โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ขอโทษนะ ลูกข้าบอกว่าพ่อที่ดีคือพ่อใหม่

นิยาย Dek-D

เผยแพร่ 06 พ.ค. 2567 เวลา 13.00 น. • ไผลาญ
เพราะบุตรสาวถูกอนุผลักตกน้ำเกือบตาย สามีกลับเข้าข้างแต่เมียน้อย ฟางเส้นสุดท้ายจึงขาดสะบั้นเป็นตายไม่ขอคืนดี แต่ลูกสาวข้าทำไมพอฟื้นขึ้นมากลับร้องหาแต่พ่อใหม่เล่า

ข้อมูลเบื้องต้น

เพราะถูกพร่ำสอนกรอกหูมาแต่เกิดว่าเป็นสตรีต้องเชื่อฟังบุรุษ เป็นผู้หญิงต้องว่าง่ายโอนอ่อน มีสิ่งใดขุ่นมัวให้เก็บงำห้ามทำให้คนอื่นระคายใจ เขาจะก่นด่าว่าบิดามารดาเจ้าไม่สั่งสอน และห้ามทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสียเด็ดขาด ด้วยสาเหตุนี้นางจึงยึดติดและปฏิบัติตามเรื่อยมา

ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เพียบพร้อมมีฐานะ มีบุตรสาวบุตรชายให้เขาสองคน ดูแลบ้าน ปรนนิบัติพ่อแม่สามี รวมถึงพี่น้องของเขาประหนึ่งสาวใช้ ไม่มีคำชมมีแต่คำดูหมิ่น ยอมให้เขาหอบเอาสตรีมากมายเข้ามาเหยียบหัวไหนเล่าผลของความทุ่มเท มีแค่เสียงสะอื้นอันเบาในลำคอกับน้ำตา ตลอดชีวิตนางไม่เคยมีความสุขเลย จนกระทั่ง

“ท่านแม่ ข้าไม่พอใจมาก พ่อคนนี้ไม่ดีเลย แม่เปลี่ยนพ่อให้ข้าที!”

อนุคนโปรดผลักบุตรีภรรยาเอก

เด็กหญิงกับเด็กชายนั่งเล่นกันอยู่หน้าประตูห้อง สองคนยังชะเง้อมองมารดาที่นั่งซักผ้าอยู่ข้างบ่อน้ำ ท่ามกลางแดดที่ร้อนจัด

ตึก! ตึก! ตึก! เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาไม่ทำให้คนที่นั่งก้มหน้าเงยขึ้นมอง ก่อนจะถูกเสื้อผ้าที่ใช้แล้วปาใส่

“เอาของข้าไปซักด้วย เย็นนี้ข้าต้องใส่”

“ของเจ้าก็ควรซักเอง”

“ข้าไม่ทำ เจ้ามีหน้าที่ซักมิใช่หรือ ทำไปสิ”

“ไม่! ข้าแต่งเข้าบ้านนี้ มีหน้าที่ดูแลคนในบ้านก็จริง แต่ไม่ได้รวมเจ้าซึ่งเป็นคนนอก และข้าไม่ใช่บ่าว”

“โถ ๆ ยังคิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงของบ้านอยู่หรือ ดูสภาพตัวเองเสียก่อนเถอะ ยิ่งสาวใช้ ไม่รู้ล่ะเจ้าต้องซักผ้าให้ข้า”

“ข้าไม่ทำ”

“ไม่ทำหรือ!”

ซ่า! น้ำล้างผ้าถูกยกมาสาดใส่จนเปียกชุ่มไปหมดทั้งตัว เด็กน้อยสองคนเห็นแล้วจึงตกใจร้องเรียกทั้งยังพากันวิ่งมาหาแม่

“ท่านแม่! / ท่านแม่!”

“จะมากเกินไปแล้วนะ! เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำกับข้าแบบนี้”

“ข้าพอใจจะทำไม จะตีข้าหรือ เอาสิ ถ้าไม่กลัวจะถูกท่านพี่ไล่ออกไปทั้งแม่ทั้งลูก คนไร้ประโยชน์อย่างเจ้า คิดว่าเขาจะเก็บไว้รึไงกัน” เห็นว่าอีกฝ่ายกำหมัดได้แต่กัดปากจึงพ้นวาจาไม่น่าฟัง นางชิงชังฮูหยินชาวนาผู้นี้นัก

“หึ! วัน ๆ ไม่เห็นสร้างสิ่งใด นอกจากทำตัวเป็นปลิงคอยสูบเลือดสูบเนื้อเขา แบบนี้อย่างไรเล่าสามีถึงเบื่อไม่แม้แต่จะมองหน้า”

วาจาเหยียดหยามที่ฟังกี่ครั้งก็ไม่ชอบ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ชอบรังแกแม่อยู่เรื่อย สองพี่น้องจึงจ้องมองอย่างขุ่นเคือง

“มองอะไรห้ะ!”

“อย่ายุ่งกับลูกข้า แล้วก็ห้ามเสียงดังใส่พวกเขา ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่อยู่เฉยอีก” ด้วยเกรงว่าลูกจะถูกทำร้ายจึงดันทั้งคู่ไปหลบข้างหลัง ทำนาง นางทนได้ แต่อย่ามาทำลูกนางเชียว

“เหอะ! น้ำหน้าอย่างเจ้าจะมีปัญญาทำได้รึ ถ้าเจ้าแน่จริงคงไม่รับสภาพตามมีตามเกิดแบบนี้หรอก จงซักผ้าให้ข้า!”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ทำ”

เพี้ยะ!

“ท่านแม่! / ท่านแม่!”

“เจ้าตบข้าหรือ!”

“ใช่ ข้าพอใจ เจ้าจะทำไม”

“ฮึ่ย! นี่แน่ะ! มาทำแม่ข้าทำไม ท่านนิสัยไม่ดี คนไม่ดี” เด็กหญิงโกรธมาก คราวนี้นางทนไม่ไหวจริง ๆ ที่แม่ถูกตี จึงวิ่งเข้าไปทุบและหยิกกัดเท่าที่เด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะสามารถทำได้

“โอ๊ยนังเด็กนี่! หน็อย!”

