โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ยกเครื่องอาวุธลับ ‘เพื่อไทย’ เดิมพันแต้มนิยม-ล้ม ‘อนุทิน’

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

ภายใต้บริบททางการเมืองในห้วงถอยหลังยุบสภา เลือกตั้งใหญ่ต้นปี 2569 ภารกิจสำคัญของ “หนิม” จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนที่ 9 ในวัย 50 ปี ซึ่งรับไม้ต่อจาก “แพทองธาร ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จำเป็นต้องฟื้นเรตติ้งพรรคเพื่อไทยให้กลับมาเป็นแชมป์เลือกตั้ง และทวงคืนอำนาจฝ่ายบริหารเบอร์ 1

“จุลพันธ์” เปิดห้องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ภายในพรรคเพื่อไทย ย่านถนนวิภาวดี-รังสิต ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่าน “กรุงเทพธุรกิจ” บอกว่ากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ผสม และเป็นสะพานเชื่อมกันระหว่างคน 3 เจน คนรุ่นเล็ก คนรุ่นกลาง และคนรุ่นใหญ่ไว้ด้วยกัน รวมทั้งมีตัวแทนหลากหลายอาชีพทั้งเกษตรกร แพทย์ คนเสื้อแดง และสัดส่วนตามภูมิภาค

จุลพันธ์ ผ่านการเป็น สส.เชียงใหม่ มา 5 สมัย เป็นอดีต รมช.คลัง ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ยอมรับว่า “งานผม ผมอ่านว่า ไม่ได้ยากกว่าคนอื่นที่เคยเป็นมาก่อน สำหรับผมเองงานนี้ท้าทาย เราต้องทำให้สำเร็จต้องเดินหน้าสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งให้ได้”

ในฐานะที่ เป็นคนตระกูลอมรวิวัฒน์ คนที่ 2 ต่อจาก “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์”อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นบิดาแท้ๆ “จุลพันธ์” ยอมรับว่าตนเองคุยกับบิดามาตลอด โดยบิดาไม่ได้ฝากฝังอะไร ท่านก็คงมีความเชื่อมั่นว่าเราทำงานกับพรรคมาอย่างยาวนาน

พท.เจอศึกหนักเลือกตั้ง69

ถามถึงการเลือกตั้งในต้นปี 2569 พรรคเพื่อไทย ตั้งเป้า 200 สส. มีโอกาสทำได้หรือไม่ "หัวหน้าพรรคเพื่อไทย" ตอบว่า ท้าทาย แต่ก็ไม่ปฏิเสธความจริง ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเราเป็นพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมือง เราเป็นพรรคที่ลงมือปฏิบัติจริงมาโดยตลอด เป็นพรรคการเมืองแรกที่นำนโยบายส่งให้กับประชาชน

ส่วนกรณีกระแสนิยมพรรคเพื่อไทยไม่เหมือนเมื่อการเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 นั้น "จุลพันธ์" ระบุว่า ต้องคัดสรรทั้ง สส.และแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด รวมทั้งต้องทำเรื่องของนโยบายที่เป็นความหวังให้กับสังคม

"แต่งตัวให้พร้อมที่สุด ทำตัวให้ดีที่สุด ผมว่าเราก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ประชาชนจะตัดสินใจในการที่จะเลือกให้กลับมาทำหน้าที่รัฐบาล"

ถามว่า แบรนด์ของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ต่างจากปี 2566 แค่ไหน “จุลพันธ์” บอกว่า เรามีเกียรติประวัติการมีนายกฯ หลายท่าน มีการขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจำนวนมาก เราไม่ลืมอดีต แต่อดีตเป็นความทรงจำที่เราประทับใจ เราก็พูดคุยกับประชาชนได้ง่ายขึ้นว่าเราเคยทำอะไรให้กับเขาบ้าง มันเป็นอดีตที่เราก็ต้องตรึงไว้ โดยกระบวนการ ณ วันนี้ พรรคจะต้องมีแพ็กเกจนโยบาย มีชุดผู้สมัครที่เปลี่ยนไป ตอบโจทย์ผู้สมัครในแต่ละช่วงเวลา

