โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ประชารัฐตรังหนุนปลูกโกโก้ "ออนอ๊อฟเน็ตเวร์ค" ซื้อประกันราคา

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 11 เม.ย. 2563 เวลา 01.51 น. • เผยแพร่ 11 เม.ย. 2563 เวลา 01.45 น.

โกโก้ (CoCoa) จัดเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ปัจจุบันประเทศไทยต้องใช้เม็ดโกโก้แห้งไม่ต่ำกว่า 40,000 ตัน/ปี แต่การผลิตในประเทศไม่เกิน 200 ตัน/ปี จึงจำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคาเฉลี่ย 60-120 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้หลายฝ่ายเริ่มพูดถึงการผลักดันให้ “โกโก้” เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทย

“ลือพงษ์ อ๋องเจริญ” ประธานกรรมการ บริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรัง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โกโก้มีจุดเด่นต่างกับผลไม้ชนิดอื่น ออกดอกออกผลได้ตลอดทั้งปี ไม่มีฤดู เมื่ออายุ 3 ปีเริ่มให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวได้อย่างต่อเนื่องทุก ๆ 15 วัน จนอายุต้น 50-60 ปี แต่ในช่วงฤดูฝนผลผลิตจะน้อยกว่าฤดูอื่น ๆ เพราะน้ำฝนที่ตกลงมากระทบดอกจะทำให้ดอกหลุดร่วง หากออกดอกมากจะทำให้มีผลผลิตมาก เมื่อผลยังไม่ทันแก่จะมีดอกออกมาให้ผลใหม่เรื่อย ๆ เมื่อผลแก่จัดจะกลายเป็นสีเหลืองหรือเหลืองอมแดงเข้ม หลังจากนั้นเกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตได้เลย หรือนำเม็ดมาหมักทิ้งไว้ 1 สัปดาห์แล้วตากแห้งลดความชื้นเพื่อนำเมล็ดไปคั่วต่อ

ปัจจุบันโกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจโลก นำไปใช้ในอุตสาหกรรมยา เครื่องสำอาง ขนม และอาหาร กลุ่มประเทศที่นำเข้าเม็ดโกโก้หรือผงโกโก้ ได้แก่กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และประเทศไทยนำเข้าในรูปโกโก้ผงหลายแสนตันต่อปี จากประเทศอินโดนีเซีย แอฟริกา กานา ซึ่งปลูกโกโก้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน แม้แต่จีนเองยังนำเข้าโกโก้ไปแปรรูปเป็นช็อกโกแลตมาขายที่เมืองไทย

“ปัจจุบันพันธุ์โกโก้ในประเทศไทยมี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ 1.โกโก้พันธุ์ไอ.เอ็ม. 1 (I.M.1 Variety) จากการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โกโก้พันธุ์นี้มีความโดดเด่นคือเมล็ดมีขนาดใหญ่ และผลผลิตสูง ทนแล้ง เมื่อนำไปแปรรูปคุณภาพของเมล็ดจะสร้างกลิ่นหอม เป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.โกโก้พันธุ์ลูกผสมชุมพร 1 ได้มีการค้นคว้าวิจัยที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร กรมวิชาการเกษตร ตั้งแต่ปี 2524-2536 เพราะว่าโกโก้ลูกผสมชุมพร 1 เป็นพันธุ์โกโก้ลูกผสมที่ดีทั้งในด้านการให้ผลผลิต ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ปลูกโกโก้ทางภาคใต้ของประเทศไทย” นายลือพงษ์กล่าว

สำหรับลักษณะเด่นของสายพันธุ์ชุมพร 1 คือสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศ เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูง สามารถให้ผลผลิตได้ในปีที่ 3 หลังการปลูก เมล็ดแห้งมีขนาดและคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด และมีปริมาณไขมันสูงเฉลี่ย 62% ทั้งนี้ สายพันธุ์ลูกผสม F1 เป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศมาเลเซีย ซึ่งนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยกว่า 30 ปีแล้ว ลักษณะผลโกโก้สายพันธุ์ลูกผสม F1 มีลักษณะลูกป้อม เปลือกบาง เม็ดมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ มีกลิ่นหอม ทั้งมีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อนำไปแปรรูปทำช็อกโกแลตจะได้ช็อกโกแลตมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ เรียกได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีอนาคตสดใส

“ลือพงษ์” บอกว่า บริษัท ออน อ๊อฟ เน็ตเวร์ค 2017 เป็นอีกบริษัทหนึ่งซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น มองว่าจังหวัดตรังเหมาะแก่การส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกโกโก้อินทรีย์ โดยใช้นวัตกรรมทางด้านการเกษตรนำโกโก้ลูกผสม F1 เข้ามาปลูกในพื้นที่ และใช้ชุดควบคุมป้องกันแมลงและเชื้อรา ปลูกโดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยคอกรองพื้น หลังจากปลูกสามารถเก็บเกี่ยวผลโกโก้ได้ภายใน 1.6-2.3 ปี 1 ไร่ จะได้ผลน้ำหนัก 500-1500 กิโลกรัม ซึ่งบริษัททำประกันรับซื้อผลผลิตขั้นต่ำ 13 บาท/กก. สูงสุดที่ 35 บาท/กก. หากผลผลิต 500 กก./ไร่/ต่อเดือน ก็จะสร้างรายได้เดือนละ 6,500 บาท ฉะนั้นเนื้อที่ 1 ไร่ ในช่วงเวลา 1 ปีจะทำเงินได้ถึง 78,000 บาท ส่วนการลงทุนประมาณ 12,400 บาท/1 ไร่

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางบริษัทได้เข้ามาให้ข้อมูลว่าจะรับผิดชอบจัดหาต้นพันธุ์โกโก้ลูกผสม F1จำนวน 100 ต้น พร้อมชุดควบคุม 100 กิโลกรัม ระบบราก ระบบทางใบ 1,200 ลิตร ป้องกันเชื้อราแมลง โดยบริษัทมีจุดรับซื้ออยู่ที่สหกรณ์ทุกจังหวัด ตามเกษตรพันธะสัญญา พ.ศ. 2560 เป็นการเอาตลาดนำการผลิต เป้าประสงค์ของบริษัทต้องการที่จะเปลี่ยนเกษตรเคมีมาเป็นเกษตรอินทรีย์โดยใช้โกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่มาเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ทดแทนยางพาราที่ราคาตกต่ำ และทางบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรังก็อยากให้บริษัทนำต้นพันธุ์ที่ทางกรมวิชาการเกษตรรับรอง ทั้งเรื่องการตลาด ตลอดจนนำองค์ความรู้และ know how มาถ่ายทอดในการแปรรูปให้กับวิสาหกิจชุมชนด้วย เพราคาดหวังว่าโกโก้จะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่จะมาทดแทนยางพาราให้กับเกษตรกรชาวใต้ต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม “ลือพงษ์” บอกว่า จุดมุ่งหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ บริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรังฯมุ่งการปฏิวัติเขียวให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดตรัง เห็นคุณค่าของการนำโกโก้พันธุ์ผสม โดยกลุ่มเกษตรโลกใหม่หัวใจอินทรีย์ ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจเพื่อสังคม มาปลูกในพื้นที่จังหวัดตรังด้วยนวัตกรรมเกษตรที่ไม่ต้องตรวจแปลงเหมือนที่เคยปฏิบัติกันมา

ความคืบหน้าล่าสุดได้มีการประชุมกลุ่มย่อยเกษตรกรผู้สนใจปลูกโกโก้แล้ว ทำให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องการลงทุนและผลตอบแทนที่จะได้รับตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และมีโครงการ “โกโก้ทางเลือกที่รอดทดแทนยางพารา” ที่ผู้เข้าร่วมประชุมจะนำโกโก้มาปลูกทดลอง ที่ตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ประมาณ 20 ไร่ต่อไป รวมถึง“กฤษณะ บวรศุภศรี” ผู้ใหญ่บ้านตำบลกะปาง (เจ้าของนินีรีสอร์ท) ได้เข้าร่วมโครงการนำร่องปลูกโกโก้ในอำเภอรัษฎาจำนวน 50 ไร่ เพื่อเป็นต้นแบบในการศึกษาดูงานการปลูกโกโก้ของภาคใต้เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้มาเป็นประธานเปิดงานและร่วมลงนามเป็นสักขีพยานบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างบริษัทประชารัฐรักสามัคคีตรัง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด กับบริษัท ออน อ๊อฟ เน็ตเวร์ค 2017 จำกัด ด้วย รวมถึงเกษตรกรและหน่วยงานราชการเข้าร่วมประมาณ 60 คน ซึ่งในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือมีประเด็นหลัก 3 ประเด็นคือ 1.ร่วมมือกันคัดเลือกต้นพันธุ์โกโก้ลูกผสมที่มีคุณภาพให้ผลผลิตสูง คุ้มค่าในการลงทุน และเป็นความต้องการของตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.บริษัท ออน อ๊อฟ เน็ตเวร์ค 2017 จำกัด จะรับซื้อผลผลิตโกโก้จากเกษตรกรในราคาประกันผ่านสหกรณ์ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมเกษตรพันธะสัญญา พ.ศ. 2560 และ 3.ร่วมมือกันขับเคลื่อนให้เกษตรกรในชุมชนทำการเกษตรปลอดภัย หรือเกษตรอินทรีย์ ด้วยการส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ด้านกระบวนการผลิต แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อเข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐานเกษตรปลอดภัยหรือเกษตรอินทรีย์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...