ผลัวะ! ตุบ! ตู้ม!!! ด้วยโมโหจึงพลั้งมือผลักอย่างแรงจนร่างเล็กลอยกระเด็นไปกระแทกกับขอบบ่อ ก่อนจะหล่นลงไปในบ่อน้ำ

“หลิงเอ๋อร์!!!” ไม่ต้องคิดสิ่งใดมากผู้เป็นแม่กระโดดลงไปช่วยลูกทันที มีเด็กชายยืนร้องไห้ตกใจกับเหตุการณ์นี้

“เปล่านะ! ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”

เพราะกลัวจึงวิ่งหนีไป ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าตนอาจถูกลงโทษ เลยเปลี่ยนจากวิ่งหนี เป็นร้องตะโกนส่งเสียงและบิดเบือนความจริง

“ช่วยด้วย! มีเด็กตกน้ำ เร็วเข้าหลิงเอ๋อร์ตกน้ำ!”

“ว่าอย่างไรนะ! หลิงเอ๋อร์ตกน้ำหรือ!” ชายผู้เป็นอาได้ยินรีบวิ่งถือพู่กันออกมาจากห้อง เมื่อรู้ว่าหลานสาวตกน้ำ

“ใช่แล้ว หาคนไปช่วยเร็ว น้ำลึกมากไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง”

“ที่ไหน! นางอยู่ที่ไหน”

“บ่อ ที่บ่อน้ำ”

เห็นอาของเด็กวิ่งไป อนุตัวต้นเรื่องจึงยิ้มและถอนหายใจออกมา เท่านี้ต่อให้ฮูหยินอยากจะกล่าวโทษนางก็ทำได้ไม่เต็มปาก ในเมื่อนางเป็นคนวิ่งมาตามคนไปช่วย และมั่นใจว่าท่านพี่จะเชื่อคำพูดตน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน! ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ลูกตกน้ำตกท่า เจ้ามันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง!”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ หลิงเอ๋อร์ตัวเล็กนิดเดียว ในน้ำทั้งลึกและเย็นขนาดนั้น จะไม่ป่วยได้อย่างไร ฮูหยินท่านไม่ควรจะเอาแต่เกียจคร้านเช่นนี้”

“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า หากเจ้าไม่ผลักนางลูกข้าคงไม่ตกลงไปในน้ำ”

“ฮึก! ท่านน้าทำน้องสาว”

“ชิวอี๋ เจ้าทำแบบนั้นรึ!” คำพูดของภรรยาเอกเขาไม่ได้ให้ความสนใจนัก แต่คำพูดของบุตรชาย ทำให้เขาหันมามองอนุที่อยู่ข้างกายอย่างจับผิด

เมื่อเห็นว่าปิดไม่ได้จึงสารภาพออกไป แต่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด นางอยู่ข้างกายเขาพอจะรู้ว่าไม่ชอบคำโกหก หากปฏิเสธแล้วจับได้ภายหลังตนอาจถูกขับไล่ออกไป มิสู้บิดเบือนเอาจะดีกว่า คอยสุมไฟอีกนิด อย่างไรก็ไม่ได้ชอบภรรยาเอกอยู่แล้ว

“มันเป็นอุบัติเหตุเจ้าค่ะ ข้าเพียงขอให้ฮูหยินซักผ้าให้ แต่นางกลับตำหนิข้า พวกเราทะเลาะกัน และหลิงเอ๋อร์เข้ามาในช่วงชุลมุนมือข้าจึงเผลอไปโดนนาง ท่านพี่! ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหากฮูหยินไม่หาเรื่องข้า”

“ไม่จริง! เป็นเจ้าที่หาเรื่องข้าก่อน และเจ้ายัง.”

“ท่านพี่ ข้าไหนเลยจะกล้าทำแบบนั้น นิสัยใจคอของภรรยาท่านออกจะคับแคบเกินไป ข้าเองก็อยากอยู่อย่างสงบ ไม่ได้อยากก่อเรื่อง”

“ท่านพี่!”

“พอแล้ว ข้าไม่อยากฟังเจ้าแก้ตัว ทำไมกัน! เจ้าถึงไม่เคยทำให้ข้าสบายใจได้เลย หากรู้ว่าแต่งเข้ามาแล้วจะสร้างเรื่องขนาดนี้ ข้าคงบอกท่านแม่ให้เปลี่ยนเจ้าสาวแต่แรก”

“ท่าน! เหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้ ท่านดูหมิ่นข้าต่อหน้าอนุได้อย่างไร”

“เพราะข้าชังน้ำหน้าเจ้า! ถ้าทนไม่ได้ก็ไปเสีย ข้าจะเขียนใบหย่าให้” สามีสะบัดแขนเสื้อเดินออกจากห้องไป เพราะไม่อยากเห็นหน้าภรรยา อนุจอมสอพลอส่งยิ้มเย้ยหยันก่อนจะเดินเชิดหน้าตามไปอีกคน ทิ้งให้ฮูหยินร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บช้ำและคับแค้นใจ

“ท่านแม่ฮึก! ท่านอย่าร้องไห้เลยนะขอรับ”

“หลงเอ๋อร์ลูก! ฮื่อ ๆ” สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้ระงม ดูน่าเวทนายิ่ง

“พี่สะใภ้” เสียงของน้องสามีที่ออกมาจากในห้อง ทำให้คนที่ร้องไห้จูงมือบุตรชายมาหา ดีที่เขารู้วิชาแพทย์จึงสามารถรักษาบุตรสาวตนได้โดยไม่ต้องรอหมอจากข้างนอก

“น้องรอง หลิงเอ๋อร์เล่า เป็นอย่างไรบ้าง ไข้ลดลงหรือยัง”

“ดีขึ้นแล้ว แต่ยังอ่อนเพลียอยู่มาก คืนนี้ท่านต้องดูแลให้มากหน่อย หมั่นเช็ดตัวบ่อย ๆ หลังจากนั้นเราต้องมาดูกันว่าจะมีผลกระทบใดตามมา”

“หมายความว่าอย่างไร!”

“ถึงท่านจะช่วยไม่ให้นางจมลง แต่กว่าข้าจะพาท่านสองคนขึ้นมาได้ เด็กแช่น้ำนานเกินไป ไม่แน่ว่าอาจทำให้ร่างกายมีไอเย็นสะสมจนป่วยง่าย อย่างดีอาจแค่เป็นหวัดตอนอากาศเปลี่ยน”

“แล้วหากร้ายล่ะ! จะเกิดอะไรกับนาง”

“ในอนาคตอาจมีลูกยาก”

“นี่มัน!”