ถามถึงภาคอีสาน หลายค่ายขั้วตรงข้าม จ้องแย่งชิง สส.อีสานจากพรรคเพื่อไทย “จุลพันธ์” ไม่หวั่นวิตก เพราะเขาเชื่อว่าไม่มีครั้งไหน ที่เลือกตั้งแล้วจะเป็นงานเบา

“ผมลงเลือกตั้งเขตมา 6 ครั้ง ชนะการเลือกตั้งมาทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหน ที่ผมบอกว่าง่าย ที่บอกว่ามี สส.บางคนไปเนี่ย ก็ยอมรับความจริง มีสมาชิกบางท่านไป ซึ่งจริงๆ ต้องย้อนกลับไปที่พรรคปลายทางว่ากระบวนการที่ทำอยู่ มันถูกต้องตามหลักการ หลักคิดทางประชาธิปไตยหรือไม่ มันผิดจาก MOA ที่คุณให้ไว้ไหมว่า จะไม่รวบรวมเสียงเพิ่ม”

ส่วนโซนอีสานใต้ พรรคเพื่อไทยจะแย่งชิง สส.จากขั้วน้ำเงินได้หรือไม่นั้น "จุลพันธ์" ระบุว่า "ผมมาอยู่ตรงนี้ ไม่ได้มองเป็นโซน เพราะว่าแต่ละพื้นที่มีผู้ดูแลรับผิดชอบ เราบริหารจัดการ เรากระจายงานให้เขาทำอย่างเต็มที่ มองในมิติกลับกัน พรรคเพื่อไทยเป็นตัวแข่งขัน เป็นพรรคที่มีการแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึงนี้ที่มีนัยพรรคหนึ่งแหละ ผมเชื่ออย่างนั้น"

"มองกลับกันอีสานใต้หลายจังหวัด เราก็ไม่เคยเจาะได้นะครับ ครั้งนี้เขาอาจจะเสียเก้าอี้ให้เราก็ได้ ถูกไหมครับ การตัดสินใจของประชาชน เปลี่ยนได้ตลอดเวลา"

รับไม่คาดคิด ภท.ชิงพลิกตั้งรัฐบาล

“จุลพันธ์” นิ่งคิดก่อนตอบถึงปมที่พรรคเพื่อไทยถูกพรรคภูมิใจไทย ชิงนำพลิกขั้วตั้งรัฐบาล จนทำให้อำนาจรัฐหลุดออกจากมือนายกฯ ค่ายแดง ว่า “มองไว้ก่อนไหมเหรอครับ ถ้ามองก่อน คงมาไม่ถึง”

ถามว่า ไม่คาดคิดมาก่อนใช่หรือไม่ “จุลพันธ์” บอกว่า เราก็ประเมินสถานการณ์ไว้อีกรูปแบบหนึ่ง อย่างที่บอก การเมืองหมุนเวียนเปลี่ยนได้ตลอดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมชาติของการเมือง โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งมีปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม ปัจจัยที่ไม่ได้เป็นไปตามเสียงของประชาชนจำนวนมาก ตรงนี้เกิดจากรัฐธรรมนูญที่เขาวางไว้ มันก็มีอุปสรรค ขวากหนามอยู่ ต้องเรียนว่าไม่ได้ คาดคิด แต่เมื่อมันเกิดแล้ว มันก็มีหน้าที่ในการต้องเดินต่ออย่างแข็งแรง ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเจออุปสรรคอย่างนี้

“ถ้าพวกผมตื่นตระหนกตกใจ ผมช็อกตาย ตั้งแต่ตอนที่ นายกฯ คนแรกๆ โดนถอดถอนไปแล้ว ก็ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ วันนี้เราต้องกลับมายืนให้มั่น กลับไปหาประชาชน เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เตรียมความพร้อมของพรรค เดินหน้าสู่ชัยชนะ”

