IMPACT Growth REIT รุกโมเดล ‘Entertainment Hub’ รับอุปสงค์อีเวนต์ฟื้น-โครงสร้างพื้นฐานใหม่หนุนรายได้
IMPACT Growth REIT รับอานิสงส์อุตสาหกรรมบันเทิงโตแกร่ง ดันอัตราใช้พื้นที่และค่าเช่าเฉลี่ยพุ่ง ผนึก Live Nation เซ็นสัญญาเช่าระยะยาว 20 ปี เสริมความมั่นคงกระแสเงินสด พร้อมเปิดจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพูปี 69 คาดจ่ายปันผลปี 68 เติบโตต่อเนื่องตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 90% หลังครึ่งปีแรกกวาดปันผลสะสมแล้ว 0.35 บาทต่อหน่วย
26 ธันวาคม 2568- นางสาววันเพ็ญ มุ่งเพียรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ เอ็ม ไอ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อิมแพ็ค โกรท (IMPACT Growth REIT) เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินงานในปี 2568 ว่า
ภาคอุตสาหกรรมอีเวนต์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์แสดงสัญญาณการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ แม้ภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมจะยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่กลุ่มธุรกิจการจัดคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรียังคงมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่ออัตราการใช้พื้นที่ (Occupancy Rate) และการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าเฉลี่ยของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของรูปแบบการจัดงานในปีนี้ พบว่างานประเภทเอ็นเตอร์เทนเมนต์เริ่มขยายตัวจากอาคาร IMPACT Arena ไปสู่พื้นที่ส่วนอื่นมากขึ้น เช่น อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ และกลุ่มอาคารเอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ประกอบกับการกลับมาของงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ฐานรายได้ของกองทรัสต์มีทิศทางฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
ปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวคือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน "อิมแพ็ค ไลฟ์ เนชั่น" (IMPACT Live Nation) โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด และ Live Nation ผู้นำด้านความบันเทิงระดับสากล ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงเช่าอาคารและที่ดินในส่วนของ IMPACT Arena เป็นระยะเวลานานถึง 20 ปี
"การร่วมทุนกับ Live Nation ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างความมั่นคงด้านรายได้ค่าเช่าในระยะยาว โดยจะเริ่มเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกอย่างเต็มรูปแบบในปี 2569 ทั้งในด้านการบริหารจัดการพื้นที่และการลงทุนปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับศิลปินระดับโลก"
ปัจจุบันรายได้จาก IMPACT Arena คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10-15 ของพอร์ตสินทรัพย์รวม ซึ่งภายใต้กลยุทธ์ใหม่นี้จะมีการเพิ่มฟังก์ชันพื้นที่ระดับพรีเมียม อาทิ ห้องรับรอง VIP และการอัปเกรดสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มจำนวนงานต่อปีผ่านเครือข่ายศิลปินระดับสากลของ Live Nation
กองทรัสต์ยังมีปัจจัยหนุนจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรอบพื้นที่โครงการ โดยเฉพาะการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (MT-01) ซึ่งมีการเชื่อมต่อเข้าสู่อาคารชาเลนเจอร์โดยตรงผ่าน Sky Entrance ช่วยเพิ่มปริมาณผู้เข้าชมงาน (Traffic) และความสะดวกในการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนก่อสร้างสะพานเชื่อมต่อเข้าสู่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2569 เพื่อรองรับงานระดับโลกขนาดใหญ่ อาทิ THAIFEX – Anuga Asia 2026 ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญในการดึงดูดกลุ่มผู้จัดงานชาวต่างชาติและเพิ่มสัดส่วนรายได้จากอุตสาหกรรม MICE
จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ กองทรัสต์คาดการณ์การจ่ายเงินปันผลในปี 2568 จะเติบโตขึ้นตามการขยายตัวของกำไรสุทธิ โดยยึดนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว
ล่าสุด กองทรัสต์ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดไตรมาส 2 ปี 2568/2569 ที่อัตรา 0.13 บาทต่อหน่วย ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ส่งผลให้ภาพรวมเงินปันผลสะสมรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณอยู่ที่ 0.35 บาทต่อหน่วย
สรุปภาพรวมปี 2568 ถือเป็นระยะเปลี่ยนผ่านสำคัญของ IMPACT Growth REIT สู่การเป็นกองทรัสต์ที่ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมบันเทิงและงานระดับนานาชาติอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานและพันธมิตรระดับโลกเป็นเกราะป้องกันความผันผวนทางเศรษฐกิจ และสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับผู้ถือหน่วยในระยะยาว