“แต่ท่านอย่าเพิ่งกังวลไป ข้าเพียงตั้งข้อสงสัยเท่านั้น ไม่แน่ว่าหากดูแลดี ๆ นางจะไม่เป็นไร”

“พี่สะใภ้ อย่าหาว่าข้าสอนเลย คราวนี้ระหว่างท่านกับอนุมันรุนแรงกว่าทุกครั้ง และคนที่ได้รับผลกระทบก็เป็นหลิงเอ๋อร์ ข้ารู้ว่ามันอาจจะฟังดูแย่ที่ต้องบอกว่า ท่านอ่อนแอเกินไปที่จะปกป้องพวกเขา”

“ข้าทำทุกอย่างแล้ว เช่นนั้นเจ้าบอกข้าสิว่าต้องทำอย่างไร”

“คำตอบ ท่านน่าจะรู้ดีที่สุด วันนี้ข้าพูดในฐานะของหมอคนหนึ่ง ไม่ใช่น้องชายของสามี ท่านจงเก็บไปทบทวนดูเถิด”

“ท่านแม่ขอรับ ท่านอาหมายถึงอะไร”

“….” มารดาเพียงลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้บุตรชาย แต่ไม่ตอบคำถามเขา นางรู้สิ่งที่น้องสามีพยายามบอกดี แต่นางไม่อาจทำมันได้และกลัวผลลัพธ์ที่จะตามมา

ทว่าตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้นางยอมอดทนอดกลั้นกำลังจะหมดลง เมื่อบุตรสาวจับไข้หนักและไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว ด้วยความหวาดกลัวว่าจะไม่เห็นลูกอีก จึงคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่จากไปไหน

“นี่มันอันใดกัน เจ้าจะเฝ้าให้ได้อะไรขึ้นมา งานบ้านงานเรือนปล่อยทิ้งขว้างให้อนุไว้เช่นนั้น มันถูกต้องแล้วรึ!”

“ข้าไม่กล้าละสายตาไปจากลูก ข้ากลัวว่าลูกจะตกใจตอนตื่นขึ้นมา”

นางไม่สนใจถ้อยคำตำหนิของสามี ยิ่งไม่สนใจคำป้ายสีของอนุนางนั้น สำหรับนางแล้วความเป็นความตายของหลิงเอ๋อร์สำคัญที่สุด แม้น้องสามีจะยืนยันว่าบุตรสาวไม่เป็นไร ทว่าเด็กหญิงกลับไม่ฟื้นเช่นนี้ แล้วผู้เป็นแม่จะวางใจได้หรือ

“จงลุกไปจัดการงานของเจ้าเสีย ข้าไม่ได้แต่งเจ้าเข้ามานั่งกินนอนกิน”

“ใช่ ท่านแต่งข้าเข้ามาเป็นทาสรับใช้ แล้วรับนางเข้ามาเสวยสุข ให้ฮูหยินซักผ้าทำงานหนักในขณะที่อนุนอนกระดิกเท้า จิกหัวใช้ข้า ด่าทอข้า ทำร้ายลูกข้าจนนอนไม่ได้สติ! กี่ปีที่ข้าก้มหน้าอดทนไม่มีปากไม่มีเสียง แค่ถามสักคำยังไม่เคยมี แต่วันนี้ขนาดลูกไม่สบายท่านกลับสนใจแต่เมียน้อย เชิญออกไปเถอะ! ข้าเองก็เหนื่อยจะมองหน้าท่าน”

“เจ้า! ดี ข้าเลี้ยงดูเจ้าให้กินดีอยู่ กลับอ้างว่าเหนื่อย คนอย่างข้าไม่น่าแต่งกับเจ้า”

“ข้าเองก็ไม่ได้ขอให้ท่านมาแต่งเหมือนกัน เป็นสามีที่เพิกเฉยข้าไม่เคยคิดน้อยใจ แต่เป็นพ่อที่ไม่แม้จะถามว่าลูกเป็นอย่างไร ข้าขอถามท่าน ความเป็นพ่อมีบ้างหรือไม่”

เพี้ยะ!

“ท่านแม่!”

ใบหน้าที่หันตามแรงตบของผู้เป็นสามี ทำให้ภรรยามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางกุมแก้มที่แดงช้ำเอาไว้หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้ม หูอื้อมึนงงไปชั่วขณะ มีสายตาเยาะเย้ยจากคนที่แอบดูอยู่ด้านนอก เด็กชายวิ่งเข้ามากอดมารดาร้องไห้ตาแดง แม้จะหวาดกลัวบิดา แต่ยังกางแขนปกป้องผู้เป็นแม่

“ท่านพ่อ ทำไมท่านต้องตีท่านแม่ด้วย!”

“หุบปาก! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาสอดได้ หลบไปก่อนที่เจ้าจะเจ็บตัวอีกคน”

“ท่านกล้าหรือ เขาเป็นลูกของท่านนะ!”

“เพราะมันเป็นลูกข้า! จะตบตีสั่งสอนอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่พวกเจ้ายังซุกหัวอยู่บ้านข้า! กินของข้า! ใช้ของข้า!”

“ฮึก!” ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล่าวออกมาแบบนี้ หลายปีที่แต่งงานอยู่กินกันมา มันไม่มีความหมายต่อเขาสักนิดเลย อย่างน้อยก็ควรจะมีความรับผิดชอบความผูกพันบ้าง

“จงออกไปทำงานอย่างที่เจ้าเคยทำ ไม่อย่างนั้นก็ไสหัวออกไปจากบ้านข้า ทั้งหมดเลย!”

