โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“ปิยบุตร” เล่าเบื้องหลัง MOA ภูมิใจไทย เกมเสี่ยงดันแก้รัฐธรรมนูญ แม้เหลวแต่ได้ลอง

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

“ปิยบุตร” เล่าฉากหลังพรรคประชาชนเซ็น MOA ภูมิใจไทย ดันแก้รัฐธรรมนูญ ชี้ เป็นการทดลอง แม้โอกาสริบหรี่ สุดท้ายผลลัพธ์คือล้มเหลว มองฉากทัศน์หน้าเกมเสี่ยง ปลุกประชาชนไปกาประชามติให้ถล่มทลาย

วันที่ 13 ธันวาคม 2568 ที่สนามหญ้า มศว ประสานมิตร พรรคประชาชน (ปชน.) จัดกิจกรรม “ปิกนิกพรรคประชาชนพบประชาชน” โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ตอบคำถามเรื่องความคาดหวังในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตอนหนึ่งว่า เห็นตนหน้าตาดูหงอยๆ ซึมๆ ยอมรับตามตรงเลยว่าน่าจะเป็นคนอันดับต้นๆ ที่เสียใจมาก ที่กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญไม่ผ่านรอบนี้ หลายท่านอาจบอกว่าทำไปทำไม ไม่มีประโยชน์หรอก เรารู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวเขาก็เบี้ยว ทำไปรัฐธรรมนูญจะออกมาดีหรือไม่อย่างไร

นายปิยบุตร กล่าวว่า ต้องไล่กันมาก่อนว่าพรรคนี้ 3 พรรคแล้วที่ตั้งกันมา (พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล พรรคประชาชน) จุดเริ่มต้นของการมีพรรคนี้สัมพันธ์กับเราต้องการมาจัดการรัฐธรรมนูญปี 2560 ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็ไม่มีพรรคนี้ ที่ตั้งพรรคนี้เพราะรู้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มันแก้ยากมากๆ แล้วเราจะทำอย่างไรให้ใช้การเมืองในระบบ ใช้พรรคการเมืองในระบบที่ลงจากการเลือกตั้ง แล้วค่อยๆ พยายามเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ทีละเล็กละน้อย

“ถ้าสังเกตแต่ต้นเราชูธงเรื่องนี้ พอเข้าสภาฯ ไปสมัยอนาคตใหม่ 81 เสียง เรายื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญเองไม่ได้ เพราะเสียงไม่ครบ 100 เราก็หาวิธีทางต่างๆ นานา พอมาก้าวไกล เสียงเราเยอะมาก เราก็ยื่นได้เอง แต่ก็จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาไปไม่ได้เลยสักฉบับ เคยแก้ได้ครั้งเดียวคือเรื่องระบบเลือกตั้งเท่านั้นเอง”

ดังนั้นครั้งนี้เป็นโอกาส เราก็ชั่งน้ำหนักว่าระหว่างการที่เราจะไม่สนใจอะไรเลย เดี๋ยวรออย่างน้อยเอาคำถามประชามติคำถามที่ 1 ก่อน หรือรอลุ้นสักหน่อย ไปได้ เผื่อได้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้มา เผื่อมี 2 คำถามพร้อมกันในการเลือกตั้งมาถึง ต่อไปไม่ต้องง้อสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เขาอีก คือง้อเขาครั้งนี้ครั้งเดียวให้ผ่านวาระ 3 ให้ได้ แต่ในที่สุดไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ อีกนิดเดียวจะถึงเส้นชัยอยู่แล้ว

นายปิยบุตร กล่าวต่อ เล่าให้ฟังอย่างนี้ ให้ลองดูรัฐธรรมนูญปี 2560 แก้ยากมาก หลายคนเชื่อว่าชีวิตนี้ไม่ได้แก้หรอก วิธีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เผลอๆ ต้องใช้วิธีพิสดาร เช่น มีการยึดอำนาจแล้วฉีก อะไรแบบนี้ หรือมี People Revolution ออกมาแล้วเปลี่ยนรัฐธรรมนูญได้ ในระบบนี้อย่าไปฝันเลย เพราะคุณไม่สามารถหา 67 เสียง สว.ได้ เราก็ลองวาดฉากต่างๆ นานาให้เปลี่ยนได้ภายใต้ข้อจำกัด พูดให้ฟังอย่างนี้ว่า มันมีกลุ่มพลังที่อยากแก้รัฐธรรมนูญ คือคนอย่างพวกเราในที่นี้ อีกกลุ่มคือพวกไม่อยากแก้ ก็แสดงออกผ่านโหวตเตอร์กลุ่มนั้น พรรคนั้น ผ่านองค์กรอิสระ ผ่านนั่นผ่านนี่เต็มไปหมด กลุ่มคนไม่อยากแก้มีวิธีคิดง่ายๆ คือ ทำอย่างไรให้มันแก้ไม่ได้ เดี๋ยวร้องศาล ให้ศาลสั่ง เดี๋ยวไปเรื่องนั้น ติดเรื่องนี้ เต็มไปหมด และมี สว. 1 ใน 3 ต้องหาให้ได้

