คปภ.เร่งตั้งไข่ “อินชัวรันซ์บูโร” ปั้นฐานข้อมูลประกัน-เอกชนพร้อมลงขัน
คปภ.ตั้งไข่ “อินชัวรันซ์บูโร” ชง 3 โมเดลให้บอร์ดตัดสินใจภายในเดือน ส.ค.นี้ เร่งผลักดันยกร่างกฎหมายก่อนเลขาธิการ คปภ.หมดวาระ ขณะที่ “สมาคมประกันวินาศภัยไทย” แนะเลือกแนวทางให้เอกชนลงขันเอง ยันภาคธุรกิจพร้อมใส่เงิน ชี้เพื่อความคล่องตัว ฟาก “อลิอันซ์ อยุธยา” ยกมือสนับสนุน
นางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกลยุทธ์องค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจาก คปภ.ได้ปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ในเรื่องการผลักดันการจัดตั้งศูนย์บริหารข้อมูลด้านการประกันภัยแห่งชาติ (National Insurance Bureau : NIB) ซึ่งจะเป็นองค์กรคล้าย ๆ กับเครดิต บูโรนั้น เบื้องต้นได้มีการเสนอรูปแบบการจัดตั้ง NIB ไว้ด้วยกัน 3 แนวทาง
ได้แก่ 1.จัดตั้งเป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้ คปภ. ซึ่งจะควบรวมเข้ากับทีมจัดทำระบบฐานข้อมูลการประกันภัย (Insurance Bureau System : IBS) ที่ทำอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่แนวทางนี้จะมีข้อจำกัดความไม่คล่องตัวในการพัฒนาต่าง ๆ เพราะจะมีความยุ่งยากในการจัดซื้อจัดจ้างและการให้บริการแก่ภาคเอกชน เนื่องจากเป็นหน่วยงานภาครัฐ 2.จัดตั้งเป็นองค์การมหาชน และ 3.จัดตั้งเป็นบริษัทเอกชน โดยเป็นการร่วมทุนใส่เงินลงขันของบริษัทประกันภัย ซึ่งจะมีโครงสร้างของผู้ถือหุ้น
“ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะใช้โมเดลใด เพราะแต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน ฉะนั้นจะต้องให้คณะที่ปรึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปทำสรุปข้อมูลมาก่อนว่ารูปแบบหรือทางเลือกใดที่ติดปัญหาน้อยที่สุด และมีความเป็นไปได้ในการขับเคลื่อนเรื่องดาต้าได้มากที่สุด ซึ่งเรื่องดาต้าในอุตสาหกรรมประกันภัย ถ้าจะยกระดับให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นนั้นควร จะแยกออกจาก คปภ.ไปเลย เพื่อความยืดหยุ่นและคล่องตัว และสามารถให้บริการทั้งบริษัทประกันภัย ประชาชน หรือแม้กระทั่ง คปภ.ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อสรุปและวางโรดแมปได้ชัดเจนแล้ว คาดว่าจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ได้ในช่วงประมาณ เดือน ส.ค. 2565” นางมยุรินทร์กล่าว
นางมยุรินทร์กล่าวว่า ประโยชน์ในการผลักดัน NIB ธุรกิจประกันจะได้รับข้อมูลในเชิงภาพใหญ่ขึ้น เพราะปัจจุบันทุกบริษัทจะมีฐานข้อมูลเฉพาะของตัวเองเท่านั้น ไม่มีส่งให้กัน และการวิเคราะห์ข้อมูล (data analytic) ก็สามารถใช้ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โดยเฉพาะสกัดการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งจะทำได้คล่องตัวมากขึ้น และเป็นการลดแรงจูงใจของคนทุจริตออกไปจากอุตสาหกรรมประกันภัยได้ ขณะที่ประชาชนเองก็จะได้รับบริการที่รวดเร็วและหลากหลายขึ้นด้วย
ขณะที่ในภาพใหญ่ องค์กรที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะสามารถเข้าไปเชื่อมโยงกับหลาย ๆ หน่วยงานได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องกังวลด้านกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล เพราะจากการหารือสำนักงานคณะกรรมกาคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หากจัดเป็นองค์กรในลักษณะนี้แล้ว สามารถระบุข้อยกเว้นให้กันได้
“ตอนนี้เราตั้งไข่แล้ว และคาดว่าอย่างน้อย ๆ ในช่วงต้นปี 2566 น่าจะผลักดันยกร่างกฎหมายเฉพาะขึ้นมาได้ ซึ่งเราต้องรีบผลักดันเรื่องนี้ให้เกิดขึ้นเร็ว ก่อนที่เลขาธิการ คปภ.จะหมดวาระดำรงตำแหน่ง ซึ่งเหลืออีกแค่กว่า 1 ปี” นางมยุรินทร์กล่าว
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนส่วนใหญ่สนับสนุนโมเดลนี้ แต่โครงสร้างองค์กรนั้น สมาชิกของสมาคมประกันวินาศภัยไทยและสมาคมประกันชีวิตไทยส่วนใหญ่ได้เสนอให้จัดตั้งเป็นบริษัทเอกชน โดยให้บริษัทประกันภัยใส่เงินลงขันร่วมทุนจะสะดวกและคล่องตัวกว่า เหมือนโมเดลในต่างประเทศ ซึ่งเราไม่ได้มีปัญหาในเรื่องเงินลงขันในส่วนนี้อยู่แล้ว
นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยาประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อลิอันซ์ฯสนับสนุนโมเดลที่ คปภ.กำลังทรานส์ฟอร์มเรื่องของดาต้าตรงนี้ เพราะช่วยทำให้ข้อมูลเกิดความโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมประกันภัย ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
“ปัจจุบันนี้เวลาที่อลิอันซ์ฯมีการรับประกันลูกค้าที่มีวงเงินเอาประกันสูง ๆ เราจะค่อนข้างเข้มงวดเรื่องข้อมูลการรับประกันอยู่แล้ว เพราะขึ้นชื่อว่า เราคือกลุ่มอลิอันซ์ ฉะนั้นการอนุมัติของ underwriting (การรับประกันภัย) ไม่ใช่จะผ่านได้ง่าย ๆ แต่ต่อไปเราก็จะมีข้อมูลตรงนี้มาช่วยสนับสนุนมากขึ้นไปอีก” นางสาวพัชรากล่าว