“ฮื่อ ๆ ท่านแม่ขอรับ ท่านพ่อไล่เราแล้ว”

“ฮึก! ฮื่อ ๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” สองแม่ลูกกอดกันร้องห่มร้องไห้ มีเสียงหัวเราะของอนุลอยมาเข้าหู และเปลี่ยนเป็นเสียงออดอ้อน ประจบประแจงเอาใจเขา

ท่านลองคิดดูนะ

“เอาล่ะ หลงเอ๋อร์ฮึก! เจ้าอยู่กับน้องนะ แม่จะไปซักผ้าทำอาหารให้พ่อเจ้า”

“ท่านแม่ทำไมขอรับ! ทำไมท่านพ่อถึงทำกับเราแบบนี้ ทำไมท่านพ่อสนใจแต่อนุด้วย พ่อไม่รัก ไม่ต้องการเราหรือ ท่านแม่ข้าไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ข้าไม่มีความสุขเลย” เด็กชายปาดน้ำตาและกล่าวสิ่งที่ติดอยู่ในใจมานาน เขาเหลือบมองน้องสาวที่นอนไม่ยอมตื่นขึ้นมาเล่นกับตนเหมือนทุกวัน

มารดาปวดหัวใจยิ่ง คำพูดของลูกไม่ต่างค้อนที่ทุบลงมาซ้ำยังชิ้นเนื้อที่เหวอะหวะจนแหลกเหลว สร้างความเจ็บและทุกข์ทรมานจนเจียนตาย

“เฮ้อ! เวรกรรมจริง ๆ” เขาเองก็สงสารพี่สะใภ้กับหลาน ๆ แต่ไม่อาจสอดมือเข้าไปยุ่ง เพราะจะทำให้พวกนางแม่ลูกถูกคลางแคลงใจ อนุนามว่าชิวอี๋รู้จักกลับขาวให้เป็นดำ ตัวเขาไม่ได้กลัวพี่ชายจะตำหนิเพราะไม่เคยพึ่งพา ที่มาถึงวันนี้ได้ล้วนดิ้นรนด้วยตนเอง อย่างมากเพียงย้ายออกไป แต่ที่รั้งอยู่เพื่อคอยช่วยเหลือหลานไม่ให้ถูกรังแก จึงเดินเข้าไปสอบถามอาการของนาง

“ท่านอา”

“น้องสามี”

“อืม วันนี้หลิงเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”

“นางยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลย”

“น่าแปลก! ข้าตรวจดูอย่างละเอียดแล้วพบว่านอกจากมีไข้เป็นครั้งคราวก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทำไมจึงยังไม่รู้สึกตัวอีก” ถึงจะไม่ใช่หมอเทวดา แต่เขามั่นใจว่าตนตรวจวินิจฉัยไม่ผิดแน่ ทั้งยังคอยตรวจชีพจรหลานทุกวันพบว่าเต้นปกติ จึงนั่งลงตรวจดูอีกครั้ง

“เป็นอย่างไรบ้าง”

“ปกติดี แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ตื่นขึ้นมา”

“แคก ๆ”

“หลิงเอ๋อร์!!!” ทั้งสามดีใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงเริ่มขยับตัว ดวงตาที่ปิดสนิทจะค่อย ๆ ลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก

“น้ำ.. ข้าหิว น้ำ!”

“ได้ ๆ มาแม่จะป้อนเจ้าเอง”

“อึก ๆ ขออีก”

“ค่อย ๆ อย่าให้นางดื่มเร็วนัก” เห็นหลานรีบดื่มน้ำจึงเตือน เพราะหลับไปหลายวันเกรงจะทำให้กระเพาะลำไส้ปรับสภาพไม่ทัน

หลังจากสอบถามจนแน่ใจแล้วว่านางไม่เป็นอะไร ผู้เป็นอาจึงกำชับสองสามคำก่อนจะไปต้มยามาให้หลาน มารดาเองก็สบายใจขึ้นมา และต้องไปทำงานบ้านจึงวานให้บุตรชายอยู่เป็นเพื่อนน้องสาว เพราะหากไปช้าอีกนิด สามีคงได้ปาใบหย่าและขับไล่ตนกับลูกออกจากบ้าน

“พี่ชาย ข้าหลับไปนานเลยหรือ”

“ใช่ เจ้าหลับไปหลายวันมาก ท่านแม่มานั่งเฝ้าเจ้า นั่งร้องไห้ทุกวัน กลัวเจ้าจะเป็นอะไร”

“ท่านก็ร้องด้วยใช่มั้ย ตายังแดงอยู่เลย”

“อันนี้ไม่ใช่”

“หือ แล้วมันยังไง ทำไมท่านถึงร้องไห้ล่ะ”

“เพราะท่านพ่อตีท่านแม่ ยังบอกอีกว่าจะไล่พวกเราไป”

“ใจร้าย! ท่านพ่อคนนี้ใจร้ายที่สุด”

“….” เขาเองก็เห็นด้วยกับน้องสาว บิดาไม่ชอบไม่รักพวกเขา ชอบบอกว่าพวกตนเป็นตัวภาระที่สิ้นเปลือง แต่อนุก็ไม่ทำอะไร ทำไมพ่อถึงรัก นางพูดอะไรพ่อก็เชื่อ กลับดุด่าแม่ ทั้งที่แม่ไม่ผิดและยังโดนรังแก

“พี่ชาย ท่านว่าเราหาพ่อใหม่กันดีมั้ย”

“หา!”

“พ่อใหม่ไง พ่อคนนี้ไม่ดีเลย เราบอกท่านแม่หาพ่อใหม่กันเถอะ”

“แล้ว! แล้วจะทำแบบนั้นได้ยังไง! พ่อใหม่ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ สักหน่อย”

“ไม่รู้ แต่พ่อคนนี้ข้าไม่อยากได้”

“….” น้องสาวเขาไปเอาความคิดแปลก ๆ นี้มาจากไหน

ผ่านไปหลายวันอาการของหลิงเอ๋อร์ก็หายดี บิดาไม่ได้มาเยี่ยมนางอีก เขาบอกว่าหายก็ดีแล้ว นั่นแหละที่คนเป็นพ่อพูดออกมา เด็กหญิงเกาะติดมารดาไม่ยอมห่าง คอยสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ดีหน่อยที่บิดาหนีบเอาอนุไปทำงานด้วยจึงไม่ได้มาหาเรื่องพวกนางอีก และวันนี้นางกำลังนั่งเท้าคางมองท่านแม่ตาใสแจ๋ว

“มองแม่เช่นนี้ มีอะไรอย่างนั้นหรือ”

“ข้ากำลังคิดว่า ท่านแม่ก็สวย ขนาดไม่แต่งตัวยังดูดี แล้วทำไมท่านพ่อถึงไม่ชอบท่านแม่”

มือที่กำลังตัดผักชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจออกมา

“น้องสาว! ทำไมเจ้าจึงพูดกับท่านแม่แบบนั้น ไม่น่ารักเลยนะ”

“ข้าพูดความจริง เราต่างก็เห็นว่าท่านพ่อกดหัวท่านแม่ ด่าท่านแม่ เอะอะก็ไล่ ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับท่านน้าเลย”

“น้องสาว!”