“ส่วนกลุ่มที่อยากแก้ก็แบ่งออกเป็น กลุ่มแรก มองว่าจะทำอะไรดี ถ้าตอนนี้ทำไม่ได้ ก็ลองหาคำถามประชามติหรือไม่ กับอีกกลุ่มที่มองว่าใช้โอกาสนี้ที่เราพอจะมีอำนาจต่อรองเล็กๆ น้อยๆ จาก MOA นี้ เพื่อลองแก้ดู ก็ประเมินกันแล้ว ตัดสินใจกันแล้วว่า เอาวะ ลองสักนิดหนึ่ง อาจไม่ถูกใจทุกท่านในที่นี้ แต่อย่างน้อยได้ทดลอง 1 ครั้ง วันนี้ผลการทดลองออกมาแล้ว ล้มเหลว แต่ถ้าเราไม่เริ่มทดลองเลย เราไม่รู้ว่าได้หรือไม่ ถ้าเราไม่เริ่มทดลอง ผลลัพธ์คือไม่ได้แน่ แต่ถ้าเริ่มทดลอง ผลออกมาว่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ยอมรับ อย่างน้อยเอาคำถามประชามติคำถามแรกมาให้ได้ ก็ไปร่วมกันรณรงค์”

พร้อมเผยอีกว่า ตอนนั้นมีความคิดว่าทำไมถึงอยากได้คำถามที่ 2 มาด้วย เพราะคำถามที่ 1 เราต้องขอให้ประชาชนทำประชามติให้ถล่มทลาย แล้วกดดัน สว.ต่อ เพราะถ้าได้คำถามแรกเสร็จ ต้องแก้ในรัฐสภาต่ออีก มีข้อจำกัดต่างๆ นานา ต้องไปแก้ตรงนั้นอีก และขอเขาอีก 67 คนเป็นอย่างน้อย ต่อให้ประชามติถล่มทลายก็กลับไปแก้ที่รัฐสภาอีก เราก็คิดว่าอย่ากระนั้นเลย ขอคุยกับเขาให้รู้เรื่องดีหรือไม่ เราก็เลยขอลองดูว่า ถ้าได้งวดนี้มา งวดหน้าไม่ต้องขอร้องแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้ พอไม่ได้ก็ต้องกลับมาสู่คำถามแรก ไปกดดันกันต่อในครั้งหน้า

ฉากทัศน์เป็นอย่างนี้ การแก้รัฐธรรมนูญเรายังมีความหวังหรือไม่ ทีละขั้นทีละตอน ตอนนี้คือให้วันประชามติไปตรงกับวันเลือกตั้ง เพื่อที่จะได้ไม่เปลืองงบประมาณแผ่นดิน ในการจัดคูหา 2 ครั้ง ให้การรณรงค์หาเสียงครั้งนี้ นอกจากเลือกรัฐบาลแล้ว คือการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องขอแรงประชาชนออกไปใช้เสียงให้ถล่มทลาย ครั้งนี้เดิมพันสุดๆ คิดดูว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ประชามติเมื่อปี 2559 เขาได้เสียงข้างมากมา เขาอ้างทุกครั้งว่าผ่านประชามติมา สมมติกุมภาพันธ์ 2569 ไปทำประชามติอีกว่า จะแก้หรือไม่ ถ้าฝ่ายแก้แพ้ ฝ่ายอยากให้มีฉบับใหม่แพ้ เท่ากับฉบับนี้มัดตราสังข์แข็งแกร่งมากเลย จะยิ่งแก้ไม่ได้อีก เกมเสี่ยงที่สุดที่เราเข้าไป เพื่อเอาฉันทามติของประชาชนมาให้ได้ ต้องขอแรงประชาชนให้ได้ 70-80% ของความเห็นอยากทำรัฐธรรมนูญใหม่

“ถ้าได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ขั้นตอนต่อไปคือกลับมาทำร่างรัฐธรรมนูญ ต้องกดดัน สว. ณ เวลานั้นต้องช่วยกดดันให้เขาปล่อย 67 เสียงออกมาให้ได้ แต่เราไปทีละขั้น คือ 1. วันประชามติตรงวันเลือกตั้งก่อน 2. ให้ออกไปใช้สิทธิให้ถล่มทลาย คิดว่าต้องมี 70-80% ถึงเปลี่ยนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ น่าเสียใจอีกนิดเดียวจะถึงแล้วแต่มันไปไม่ได้ ก็ถือว่าการทดลองล้มเหลว ผู้เข้าร่วมการทดลองก็ถือว่าล้มเหลว ต่อไปเตรียมเดินหน้าสู่ฉากใหม่ คือทำประชามติพร้อมการเลือกตั้ง สส. เพื่อกำหนดว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “ปิยบุตร” เล่าเบื้องหลัง MOA ภูมิใจไทย เกมเสี่ยงดันแก้รัฐธรรมนูญ แม้เหลวแต่ได้ลอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...