เลือกตั้งหันหลังพิงประชาชน

ถามว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรีถูกโค่นล้ม ถึง 2 คนติดต่อกัน มีการพูดทำนองว่า รัฐพันลึก มีบทบาทในการเข้ามาแทรกแซง และชี้นำการเมืองไทย “จุลพันธ์” บอกทางเดียวคือ พรรคเพื่อไทยก็ต้องกลับไปหาหลังพิง คือ ประชาชน มันไม่มีอย่างอื่น มันเกิดจากกลไก ซึ่งไม่ได้อยู่ในระบอบการเลือกตั้งของประชาชน ระบอบประชาธิปไตยที่เรายึดมั่นถือมั่น ดังนั้นต้องทำพรรคให้ดีที่สุด ทำตัวคำตอบให้กับประชาชน ด้วยนโยบาย และตัวบุคคล ให้มันตรงกับสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด

1 เดือนเปิดไพ่ลับแคนดิเดตนายกฯ

ถามว่า อาวุธลับของพรรคเพื่อไทยอะไรคือ จุดที่ทำให้ ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย "จุลพันธ์" ตอบทันทีว่า นโยบาย เพราะเรามีจุดแข็งนโยบายมาโดยตลอด

สำหรับตัวแคนดิเดตนายกฯ จำเป็นต้องมีคนของ ชินวัตร หรือ ไม่มีชินวัตร ในภายใต้บริบททางการเมือง ณ วันนี้ "จุลพันธ์" ขอให้สังคม เป็นคนตัดสินดีกว่า

"เราไม่ได้มองตัวบุคคล เราไม่ได้ มองว่า ใครนามสกุลอะไร เรามองว่าบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งในจุดต่างๆ เช่น สส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ ตอบโจทย์ประชาชนหรือไม่ เราต้องหาบุคคลที่ตอบโจทย์ประชาชน ที่คนต้องการมากที่สุด และเชื่อว่าคน คนนี้จะสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้จริง

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แย้มว่า เราต้องเปิดแคนดิเดตนายกฯ ก่อนเลือกตั้งอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องเปิดชื่อก่อนเลือกตั้ง แม้เราจะกำหนดยุบสภาไม่ได้ แต่เราก็มีแผนในการเปิดรายชื่ออยู่ครับ อีกสักไม่เกิน 1 เดือน คงได้เห็นกัน ก็จะเป็นชื่อ ที่หวังว่าจะตอบโจทย์ประชาชน

สำหรับตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย จะมีส่วนในการดึงแต้มคนที่ยังไม่ตัดสินใจที่มีในแต่ละภูมิภาค ประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ โดยพรรคมีหน้าที่ทำทุกอย่างให้ครบ ทั้งนโยบาย ผู้สมัคร สส. ทั้งแคนดิเดตให้ตอบโจทย์ที่สุด ฉะนั้น เรามีหน้าที่จะไปดึงแฟนคลับให้กลับมา

สำหรับแคมเปญ “ยกเครื่อง เพื่อไทย” จะเป็นการปรับโฉมหรือซ่อมพรรคหรือไม่ “จุลพันธ์” บอกว่า อย่างแรกที่ยกเครื่องคือ 1.การสื่อสาร การสื่อสารยังเป็นเชิงรับ มีการยกเครื่องการสื่อสารใหม่ เพื่อให้การขับเคลื่อนเดินหน้าได้

2.ยกเครื่องตัวบุคคล แคนดิเดตนายกฯ ให้เป็นความหวังของประชาชน และ สส.เขตเองผู้สมัครก็ต้องเป็นคนที่อยู่ติดพื้นที่ และจะต้องได้รับเลือกตั้งด้วย ในวันนี้เดินหน้าไปแล้ว 250 เขตเหลืออีกประมาณ 100 เขต

3.งานในส่วนของสภา เราเป็นฝ่ายค้านไม่ติดข้อจำกัด ทำให้ทำงานได้เต็มที่

ยื่นซักฟอก “อนุทิน” แน่ เมินคว่ำ รธน.

ถามว่า พรรคเพื่อไทยรอเงื่อนไขอะไรก่อนระหว่าง รอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ผ่านวาระ 3 ก่อน หรือจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีที่เปิดรัฐสภา สมัยสามัญ วันที่ 12 ธ.ค.68 นี้ “จุลพันธ์” ระบุว่า ยุบสภา เป็นอำนาจของนายกฯ โดยตรง ตนคงไม่ไปก้าวก่าย แต่ถ้าจะยุบสภาด้วยเหตุจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ควรทำ เพราะนี่คือ การหนีการตรวจสอบ

“การหนีการตรวจสอบ นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยปกติเขาไม่ทำกัน มันไม่ถูก มันน่าอาย ไม่ควรทำ เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเวทีเปิด ผมถาม ท่านตอบ ถ้าผมพูดแล้ว อภิปรายไม่ดี ท่านตอบได้ชัดเจน สุดท้ายความนิยมเป็นของท่าน ประชาชนอยู่ข้างท่าน”

แต่หากจะยุบสภาก่อนหน้าที่จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนยังคงเรียกร้อง ให้ดำเนินการส่งคำถามที่ 1 เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ลงประชามติ อย่างน้อยลงมติในเรื่องคำถามที่ 1 และ 2 พร้อมกันไม่ได้ ก็ลงคำถามที่ 1 ก่อน คือ เห็นควรให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือไม่ เพื่อแสดงความจริงใจของรัฐบาล

“ถ้าประชาชนลงประชามติแล้ว พร้อมกับการเลือกตั้งว่า ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามคำถามที่ 1 มันก็เป็นกลไกที่เดินหน้าให้สภาชุดถัดไป ให้ ครม.ชุดถัดไป ดำเนินการตามเสียงมติของประชาชน เพื่อให้มีการเดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญ”

แม้โจทย์ของรัฐบาลอนุทิน และผู้มีอำนาจ หรือรัฐพันลึก จะตั้งธงไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญก็ตาม โดย “จุลพันธ์” ตอบว่า “ถ้าท่านถามถึง อะไรที่นอกเหนือจากการเมือง ผมคงตอบไม่ได้ แต่ว่าในส่วนของนายกฯ อนุทิน เนื่องด้วยขณะมีการร่วมรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำนะครับ เรามีการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายครั้ง แล้วความจริงใจการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ผมว่ามองเห็นได้ เราไม่เคยบิดพลิ้ว”

“พรรคที่ท่านนายกฯ อนุทิน สังกัดอยู่เคยวอล์กเอาต์การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งหนึ่ง จนเดินต่อไม่ได้ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งเข้าใจว่า ท่านมีบารมีเหนือ ก็ไม่เคยลงมติให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านสักครั้ง เพราะต้องอาศัยเสียง สว. 1 ใน 3 ตั้งแต่วันที่เขาไปเซ็น MOA พวกผมบอกว่า ทำไมเขาถึงเชื่อว่า คุณอนุทินจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ ทั้งที่แสดงจุดยืนชัดเจนมาโดยตลอดว่า ไม่แก้”

ถามว่า แต่พรรคเพื่อไทยอาจถูกโจมตี หากชิงยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นการขวางไม่ให้ แก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ จุลพันธ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องเล่าที่เขาเขียนขึ้นมา ชี้นิ้วมาที่เพื่อไทยก็ได้ แต่ต้องเรียนว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกระบวนการตรวจสอบรัฐบาลผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มาตรา 151 มันคนละเรื่องกัน"

ส่วนปัจจัยการยื่นนั้น ถ้าเรามองว่าความเสียหายมันเกิดระดับที่ประเทศ โดยอยู่ไม่ได้แล้วมีการทุจริตคอร์รัปชัน มีการปัดเป่าคดี มีปัญหาการแก้ไขปัญหาคอลเซนเตอร์ การแก้ไขปัญหาชายแดน ประเทศจะเสียดินแดน เราก็ต้องยื่นมาตรา 151 ตรวจสอบ และลงมติไม่ไว้วางใจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภามันก็เดินหน้าไป

จุลพันธ์ เห็นว่า ถ้านายกฯ ไม่ยึดติดอะไรก็มาอภิปรายกัน เพราะพรรคประชาชนก็ส่งสัญญาณชัดว่า เขาไม่อภิปราย พวกตนก็อภิปรายไปลงมติ เพราะเขาคุยกันใน MOA แล้ว เขาอาจจะลงมติให้ผ่านก็ได้