“ท่านแม่ ข้าพูดไม่ถูกหรือ”

“เจ้าพูดถูก เพียงแต่ด้วยวัยของเจ้าจึงดูไร้มารยาทค่อนไปทางก้าวร้าว”

“ท่านแม่ ท่านว่าหากข้าโตขึ้น แล้วท่านน้าบอกให้ข้าแต่งกับคนไม่ดี ท่านพ่อจะทำตามไหม”

“เจ้าพูดอะไรแบบนั้น!” คราวนี้มารดาทำเสียงดุ ไม่เข้าใจว่าทำไมบุตรสาวจึงเอ่ยเช่นนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีแนวโน้มจะทำแบบนั้น ยังมีหลงเอ๋อร์อีกคน หากพวกเขาพี่น้องได้คู่ครองที่แย่ชีวิตจะหาความสุขได้หรือ พอคิดขึ้นมาก็ปวดหัวนัก แม้จะยังมีเวลาอีกหลายปีแต่นางไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

“ท่านแม่ ข้ากลัวจังเลย ข้ากลัวว่าจะถูกตีเหมือนท่าน เหนื่อยเหมือนท่าน ข้าไม่อยากให้ลูกหลานต้องอยู่อย่างหวาดกลัว”

“หลิงเอ๋อร์! แม่ไม่ดีเอง เพราะแม่อ่อนแอเกินไปจึงไม่อาจทำให้เจ้าสองคนเป็นสุขได้”

“ท่านแม่เจ้าคะ สมมุติว่าท่านพ่อจะหย่า ท่านพาข้ากับพี่ชายไปด้วยนะ ข้าไม่ชอบพ่อคนนี้เลย ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าอยากมีพ่อใหม่”

ตู้ม!!! อีเหนียงเหมือนจะหลุดไปอยู่ยังพื้นที่เวิ้งว้างอันมืดมิดเพียงลำพัง หลงเอ๋อร์ยกมือปิดปากอย่างเหลือเชื่อ น้องสาวพูดคำนี้ออกมาแล้ว เขาควรจะทำอย่างไรดีเพื่อปลอบท่านแม่ แต่ลึก ๆ เด็กชายก็คล้อยตามกับคำพูดของน้องสาว เขาเบื่อพ่อใจร้ายขี้โมโหคนนี้เหมือนกัน

“ท่านแม่ลองคิดดูนะ ถ้าไม่มีท่านพ่อ ท่านแม่จะไม่ต้องเหนื่อยซักผ้าถูบ้านทำกับข้าว พ่อนะเจ้าระเบียบรักสะอาด ฝุ่นติดนิดเดียวก็เสียงดังลั่นบ้านแล้ว ท่านต้องเช็ดทำความสะอาดบ้านวันหนึ่งหลายครั้ง เช็ดจนข้าเดินลื่นจนจะล้ม ถึงอย่างนั้นท่านพ่อยังว่าท่านทำไม่สะอาดสั่งให้ถูพื้นกลางดึกก็ยังมี”

“หญ้างอกแค่ติ๊ดเดียวไม่ทันถอนก็บ่น ต้นไม้ก็ผลัดใบหล่นไปทั้งวัน หากเก็บไม่ทันแล้วท่านพ่อมาเห็นก็ดุท่าน แถมยังกินยาก เผ็ดไม่ได้หวานไม่เอาเค็มไม่ชอบ ปลาก็บ่นว่าคาว หมูติว่ามันเยอะ เนื้อบอกเหนียวเคี้ยวเมื่อยปาก ผักบอกเหม็นเขียว ข้าวแฉะบอกคลื่นไส้ แข็งไปบอกฟันจะหัก กับข้าวซ้ำกันก็ไม่ยอมกิน จะให้ทำใหม่ท่าเดียว พอถึงเวลามาตำหนิท่านว่าใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายสิ้นเปลือง”

เด็กหญิงกล่าวแค่นั้นดวงตากลมเหลือบมองมารดาที่สีหน้าเริ่มจะเข้มขึ้น ลมหายใจถี่และค่อนข้างแรง บ่งบอกถึงภาวะอารมณ์ที่กำลังก่อตัว จึงสุมไฟให้แรงขึ้น

“ยังเสื้อผ้าที่ใส่ขาด กลับมาแทนที่จะให้ท่านเอาไปเย็บดี ๆ กลับบอกว่าเพราะท่านซักแรงไปทำให้ขาดง่าย พอท่านขยี้เบา ๆ กลับพูดว่าแรงเจ้าหายไปไหนหมด หัดทำอะไรให้มันเหมือนชาวบ้านหน่อย ไม่ชอบให้อบกำยาน แต่บอกท่านซักผ้าตากผ้าไม่หอม และยังบังคับให้ท่านซักของเมียน้อย เอ๊ย! ท่านน้าที่เป็นอนุคนโปรด เกิดมาตัวเท่านี้ ข้ายังไม่เคยได้ว่าเมียเอกบ้านไหน ต้องคอยตามรับใช้เมียน้อย เอ๊ย! อนุเลย”

“ท่านแม่ ท่านแต่งเข้ามาสกุลหลี่เพื่อมาเป็นสาวใช้หรือเจ้าคะ แล้วภายหน้าข้าแต่งงานจะต้องเป็นเหมือนท่านรึเปล่า หากต้องทำเช่นนั้นแล้ว ข้าจะไม่แต่งงานขอหนีไปบวชชีอยู่วัด เช้าสวดมนต์ เย็นสวดมนต์ ยังได้บุญได้กุศลผลนั้น ตายไปข้าจะได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน”

“….” อีเหนียงหันขวับทอดสายตามองบุตรสาว กวาดขึ้นกวาดลงรอบหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าบุตรชาย

“ท่านแม่ ข้าว่าท่านเปลี่ยนพ่อให้พวกเราเถอะขอรับ” ปฏิเสธไม่ได้ ว่าที่น้องสาวพูดมาถูกต้องหมดเลย ตกลงพ่อคนนี้ไม่มีข้อดีให้ชื่นชม มีแต่เสียล้วน ๆ

“….!!!” หลงเอ๋อร์เจ้าก็ด้วยรึ

ห่างออกไปไม่ไกล หลี่เหมินถือถ้วยยาค้างเติ่งไม่กล้าเดินเข้ามา เขากะพริบตาสองสามครั้งก่อนไหล่สองข้างจะไหวสั่น และพยายามจะไม่หลุดขำออกมา หลานสาวคนนี้ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา ช่างปากคอเราะรายยิ่งนัก นางสาธยายเสียจนบิดาเจ้าเป็นคนไม่ดี แต่เถียงไม่ได้นะ เพราะที่พูดมานั้นไม่มีสิ่งใดไม่เป็นความจริง

“เช่นนั้นข้าควรเอายามาให้นางกินทีหลัง เข้าไปตอนนี้นางจะเขินได้”

เขาเดินยิ้มกลับไป ในใจคิดว่าครั้งนี้พี่ชายจะเจอเรื่องปวดหัวแล้ว และไม่อยากเข้าไป เกรงว่าหลานอาจจะทำตัวไม่ถูกหากรู้ว่าผู้เป็นอาได้ยิน

นับจากตอนนั้น หลิงเอ๋อร์ได้คอยพูดเป่าหูมารดาเสมอ และช่วงที่บิดาไม่อยู่เด็กหญิงมักจะชี้หาแต่ข้อเสียของบิดาซึ่งนางจะไม่พูดเรื่อยเปื่อย คัดความจริงมากรอกหูเช้าค่ำ ด้วยท่านพ่อหลงอนุชิวอี๋ผู้นั้นมากจึงไม่เคยมาหาท่านแม่เลย เด็กหญิงใช้โอกาสนี้แหละกระตุ้นมารดา

“ท่านแม่อย่างนั้น”

“ท่านพ่อเป็นอย่างนี้”

อีเหนียงถูกลูกพูดให้ฟังตลอดเวลา ตอนแรกรู้สึกไม่พอใจตอนที่บุตรสาวเอ่ยปากถึงบิดา แต่นานเข้าก็เริ่มรู้สึกว่าลูกยังเล็กกลับมองเห็นข้อเสีย แบบนี้เขาจะต้องแย่ขนาดไหน สะสมเป็นความผิดหวังและเสียใจที่แต่งงานกับเขา และไม่ใช่เพียงมารดาที่คิดเช่นนั้น หลงเอ๋อร์พี่ชายเองก็คิดไม่ต่างกันซึ่งเป็นผลจากการถูกน้องสาวกล่าวยุให้ฟังทุกวันนั่นเอง

เห็นมั้ยข้าบอกแล้ว

เด็กหญิงกำลังใช้นิ้วชี้เขี่ยวนขมับทั้งสองข้างของตน เพื่อจะได้เกิดปัญญาผุดความคิดดี ๆ ที่จะทำให้แม่ตัดพ่อได้อย่างเด็ดขาด ถึงตอนนี้จะเริ่มเอนเอียงแล้วก็ตามแต่การจะพานางกับพี่ชายไปจากพ่อก็ไม่ใช่จะทำได้ง่าย ๆ ท่านแม่นะถูกสอนมาให้เป็นช้างเท้าหลัง หารู้ไม่ว่าควาญช้างดีกว่าเยอะเลย

“น้องสาว นั่นทำอะไร?” พี่ชายเห็นน้องเอานิ้วแตะน้ำลายที่ปลายลิ้น แล้วจึงนำขึ้นไปนวดขมับ หรือว่านี่จะเป็นวิธีรักษาอาการปวดหัวแบบใหม่

“ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่”

“ใช้ความคิด ใช้ทำไม ไม่เข้าใจ”

“ก็ใช้หาพ่อใหม่ไง”

“เอ๋! มันใช้ได้ด้วยหรือ น้ำลายนะ”

“อืม อันที่จริงก็ไม่เกี่ยวหรอก ทำไปอย่างนั้นเฉย ๆ”

“อ้าว! แบบนี้จะต้องสระผมนะ สกปรก”

เจ็บจี๊ดเลย! พี่ชายกำลังบอกว่าข้าซกมกใช่ป่ะ จะว่าไปมันมีกลิ่นตุ ๆ สงสัยจะต้องแปรงฟันให้สะอาดกว่านี้

“น้องสาวไปเร็ว ท่านพ่อกับเมียน้อยใกล้จะมาแล้ว หนีเข้าห้องกัน”

“ไป ๆ ข้าไม่อยากเห็นหรอก ไม่ชอบเลย!”

“ข้าก็ไม่ชอบ!”

ตอนนี้สองพี่น้องไม่ปลื้มบิดาตนเอามาก ๆ จึงหลบหน้าไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็น และพวกเขาไม่ได้ร่วมโต๊ะกับบิดานานแล้ว จะว่าไปน่าจะตั้งแต่เขาเอาชิวอี๋เข้าบ้าน หากไม่ใช่เพราะท่านปู่ท่านย่าตายไป พ่อคงไม่สามารถพาคนรักเก่าเหยียบผ่านประตูบ้านเข้ามา เนื่องจากท่านทั้งสองไม่ชอบสตรีนางนี้ ถึงได้ให้แม่สื่อทาบทามท่านแม่มาเป็นสะใภ้แทน และยังเมตตาเอ็นดูไม่คิดรังเกียจ แม้ชาติกำเนิดจะไม่เหมาะสมกับบุตรชายก็ตาม

“อันใดกัน! ทำไมบ้านช่องจึงมีแต่ฝุ่นเยี่ยงนี้ ฮูหยินเจ้าหัดขยันและเกียจคร้านให้น้อยลงหน่อยเถอะ”

“ข้าทำแล้ว แต่มีลมพัดเข้ามา จึงมีฝุ่นให้เห็นอยู่บ้าง”

“ข้ออ้าง” อนุคนโปรดเหลือกตาแบะปากใส่ภรรยาเอกอย่างไม่สนหน้าใคร เมียหลวงแล้วไง สามีไม่เอามันจะมีประโยชน์อะไร เพียงของเก่าค้างปี

“หากอนุเช่นเจ้าทำได้ดีกว่าข้า เช่นนั้นเจ้าก็ลองมาทำให้เป็นตัวอย่างสักวันสิ”

“คิก ๆ ที่แท้ฮูหยินริษยาที่ข้าได้ไปไหนมาไหนกับท่านพี่ จึงแกล้งทำลวก ๆ โธ่! ไม่คิดว่าตัวท่านเองกำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านพี่ด้วยการเอางานบ้านมาต่อรองอยู่หรือ เด็กจังเลยนะเจ้าคะ!”

ทำให้โง่สิ คนฉลาดเขารู้จักใช้ปากเจรจา ไม่เหมือนพวกไม่มีสมอง ก้มหน้าทำงาน จงเป็นขี้ข้าต่อไปเถอะ อย่าสะเหล่อ!

“ฮูหยิน เจ้านี่ช่างเบาปัญญานัก ชอบก่อเรื่องหาความผู้อื่น”

“ข้าเปล่า”

“ยังจะเถียงอีก แทนที่จะรีบจัดการทำให้เรียบร้อย ยืนเซ่ออยู่ทำไมกัน”

“ข้าไม่ว่าง ต้องไปกับข้าวต่อ นอกจากว่าท่านจะไม่กิน เช่นนั้นข้าจะทำให้หมดจดไม่มีฝุ่นสักเม็ด”

“อีเหนียง!”

“ตกลงจะให้ข้าเก็บวิญญาณฝุ่นอยู่รึไม่ จะได้ไปหอบถังน้ำกับผ้ามา”

หลี่หวงอึ้งกับวาจาแปลก ๆ ของภรรยา ที่จริงหมู่นี้นางดูเบื่อหน่ายแต่ไม่เคยโต้เถียงเขาจึงไม่สนใจ ทว่าวันนี้นางกลับมองเขาเหมือนตัวน่ารำคาญทั้งยังทำเฉยเมยต่างจากทุกครั้งที่จะบีบน้ำตาขอความเห็นใจ ไม่แม้จะมองหน้าหรือสบตาตน บางทีอาจทำไปเพื่อเรียกความสนใจจากเขา

“ย่อมต้องเช็ด ในเมื่อเจ้าไม่อยากทำอาหารนักเช่นนั้นก็ไม่ต้องทำ ข้าจะพาชิวอี๋ออกไปเหลาอาหาร ถือว่าพานางไปผ่อนคลาย ส่วนเจ้าก็ทำงานไป แต่อย่าให้มีฝุ่นสักเม็ดตอนข้ากลับมา”

ถึงแม้ว่าการกินอาหารข้างนอกหนึ่งมื้อจะแพงมาก แต่เขาไม่จำเป็นต้องง้อนาง ถึงกับกล้าต่อรองว่าจะไม่ทำข้าวเย็น ก็ลองดูว่าเจ้าจะทำให้ไม่มีฝุ่นได้รึไม่

อี๋เหนียงไม่กล่าวคำใด เดินออกไปหาถังน้ำกับผ้ามาเช็ดทำความสะอาดใหม่อย่างที่เขาต้องการ ตอนนี้นางเริ่มมีความคิดว่าการอยู่ที่นี่มันแย่จริง ๆ และคงปวดใจมากหากวันหนึ่งบุตรมีชะตาเดียวกันกับตน หรือนางควรหาช่องทางทำกินไว้แต่เนิ่น ๆ เมื่อมีเงินมีงานแล้วจะพาลูกออกไปอยู่เองได้ ไม่ต้องเหนื่อยเป็นบ่าวให้ใคร สมองครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดี มือก็สาละวนทำงาน หยิบผ้ามาเช็ดทำความสะอาดไปด้วย ไม่ได้สนใจสามีกับอนุภรรยาที่มองมา

“ท่านพี่ดูฮูหยินสิเจ้าคะ นางคิดท้าทายท่านด้วย เดี๋ยวนี้ชักจะหัวแข็งใหญ่แล้ว”

“ไปกันเถอะ”

ก่อนไปทั้งคู่ยังใช้หางตามองอีเหนียง ที่ยืนเช็ดทำความสะอาดอย่างเป็นธรรมชาติเช่นเดิม หลี่หวงรู้สึกไม่ชอบใจนักที่เห็นภรรยาทำแบบนี้จึงเดินออกไปออกไปอย่างขุ่นมัว

“สุดยอด! ท่านแม่เถียงท่านพ่อด้วย”

สองพี่น้องที่แอบดูอยู่แทบจะปรบมือให้มารดา ต้องแบบนี้สิขืนยังก้มหน้าเหมือนเดิมท่านจะต้องเหนื่อย พูดหนึ่งคำลดงานไปได้หนึ่งอย่าง บิดาเรื่องมากขนาดนั้นทำดีให้ตายอย่างไรเขาก็หาเรื่องมาบ่นท่าน

“พี่ชายเราไปช่วยท่านแม่กัน”

“ช่วย?”

“อื้อ” เด็กหญิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ทำไมพอเขาเห็นน้องยิ้มถึงไม่สบายใจเลย

“แท่น แทน แท้น!”

“เอ่อหลิงเอ๋อร์ แม่ว่าเจ้าทำแบบนี้คงไม่ดีนะลูก”

“ทำไมไม่ดีเจ้าคะ ท่านพ่อบอกว่าห้ามไม่ให้มีฝุ่น นี่ไงไม่มีเลยสักเม็ด”

“….” พี่ชายกับมารดาคิดตามแล้วก็เห็นด้วย เพียงแต่มันค่อนข้างจะหัวหมอไปหน่อยแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเอาน้ำมาราดพื้นจนเจิ่งนองทำไม่มีฝุ่นจริง ๆ

“ท่านแม่อย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ข้าหิวแล้ว วันนี้ท่านทำบะหมี่ให้ข้ากินได้มั้ย ป่านนี้ท่านพ่อกับเมียน้อยเอ๊ย! ท่านน้าคงกำลังนั่งกินของอร่อยกันสองคน” ยุเข้าไป ยุให้แม่เบื่อพ่อเร็ว ๆ

“ได้ วันนี้ข้าจะทำบะหมี่ไก่ฉีกให้เจ้าสองพี่น้องกิน”

“ขอไข่ต้มด้วยได้ไหมขอรับ”

“ได้สิ วันนี้พ่อเจ้าไม่อยู่ เราจะกินอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“ดีจังเจ้าค่ะ แต่เสียดาย”

“อะไรหรือ หืม”

“ถ้าท่านแม่มีเงินเป็นของตัวเอง หาได้เอง เวลาจะทำหรืออยากซื้ออะไร ก็ไม่ต้องเกรงใจ ต้องคอยมองสีหน้าท่านพ่อ ข้าเห็นเด็กบางคนเดินไปอ้อนขอซื้อขนมแล้วอิจฉามาก”

