โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

จับตา! อลหม่าน 'แก้รัฐธรรมนูญ' ศึก 3 เส้า ‘ส้ม-แดง-น้ำเงิน’

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

รัฐสภาเปิดประชุมสมัยวิสามัญ นัดพิเศษ เพื่อพิจารณารายงานแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ “คณะกรรมาธิการ” พิจารณาแล้วเสร็จ

กมธ.ชุดนี้ มี “ณัฐวุฒิ บัวประทุม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน ใช้เวลาเดือนเศษพิจารณาเนื้อหา ก่อนส่งให้ “รัฐสภา” พิจารณาวาระสอง ในวันที่ 10 -11 ธ.ค. นี้

ตามรายงานของกมธ. พบเนื้อหาที่ “กมธ.ข้างมาก” พิจารณา รวม 5 มาตราใหญ่ พบว่าไม่ถูกแก้ไขเพียง 2 มาตรา

นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดอีก 35 ข้อย่อย ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยในการแก้ไข พบว่า กมธ.เสียงข้างน้อย-เสียงข้างมาก สงวนความเห็นไว้

โดยประเด็นที่ถูกไฮไลต์ คือ องค์กรที่มีหน้าที่ทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามเนื้อหาที่เสนอให้รัฐสภาพิจารณา คือ ให้มี “กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ” จำนวน 35 คน ทำหน้าที่ยกร่างเนื้อหา และมี “กรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน” จำนวน 35 คน เป็นเวทีรับฟังความเห็นทุกฝ่าย เพื่อเป็นแนวทางเขียนรัฐธรรมนูญใหม่

สำหรับที่มา คือจากการเลือกของรัฐสภา ที่ออกแบบสูตรเลือก แบบ 20 หยิบ 1 คือ ให้ สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มๆ ละ 20 คน เลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 1 คน และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น 1 คน

สูตรนี้ กมธ.เสียงข้างมาก และเจ้าของแนวคิดยืนยันว่าจะป้องกันเสียงข้างมากของรัฐสภาลากไป ที่อาจทำให้เกิดประเด็นครอบงำการจัดทำเนื้อหาของกติกาได้ ทว่า ในมุมนี้ กมธ.ส่วนข้างน้อย ยังโต้แย้ง เพราะมองไส้ในแล้วเชื่อว่าจะมีกระบวนการ “จัดตั้ง” มาตั้งแต่ตอนเปิดรับสมัคร และเมื่อถึงรอบรัฐสภาเลือก จะเกิดการฮั้วกันเองได้อีก

กับความขัดแย้งในมุมคิด และความเชื่อของ กมธ.ที่แม้ในชั้นพิจารณาจะจบได้ด้วยการลงมติ แต่ร่องรอยขัดแย้งที่ไม่ใช่ข้อยุติในชั้นกมธ.ส่งผ่านมายังการพิจารณาวาระสอง

เนื่องจาก กมธ.ที่เป็นกลุ่มนำความคิดใช้สิทธิสงวนความเห็นตามแนวทางความเชื่อของตนเอง ซึ่งสวนทางกับเนื้อหาของร่างแก้ไขที่กมธ.เสนอต่อรัฐสภา ซึ่งแบ่งเป็น 2 ก้อนความคิด

กลุ่มแรก“กลุ่มพรรคประชาชน” ที่นำโดย พริษฐ์ วัชรสินธุ สงวนความเห็นให้คงมี 1.กมธ.ร่างรัฐธรรรมนูญ 35 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 70 คนที่ใช้การสมัครและเลือกในรูปแบบ “บัญชีผู้ร่างรัฐธรรมนูญ” และให้รัฐสภาเลือกเหลือ 35 คน และ 2.ให้มีสภาที่ปรึกษาร่างรัฐธรรมนูญ 100 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ทั้งนี้ในส่วนของ“สภาที่ปรึกษาร่างรัฐธรรมนูญ” ในรายละเอียดของการสงวนความเห็นนั้น กลุ่มพรรคประชาชนไม่ได้เสนอเนื้อหาต่อยอด แต่กลับสนับสนุนให้มี “กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ” จำนวน 35 คน ที่มาจากการโหวตเลือกของรัฐสภา ตามบัญชีผู้ที่สมควรได้รับเลือกซึ่งมีที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน จำนวน 70 คน

