการยกระดับการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงประชาชนไทยอย่างแท้จริง พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยกระทรวงดีอีมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดและยกระดับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น การบูรณาการข้อมูลเมืองเพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบาย การนำเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง เอไอ และ ไอโอที มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง ซึ่งรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นพิเศษ เมืองอัจฉริยะจะไม่เพียงปลอดภัยจากโอกาสในการก่ออาชญากรรม แต่จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะทำให้เราสามารถสร้างวิถีชีวิตที่ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ด้วย
นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ดีป้า ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมาตั้งแต่ปี 60 ช่วยผลักดันให้เกิดเมืองอัจฉริยะแล้ว 37 พื้นที่ใน 25 จังหวัดทั่วประเทศ เกิดเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ 173 พื้นที่ โดยมีการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะมูลค่ารวมกว่า 11,900 ล้านบาท อีกทั้งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยรวมกว่า 9 ล้านคน โดย ดีป้า ตั้งเป้าว่า เมืองอัจฉริยะประเทศไทยจะเพิ่มสู่ 105 พื้นที่ภายในปี 70 โดยมุ่งพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ในมิติด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (สมาร์ท ลีฟวิ่ง) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่าน 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการ สมาร์ท ลีฟวิ่ง และ สมาร์ท ลีฟวิ่ง พลัส
โดยการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเข้าใจและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ 45 ชุมชนทั่วประเทศผ่านการสนับสนุนแพลตฟอร์มคาร์บอนบันทึกกิจกรรมด้านการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ กล้องวงจรปิดพลังงานแสงอาทิตย์ ไฟส่องสว่างอัจฉริยะพลังงานแสงอาทิตย์ โดรนเพื่อการเกษตร และ IoT การเกษตรอัจฉริยะ และโครงการ 5G Ambulance โดยความร่วมมือกับ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉินผ่านการติดตั้งเทคโนโลยีดิจิทัลบนรถพยาบาลฉุกเฉิน จำนวน 40 คันของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ 17 แห่งในพื้นที่ 11 จังหวัด
นอกจากนี้ ดีป้า ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตรฐานเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่จะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐาน และหากได้รับการรับรองมาตรฐานแล้วจะสามารถขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล (Thailand Digital Catalog) เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ ในราคาที่เป็นธรรม
“Thailand Smart City Expo 2025 จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการพัฒนาเมืองจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และเครือข่ายพันธมิตรจากนานาประเทศ เป็นพื้นที่รวมรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับโลก อีกทั้งเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของเมืองอย่างแท้จริง อีกทั้งงานในปีนี้ยังได้จัดร่วมกับ Secutech Thailand ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างยิ่งขึ้น โดย ดีป้า เชื่อว่า Thailand Smart City Expo 2025 จะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มในทุกมิติ” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
Thailand Smart City Expo คือมหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ปีนี้มาพร้อมแนวคิด Activating Smart Cities, Elevating Smart Living โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ของเมืองอย่างแท้จริง ซึ่งงานในปีนี้ได้เพิ่มพื้นที่ส่วนจัดแสดงกว่า 80% รองรับการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมกว่า 800 รายการจากหลากหลายประเทศ อีกทั้งมีเวทีเสวนาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานชั้นนํารวมกว่า 80 หัวข้อตลอด 3 วัน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานในปีนี้มากกว่า 15,000 คน และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท
จากนั้น นายไชยชนก ได้ให้เกียรติมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทยให้กับ ภูเก็ตทินิคอนวัลเลย์ จังหวัดภูเก็ต และประกาศนียบัตรแก่เขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะจำนวน 43 พื้นที่ รวมถึงรางวัล Smart City Solutions Awards 2025 แก่หน่วยงานที่มีผลงานโดดเด่นในการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน จำนวน 3 รางวัล ได้แก่
1. โครงการบริหารจัดการขยะเศษอาหารในพื้นที่ตำบลแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ โดย เทศบาลเมืองแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2. ระบบขออนุญาตก่อสร้างและควบคุมอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Permit) “สะดวก โปร่งใส ถูกใจคนเมือง” โดยเทศบาลตำบลบ้านกลาง จังหวัดลำพูน ร่วมกับ บริษัท เบดร็อค อนาไลติกส์ จำกัด
3. ระบบดูแลและคัดกรองนักเรียน (App.CARE) โดยเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลดัชนีเมืองอัจฉริยะและเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ประกอบด้วย
• รางวัลพัฒนาขีดความสามารถเมืองอัจฉริยะ
เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
• รางวัลยกระดับความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ
อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ โดย เทศบาลตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน