พ้น72ชม.ไม่วางใจ สั่งปีใหม่คุมเข้มชายแดน เขมรยังปล่อยโดรนป่วน
ครบกำหนดหยุดยิง ไร้ปะทะ แต่กัมพูชาส่งกำลังบำรุง-ปล่อยโดรนตลอดแนวชายแดน ละเมิดข้อตกลง “กองทัพ” ยังไม่มีกำหนดการวันปล่อยตัว 18 เชลยศึก คาดเร็วๆ นี้ "อนุทิน" กำชับ "สีหศักดิ์-บิ๊กเล็ก" เฝ้าชายแดนช่วงปีใหม่ "รมว.กต." ย้ำสถานการณ์ยังเปราะบาง ถามกลับ "ฮุน มาเนต" ใครเป็นคนขอหยุดยิง หลังเจ้าตัวโพสต์ "ไม่แพ้" ด้านบัวแก้วแจง 3 ข้อปม “เจบีซี” ชี้รัฐบาลรักษาการอาจไม่มีอำนาจเต็มเห็นชอบข้อตกลงเรื่องเขตแดน ระบุควรร่วมมือเก็บกู้ระเบิดก่อน รมว.กห.สองฝ่ายฮอตไลน์คุยกันแล้ว อีกฝ่ายเพิ่งออกประกาศห้ามบินโดรน
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2568 กองทัพภาคที่ 2 ได้รายงานสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ของวันที่ 29 ธ.ค.68 พบว่า ภาพรวมยังไม่มีการปะทะด้วยอาวุธหนัก แต่ยังคงตรวจพบความเคลื่อนไหวทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งกำลังบำรุงและการใช้อากาศยานไร้คนขับเพื่อการตรวจการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ในพื้นที่ช่องบก ตรวจพบรถบรรทุกของฝ่ายตรงข้ามราว 30 คัน เคลื่อนย้ายจากบ้านจาร์ไปยังบ้านโกนปรัมเบย คาดว่าเป็นการส่งกำลังบำรุงและอุปกรณ์เข้าสู่พื้นที่แนวหน้า ขณะที่พื้นที่ช่องอานม้าไม่พบความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ หลายพื้นที่แนวชายแดน อาทิ ช่องซำแต โดนตวล ภูผี สัตตะโสม พนมประสิทธิโส และช่องตาเฒ่า ตรวจพบการเคลื่อนย้ายกำลังบำรุงของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้รถบรรทุกประมาณ 30 คัน จากบ้านจาร์ไปยังบ้านโกนปรัมเบย
พื้นที่ปราสาทพระวิหาร-ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย ตรวจพบรถบรรทุกเคลื่อนย้ายจากบ้านโกมุยไปยังปากช่องคานม้า ขณะที่พื้นที่ภูมะเขือ-ช่องโดนเอาว์-พลาญยาว-พลาญหินแปดก้อน ตรวจพบโดรนราว 10 ลำ บินจากบริเวณหลังเนิน 281 มุ่งหน้าภูมะเขือ ที่ความสูงประมาณ 1,000 เมตร คาดว่าเป็นการตรวจการณ์แนววางกำลังของฝ่ายไทย พื้นที่ปราสาทคนา ตรวจพบทหารกัมพูชาออกลาดตระเวน คาดว่าเป็นการเฝ้าติดตามการปฏิบัติของฝ่ายไทย ขณะที่พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ตรวจพบโดรนจำนวนมากถึงประมาณ 31 ลำ บินเข้ามาในพื้นที่การรบและหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง สันนิษฐานว่าเป็นการตรวจสอบแนวการวางกำลังของฝ่ายไทย ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์พื้นที่ช่องสายตะกู ตรวจพบโดรนราว 50 ลำ บินจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศเหนือ ที่ความสูงประมาณ 900-1,000 เมตร คาดว่าเป็นการตรวจการณ์ทางทหารเช่นกัน
โดยตลอดทั้งวันไม่พบการปะทะด้วยอาวุธหนักหรือการยิงตอบโต้โดยตรง สถานการณ์อยู่ในลักษณะหลังการหยุดยิง กิจกรรมการรบลดลง แต่ยังคงมีการเตรียมกำลัง การเคลื่อนย้ายกำลังบำรุง และการปฏิบัติด้านข่าวกรองอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายกัมพูชาลดการใช้อาวุธยิงระยะไกล และหันมาใช้อากาศยานไร้คนขับจำนวนมากเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงตรึงกำลังในที่ตั้ง ควบคุมพื้นที่ และรักษาเสถียรภาพของแนวป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ศรีสะเกษสะท้อนว่า ภัยคุกคามเชิงไม่สมมาตรยังคงอยู่ในระดับสูง จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวน การทำพื้นที่ให้ปลอดภัย และการคุ้มครองกำลังพลอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ได้ยกเลิกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด ตามที่กองกำลังบูรพาได้ออกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานตั้งแต่ 19.00-05.00 น. ในพื้นที่อำเภอตามแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา, อำเภอโคกสูง, อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาด เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ที่ปรากฏภัยคุกคามต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน จากภายนอกราชอาณาจักรอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้แล้ว เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่งเสริมเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของจังหวัด จึงให้ยกเลิกประกาศห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวกรณีครบกำหนดหยุดยิง 72 ชั่วโมง ในการลงนาม Joint Statement ระหว่างไทย-กัมพูชาแล้วว่า ยังไม่ได้ฟังผลการประชุมประเมิน แต่เราก็ทำตามข้อตกลง ส่วนจะปล่อยตัว 18 ทหารกัมพูชาเลยหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของคนดำเนินการ สำหรับกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ไม่ยอมรับการยึดและปักธงของไทย ถือเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ชายแดนไม่ได้สงบจริงใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราไปปักธงก็แสดงว่าเรามั่นใจว่านี่คือพื้นที่ของประเทศไทย ก็แค่นั้นแหละ ใครจะไปพูดอะไรก็พูดไป รัฐบาลไทยก็พูดแบบนี้ คนไทยก็พูดแบบนี้"
ส่วนกรณีที่จีนเสนอช่วยเหลือไทย 20 ล้านหยวน เพื่อฟื้นฟูความเสียหายต่อประชาชนและทรัพย์สิน ตอนนี้มีการพูดคุยยังไงบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นข้อเสนอที่พูดขึ้นมาในการประชุมระหว่าง 3 ประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กัมพูชา และจีน รายละเอียดเรายังไม่ได้ลงลึก ต้องหารือก่อน ผู้สื่อข่าวยังสอบถามว่าจะเดินทางช่วงปีใหม่ที่ใดบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ไป จะไปดูพี่น้องทหารที่อยู่ชายแดน
กำชับเฝ้าระวังช่วงปีใหม่
ต่อมาเวลา 17.00 น. นายกฯ ได้เชิญนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือบนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังครบกำหนดหยุดยิง 72 ชั่วโมง ตามถ้อยแถลงการลงนาม Joint Statement
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีการละเมิดข้อตกลง ในช่วงวันหยุดปีใหม่ เพื่อสร้างความสบายใจให้กับประชาชน โดยรัฐบาลยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนอย่างดีที่สุด
ด้านนายสีหศักดิ์ กล่าวถึงผลการประชุม 3 ฝ่ายของจีน ไทย และกัมพูชา ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าการประชุมครั้งนี้เรามุ่งหมายที่จะให้การหยุดยิงที่มีการตกลงระหว่างกันเป็นไปอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน หลังจากนั้นเราถึงต้องมาดูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร อย่างไรก็ตามช่วงนี้การหยุดยิงเพิ่งจะตกลงกัน สถานการณ์ก็ยังมีความเปราะบางอยู่ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ยั่วยุ หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงบั่นทอนการหยุดยิง เช่นการปล่อยโดรน เราก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง
สำหรับเรื่องถ้อยแถลงระดับผู้นำเราก็ต้องระมัดระวัง เช่น กรณีนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมาพูดว่า "การหยุดยิงไม่ได้หมายความว่าฝ่ายกัมพูชาแพ้" เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ เราก็ต้องถามกลับไปว่าใครเป็นฝ่ายขอหยุดยิง ตนมองว่าเราควรจะก้าวข้าม เพื่อทำให้การหยุดยิงมีความยั่งยืน สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน
เมื่อถามถึงกรณีตรวจพบโดรนของกัมพูชาเข้ามายังฝั่งไทย 250 ลำ รวมถึงกรณีทหารเหยียบทุ่นระเบิด จะส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้หรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ต้องดูว่าทุ่นระเบิดเป็นของเก่าหรือของใหม่ ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประเด็นที่เราต้องพูดคุยกันในการประชุมจีบีซี คือฮอตไลน์ ต้องตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ส่วนประเด็นที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามเร่งรัดให้เกิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนเพื่อปักปันเขตแดนนั้น ก็ต้องบอกว่าผลการประชุมจีบีซียังไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเราจะต้องมีผลการพิจารณาตรงนี้ก่อน และในการประชุมเจบีซีนั้นก็ต้องมาดูอีกว่า รัฐบาลรักษาการพิจารณาได้แค่ไหนอย่างไร ซึ่งจะมีข้อกฎหมายมีขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะสามารถจัดได้ทันที
"ยืนยันว่าเราไม่ได้ประวิงเวลา แต่ต้องรอผลการประชุมจีบีซีก่อน หลังจากนั้นการประชุมเจบีซีก็จะต้องมีข้อสั่งการจาก ครม.ก่อน เพราะถ้าเป็นนโยบายที่มีผลผูกพันต่อรัฐบาลใหม่ จะต้องมาดูกันอีกทีในแง่ข้อกฎหมาย" รมว.การต่างประเทศกล่าว