กลุ่มสอง“กลุ่มพรรคเพื่อไทย” สงวนความเห็นให้กลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องมี “ประชาชน” เป็นส่วนร่วม โดยคงให้มี “สภาร่างรัฐธรรมนูญ” หรือ สสร.จำนวน 151 คน แบ่งเป็น มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 300 คน และให้รัฐสภาโหวตในขั้นตอนสุดท้าย ให้เหลือ 100 คน และมาจากการแต่งตั้งโดยรัฐสภาตามการเสนอชื่อของ สส. สว. ครม. องค์กร สมาคม หรือกลุ่มบุคคล จำนวน 51 คน

ขณะที่กลไกทำรัฐธรรมนูญ กลุ่มพรรคเพื่อไทยเสนอให้มี "กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ” มาจากการแต่งตั้งของรัฐสภา จำนวน 35 คน แบ่งเป็นเลือกจากการเลือกตามบัญชีที่สมัคร จำนวน 25 คน และอีก 10 คนมาจากรัฐสภาแต่งตั้งจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ

และยังสนับสนุนให้มี “กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน” มาจากการเลือกของรัฐสภา 35 คน

กับการสงวนความเห็นของ กมธ.แต่ละฝ่าย ตามกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมาย ถือเป็นเรื่องปกติ เพื่อให้ได้สิทธิอภิปรายต่อในที่ประชุมรัฐสภา

ทว่า เมื่อดูความเชื่อมโยงในประเด็นกับคะแนนโหวตแล้ว จะพบว่ากลุ่มพรรคประชาชนปัจจุบันมี สส. จำนวนมากสุดของสภาฯ และอาจได้เสียงสนับสนุนจาก “สว.กลุ่มอิสระ-สส.บางส่วน” ที่อาจกลายเป็นกลุ่มนำได้

ดังนั้นการสงวนความเห็นของพรรคประชาชนที่พบประเด็นแย้งกับเนื้อหาของ “กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา” ซึ่งที่ผ่านมา “กมธ.สีส้ม” เป็นฝ่ายคุมประเด็นสำคัญในวง กมธ.มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจาก “ความพยายามเอาชนะ” ในวาระสอง

เพราะหาก“กมธ.สีส้ม” จะสงวนความเห็นไว้เพียงเพื่ออภิปรายแสดงจุดยืนของฝ่ายตนเองกลางสภาฯ และสุดท้ายเลือกใช้แทกติก“ไม่ติดใจ” เพื่อเลี่ยงการโหวต หรือให้สส.ส้ม “งดออกเสียง” เชื่อว่าสังคมภายนอกที่ติดตามดูอย่างใกล้ชิด คงคาใจในการกระทำ

ประเด็นนี้ ต่างจากการสงวนความเห็นของ “ฝ่ายพรรคเพื่อไทย” ที่ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อธิบายว่า ที่สงวนความเห็นเพื่อได้สิทธิอธิบายความต่อเวทีรัฐสภา เป็นวิธีทางยุทธศาสตร์เพื่อสื่อถึงสังคมภายนอก ไว้ขยายผลช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยไม่หวังผลถึงการ“ชนะโหวต”ในวาระสอง เพราะประเมินเกมแล้ว “ส้ม-น้ำเงิน” ยังจับมือกันแน่น

ดังนั้นต้องจับตากลยุทธ์ของ “ฝ่ายการเมือง” ขั้วแดง และขั้วส้มที่จะชิงการนำต่อการวางกลไกเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ขณะที่“ขั้วน้ำเงิน” นั้น ฝั่งของ “สส.” ไม่ปรากฏการสงวนความเห็นไว้ ดังนั้นต้องรอฟังในเวทีอภิปรายวาระสอง ว่าจะแสดงเหตุผลใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่

กับอีกฝั่ง คือ “กลุ่มสว.” ที่มีขั้วสีน้ำเงิน เป็นกลุ่มใหญ่ นั่งมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด พบว่า “สว.สีน้ำเงิน” ส่งตัวแทนสงวนความเห็น ซึ่งเป็นไปเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง เกณฑ์การถ่วงดุลด้วยเงื่อนไขต้องมี “สว.” ร่วมเห็นชอบ หรือเห็นด้วยต่อรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่น้อย 1 ใน 3 เอาไว้

กับคำสงวนคำแปรญัตติที่ต้องจับตา เป็นในส่วนของ “พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์” สว.สีน้ำเงิน ที่สงวนความเห็น ต่อประเด็นการกำหนดเนื้อหาสำคัญ ให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้เพิ่ม

1.เปิดโอกาสให้สว.ที่พ้นวาระแล้ว สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดระยะเวลาภายหลังจากที่สมาชิกภาพสิ้นสุด แต่จะลงสมัครเป็น สว. ไม่ได้

2.ให้เขียนบทเฉพาะกาล รองรับสมาชิกภาพของ สว.ชุดปัจจุบัน ให้ดำรงตำแหน่งตำแหน่งจนครบ 5 ปี

และ 3. ให้เขียนบทเฉพาะกาล รองรับวาระดำรงตำแหน่งของ กรรมการในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญให้ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ

ในคำสงวนความเห็นนี้ต้องจับตาให้ดี เพราะอย่าลืมว่า “สว.” สายสีน้ำเงิน ปัจจุบันมีสมาชิกเกือบ 140 คน ดังนั้นหากจะโหวตสู้กับ “สส.ฝ่ายค้าน” ในสภาฯ ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก “สส.”ร่วมด้วย และในปัจจุบัน “พรรคที่มีอุดมการณ์” ใกล้เคียงกับ สว.นั้น มีเสียงเกินร้อยแล้วเช่นกัน

กับอีกประเด็นที่ถูกจับตา คือ การเติมความใหม่ โดย“กมธ.เสียงข้างมาก” กำหนดหลักเกณฑ์ห้ามแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญ 2560 โดยให้ยกบทบัญญัติทั้ง 2 หมวดมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ประเด็นนี้มีกมธ.ที่สงวนความเห็น เป็นส่วน “สส.พรรคประชาชน” 7 คน คือ อนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี ปรีติ เจริญศิลป์ สส.นนทบุรี พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ และสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี สงวนความเห็น ให้ตัดออกทั้งมาตรา

การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนี้ นอกจากการสงวนความเห็นของ กมธ.แล้ว ยังพบว่ามีผู้เสนอคำแปรญัตติ จำนวน 6 คน แบ่งเป็น สส. 2 คน จากเพื่อไทย คือ“ขจิตร ชัยนิคม-ธีระชัย แสนแก้ว” และ สว. 4 คน คือ “นันทนา นันทวโรภาส-ปริญญา วงษ์เชิดขวัญ-วีรยุทธ สร้อยทอง และอังคณา นีละไพจิตร”

โดยในสาระสำคัญของคำแปรญัตติที่ยังคงติดใจ เช่น สส.เพื่อไทย แปรญัตติ เปิดทางให้ “นักการเมือง” มีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่ติดล็อกที่กำหนดไว้เดิม คือ ต้องพ้นจากตำแหน่งมาแล้วระยะหนึ่ง ส่วน“สว.” ให้บัญญัติ ห้ามคนที่เกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหารเข้ามายุ่งเกี่ยวในกระบวนการทำรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นต้น

ดังนั้น ในเวทีถกแก้รัฐธรรมนูญวาระสอง ที่จะเกิดขึ้น เชื่อว่าจะมีการอภิปรายในสาระสำคัญอย่างกว้างขวาง แม้ “ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน” จะเชื่อตรงกันว่า จะจบได้ภายในระยะเวลา 2 วัน

แต่เอาเข้าจริง การพิจารณาวาระสองนั้น ไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาที่แน่ชัดได้ หาก“เวทีรัฐสภา” ใน 3 ขั้วความคิด ยังฟาดฟันในประเด็นหัวใจ และต่อรองในเกมอำนาจ อาจได้การยืดเยื้อที่ตอกย้ำภาพความขัดแย้งของ “การเมือง 3 เส้า”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...