“ถ้าท่านอภิปรายแล้วสภาไม่ให้ยุบสภานะครับ เมื่อโดนถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยสภาลงมติ สภามีหน้าที่หานายกฯ คนใหม่ ญัตติที่อยู่ในสภา กรรมาธิการที่ค้างอยู่ในสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังคงอยู่ ก็เดินหน้าต่อไป เราก็เลือกนายกฯ ท่านใหม่ ในลิสต์แน่นอนตามรัฐธรรมนูญ เลือกมาใหม่ รัฐธรรมนูญก็เดินหน้าแก้ไขกันต่อไป ไม่เห็นเกี่ยวเลย ทำไมต้องยุบสภา”

ล้ม “อนุทิน” โหวตหานายกฯใหม่

แสดงว่า พรรคเพื่อไทย ก็ยังมีโอกาสจะจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้งหนึ่ง "จุลพันธ์" ตอบว่า “สถานการณ์มันเกิดขึ้นได้ทุกอย่าง วันนี้เราเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เราก็เตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง ในสภาเราเดินหน้าตรวจสอบ”

“จุลพันธ์” ระบุถึงคดี เรื่องฮั้ว สว. ก็เห็นสถานการณ์อยู่ ในวันนี้ รมว.ยุติธรรม คนเขาถามว่า ยุติธรรม มัน ท.ทหาร สระอำ หรือไม่ ก็เห็นอยู่ มีพยานถอนตัวจากการเป็นพยาน กลับคำให้การอีก ทั้งหมดว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเป็นความผิดปกติทางการเมือง ทางประชาธิปไตย กำลังถูกปัดออกไป

“จะให้พวกผมบอกว่า มีความเสียหายกับประเทศ แล้วรัฐบาลอยู่อีก 2 เดือน หยวนๆ กันไปเหรอครับ มันก็ทำไม่ได้ ถูกไหมครับ กระบวนการทำงานพวกผม ต้องทำงานอย่างเต็มที่ในการตรวจสอบรัฐบาล”

ถามว่า อ่านเกมแล้วนายกฯ จะชิงยุบสภาก่อน ทั้งหมด กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะถูกตีตกไป "จุลพันธ์" ย้ำว่า ก็ไปคุยกันในเรื่องของการเลือกตั้ง ถ้ายุบสภาก่อน 1.หนีการตรวจสอบ และ 2.รัฐบาลก็คงตอบคำถามประชาชนยากว่าทำไมยุบสภาเร็วโดย ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของประชาชนในการตัดสินใจ ผ่านคูหา

ถามทิ้งท้ายถึงกรณีที่คุณจุลพันธ์ วางมือทางการเมือง อยากจะทิ้งอะไรฝากไว้ถึงคนรุ่นหลัง "จุลพันธ์" ตอบอย่างแรก วันหนึ่ง คนเราก็ต้องวางมือ ไม่มีใครอยู่ตลอดไป และอย่าไปคิดว่าประเทศเราขาดเราไม่ได้

"สำหรับผมเอง ก็มองว่า ทำงานการเมือง มันควรจะมีวันเกษียณเหมือนกันถ้าเกิดถึงเวลา ดีกว่าอยู่จนถึงกระทั่งคนไม่เลือกสำหรับผม วันนี้เราก็พยายาม ทำให้ดีที่สุดแล้ววันที่ออกไป ก็หวังว่าจะทิ้งมรดก ความทรงจำให้กับประชาชนว่า เป็นนักการเมืองที่ทำงานหนัก ทำงานจริง แล้วก็ใช้กลไกที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด"

ทั้งหมดคือ กลเกม “เพื่อไทย” ผ่านมุมมของ “จุลพันธ์” ในฐานะหัวหน้าพรรค ผู้ที่ “ชินวัตร” ฝากความคาดหวังเอาไว้

พิสูจน์อักษร….สุรีย์ ศิลาวงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...