“จริงของเจ้า แต่ลูกชาวนาอย่างแม่ นอกจากออกไปรับจ้างใช้แรงงานแล้ว อย่างอื่นก็ทำไม่เป็น อีกทั้งลำพังดูแลบ้านให้ถูกใจบิดาเจ้าแทบไม่ว่างไปทำอย่างอื่น”

“เช่นนั้นเราก็ใช้เวลาที่ท่านพ่ออยู่กับท่านน้าสิเจ้าคะ อีกอย่างท่านพ่อบ่นท่านแม่ทุกวัน ทำไม่ทำท่านพ่อก็พูด”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า ทำก็ด่า ไม่ทำก็ด่า เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำใช่มั้ย”

“ข้าเปล่านะเจ้าคะ! ข้าเป็นเด็กดี จะบอกแบบนั้นได้ยังไง”

“โอ้! เด็กดีที่ขอให้ข้าหาพ่อใหม่ให้สินะ”

“แหม! ท่านแม่ก็ พ่อเก่าไม่ดีข้าต้องอยากได้ใหม่เป็นธรรมดา”

“ฟังเจ้าพูดเข้า เรื่องอื่นช่างก่อน เราเข้าครัวทำบะหมี่กินกัน”

“ขอรับ / เจ้าค่ะ”

อีเหนียงมองลูก ๆ วิ่งนำหน้าไปอย่างร่าเริง ดูเหมือนว่าพวกเขาพี่น้องไม่ได้น้อยใจงอนบิดา และพูดไปอย่างนั้นเอง แต่ทั้งคู่ดูไม่ต้องการพ่อของพวกเขาจริง หากเป็นเช่นนี้นางควรจะลองทำตามใจตัวเองสักครั้ง

ความจริงแล้วอีเหนียงไม่ได้รักใคร่ชอบใจสามีตนนัก นางแต่งงานเพราะขัดคำบิดามารดาไม่ได้ ยิ่งเห็นว่าเขาไม่เคยพอใจตน แม้จะปรนนิบัติทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ไม่เพียงไม่ให้เกียรติแต่ยังทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ ทั้งวาจาการกระทำ ที่น่าแค้นใจคือเขาแต่งเอาอนุนามว่าชิวอี๋เข้าบ้านอย่างยิ่งใหญ่ จนผู้คนต่างหัวเราะเย้ยหยันเมียเอกเช่นตน

ทั้งปล่อยให้สตรีผู้นี้เหยียบหัวรังแก ถึงอย่างนั้นนางพยายามอดทนจนกระทั่งอีกฝ่ายผลักบุตรตกน้ำ สามีกลับเชื่ออนุและกล่าวโทษด่าทอตน ลูกนอนไม่ได้สติคนเป็นพ่อเอาแต่กกกอดเมียน้อยไม่สนใจ มีแต่หลี่เหมินที่เที่ยวมาดูหลานหาหยูกยาคอยดูแลเป็นอย่างดี ฟางเส้นสุดท้ายจึงขาดผึง หลิงเอ๋อร์พูดถูก มีพ่อเช่นนี้ไม่ต้องมีก็ได้

“ท่านพี่ อาหารไม่ถูกปากหรือเจ้าคะ” ชิวอี๋เห็นสามีเอาแต่เขี่ยอาหารในจาน ทว่ากินเข้าไปจริงแค่ไม่กี่คำ นางรู้ว่าเขาเป็นคนเรื่องมากกินยาก แต่อย่างไรก็สั่งมาตั้งมากจะทิ้งขว้างคงทำให้พ่อครัวรู้สึกไม่ดี เพราะนางรู้จักกับคนในภัตตาคารนี้หลายคน จึงเกรงอกเกรงใจพวกเขา

“เปล่าหรอก แต่ข้าไม่อยากอาหารเท่าใด” หลี่หวงถอนหายใจ ก่อนจะวางตะเกียบลง มองของมันเลี่ยนน้ำมันลอยเยิ้มแล้วไม่อยากจะกลืน อุตส่าห์กำชับเรื่องรสชาติแต่เหมือนพวกเขาจะไม่ใส่ใจ

“ท่านก็ฝืนกินสักหน่อย ไม่เช่นนั้นดึกจะหิวและล้มป่วย ทำงานหนักขนาดนี้หากไม่รักษาสุขภาพจะส่งผลเสียต่อร่างกายในอนาคต”

“ล้วนเป็นเจ้าที่ใส่ใจห่วงใยข้า”

“ข้าย่อมห่วงท่านเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้น ข้าจะกินรองท้องสักหน่อย”

“ดีเจ้าค่ะ ข้าว่าขากลับจะแวะซื้อซุปร้อน ๆ กลับไปเผื่อไว้ เกิดท่านรู้สึกหิวจะได้มีอะไรกิน เพราะกว่าเราจะกลับฮูหยินคงเข้าห้องนอนหลับฝันดี”

“หึ! ช่างเป็นสตรีที่ไร้ประโยชน์ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมท่านพ่อกับท่านแม่ถึงได้เอ็นดูนาง ทั้งที่เจ้ามีความเข้าอกเข้าใจข้ายิ่งกว่า ถ้าตอนนั้นท่านทั้งสองไม่ยื่นคำขาดค้านหัวชนฝา ข้าคงแต่งงานกับเจ้าและอยู่กันอย่างมีความสุข”

“แต่ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกัน ขอเพียงท่านรักข้าให้มากกว่า ปกป้องข้าไม่ให้นางกับลูกรังแก ข้าก็มีความสุข เสียดายเพียงต้องอยู่ในฐานะอนุที่มีฮูหยินเอกเป็นบุตรสาวชาวนา ถ้านางมีชาติกำเนิดที่ดีกว่าข้า อาจจะพอมองหน้ากันติดบ้าง”

อย่างไรชิวอี๋ก็มีชาติกำเนิดที่เหนือกว่า ถึงจะมีฐานะเป็นเมียน้อยแต่นางรักกับหลี่หวงมาก่อน ทั้งยังรังเกียจสตรีที่ต่ำกว่าทว่ากลับได้เป็นเมียเอก ด้วยเหตุนี้นางจึงเกลียดอีเหนียงมาก ที่ไม่เพียงแย่งคนรักของตนแต่ยังไม่คู่ควรที่จะได้รับการเคารพ

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...