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการปล่อยตัวเชลยศึกชาวกัมพูชา 18 คน นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ตามที่มีการพูดคุยกันคือการปล่อยหลัง 72 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นขอย้ำว่า ช่วงนี้การหยุดยิงเราอยากจะเดินหน้า และอยากให้เคารพการหยุดยิง สิ่งที่พูดกันไว้ก็ต้องรักษาคำพูด แต่เรื่องนี้ยังมีความเปราะบางอยู่ ควรหลีกเลี่ยงการกระทำ เหตุการณ์หรือคำพูดใดๆ ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเพื่อเดินต่อไปข้างหน้า ส่วนฉากทัศน์หลัง 72 ชั่วโมง หากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราก็เดินหน้าในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น 1.ไม่เกิดการยั่วยุระหว่างชายแดน 2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งการประชุมเจบีซีจะมีได้ พื้นที่ต้องมีความปลอดภัยก่อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างบรรยากาศที่ดี
เมื่อถามถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน อาจจะไม่ยอมรับเขตแดนในพื้นที่ที่ทหารไทยปักธงไทย นายสีหศักดิ์กล่าวว่า บริบทเปลี่ยนแปลงไปแล้ว การประชุมเจบีซีถ้ามีขึ้นเมื่อไหร่ก็ต้องพิจารณาจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และมีขั้นตอนของมัน ระยะเวลาอาจจะไปถึงรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร จะมีการทบทวน MOU 43 หรือไม่
โดรนเขมรยังบินล้ำไทย
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงต่างประเทศ แถลงข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า หลังครบกำหนด 72 ชั่วโมงของข้อตกลงหยุดยิงเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ยืนยันว่า ไทยได้ปฏิบัติตาม joint statement : JS เคร่งครัด แต่ปรากฏว่าฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจพบโดรนของกัมพูชาบินล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทย เข้าข่ายละเมิดถ้อยแถลงร่วม ข้อ 6 ที่ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายต้องละเว้นการกระทำที่เป็นการยั่วยุใดๆ หรือการปฏิบัติการทางทหารที่ล้ำน่านฟ้าดินแดน หรือที่เป็นที่ตั้งของอีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้ฝ่ายไทยกำลังพิจารณาเรื่องการปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ซึ่งทราบว่าได้มีการสื่อสารระหว่างกระทรวงกลาโหมสองฝ่ายโดยตรงแล้ว โดยกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้ออกประกาศห้ามบินโดรนในประเทศ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว ส่วนเรื่องการพิจารณาวัน เวลาปล่อยตัวขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงจะพิจารณา คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
สำหรับการจัดชี้แจงกับทูตานุทูตในวันนี้นั้น ได้มีการพูดถึงการดำเนินการในขั้นต่อไประหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งสองฝ่ายจะต้องเคารพและปฏิบัติตาม JS อย่างเคร่งครัดต่อไป โดยมีโรดแมปที่จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งรวมถึงการเก็บทุ่นระเบิดด้วย สำหรับเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ทั้งก่อนลงนามในถ้อยแถลงและภายหลังการลงนามไปแล้ว 2 วัน กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ฝ่ายไทยในฐานะประเทศสมาชิกภาคีอนุสัญญาออตตาวา ก็จะรวบรวมหลักฐานโดยละเอียดเพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงตามกรอบการปฏิบัติของถ้อยแถลงร่วมและได้มีหนังสือถึงกัมพูชา รวมถึงการดำเนินการตามกลไกอนุสัญญาออตตาวาอย่างถึงที่สุด
จากการประเมินเบื้องต้นเราคาดว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ตามแนวชายแดนอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ของฝ่ายไทยที่เข้าควบคุมก่อนมีการลงนามถ้อยแถลงร่วม ซึ่งเมื่อมีการเหยียบทุ่นระเบิด เราต้องยื่นเรื่องประท้วง เพราะเป็นแนวปฏิบัติสากล ซึ่งเป็นการแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการของไทยที่มีผลในเชิงกฎหมายและมีผลทางการทูตอย่างชัดเจน ถือเป็นหลักฐานสำคัญในระบบกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นการรักษาความชอบธรรมในการปกป้องสิทธิอธิปไตยของไทยในระยะยาว แต่สิ่งที่สำคัญคือพี่น้องประชาชนที่ต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัยในห้วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งจะเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายปกครองในการประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่
นายนิกรเดชยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้มีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ว่า ข้อเสนอของกัมพูชาในเรื่องเจบีซี คือ 1.เรารับฟังได้ เพราะเป็นข้อเสนอตามกลไกทวิภาคี แต่สิ่งที่กัมพูชาเสนอ เกิดขึ้นก่อนการประชุมอาเซียนซัมมิต ก่อนการประชุม AMM สมัยพิเศษ และก่อนการประชุม GBC ดังนั้นข้อเสนอดังกล่าวต้องถูกทบทวน เพราะสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปมากในขณะที่ประเทศไทยเห็นด้วยกับกลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหา
2.หลังจากมีกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดไป 11 ราย ดังนั้นการที่จะคุย JBC ได้ต้องคุยเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด จนมีกลไกที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะเราคงไม่สามารถไปพูดเรื่องปักปันเขตแดนในขณะที่ยังมีทุ่นระเบิดเต็มไปหมดได้ 3.ในปัจจุบันรัฐบาลได้ยุบสภาไปแล้ว จึงต้องดูว่าการเห็นชอบหัวคณะกรรมาธิการฯ ที่จะไปพูดคุย หรือแม้กระทั่งการพิจารณาหัวข้อที่จะพูดคุย รวมถึงผลการหารือที่จะนำเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบนั้น ทำได้หรือไม่ ในช่วงนี้รัฐบาลรักษาการ อาจเป็นไปได้ว่าไม่อยู่ในสถานะที่จะส่งคณะผู้แทนไปเจรจาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนในรัฐบาลนี้
2 รมว.กห.ฮอตไลน์คุยกัน
ส่วนกรณีที่จะมีการปะทะกันอีกหรือไม่นั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า เราหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่มีการคุยกันในจีบีซีครั้งล่าสุดได้วางกลไกเอาไว้แล้ว เช่น ปัญหาเรื่องโดรนที่เกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสองชาติฮอตไลน์ถึงกัน ในส่วนกระทรวงการต่างประเทศก็มีกลไกในการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องไปดูในถ้อยแถลงว่าเราจะทำอะไรกันต่อหากเกิดเรื่องนี้ขึ้น
ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ออกมาระบุว่า ภาพรวมกระแสสังคมไทยยังเป็นไปในทิศทางบวก สำหรับกรณีการพบทุ่นระเบิดสังหารและสมุดระบุพิกัดวางระเบิด กองทัพยืนยันว่า หลักฐานที่ตรวจพบชี้ชัดถึงความพยายามทำร้ายทหารไทย เข้าข่ายละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา โดยไทยได้รวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ และดำเนินการผ่านกลไกสากลตามมาตรฐานที่เหมาะสม ส่วนการพบโดรนจำนวนมากตามแนวชายแดน ถือเป็นประเด็นความมั่นคงที่ฝ่ายไทยให้ความสำคัญสูงสุด กองทัพได้ประเมินสถานการณ์และใช้มาตรการที่จำเป็น ได้สัดส่วน และยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ต่อข้อกังวลของประชาชนบางส่วนที่มองว่ารัฐ “อ่อนข้อ” ให้กัมพูชา กองทัพชี้แจงว่า การเจรจาและการหยุดยิงเป็นเครื่องมือเพื่อลดความสูญเสีย ไม่ใช่การยอมจำนน ไทยยังคงตรึงกำลัง เฝ้าระวัง และพร้อมปกป้องอธิปไตยตลอด 24 ชั่วโมง โดยมิติการทูตและการทหารเดินไปพร้อมกันอย่างสมดุล หากครบกำหนด 72 ชั่วโมงของการหยุดยิง ฝ่ายไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีการยั่วยุหรือละเมิดข้อตกลง ไทยมีสิทธิและความพร้อมในการปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันยังเปิดโอกาสให้กระบวนการเจรจาเดินหน้าต่อ เพื่อคืนความสงบสุขตามแนวชายแดน และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
วันเดียวกัน พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พลทหารปฏิพัทธิ์ ศรประดิษฐ์ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการสู้รบ บริเวณพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 9 ขั้น ขอพระราชทานชั้นยศเป็น ร้อยตรี และจะได้รับเงินพระราชทาน, เงินบำรุงขวัญ, เงินสินไหมทดแทนในการประกันชีวิตของกองทัพบก (ภัยสงคราม), เงินช่วยเหลือและเงินบำเหน็จตกทอดให้กับทายาท และเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีและเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบฯ ตามมติ ครม. รวมประมาณ 11,113,750 บาท.