โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คืบคดีฆ่าหั่นศพ เพื่อนร่วมงาน เผย ลูกชายเตรียมหนี หากไม่มาเจอก่อน

MATICHON ONLINE

อัพเดต 26 พ.ย. 2562 เวลา 02.35 น. • เผยแพร่ 26 พ.ย. 2562 เวลา 01.45 น.

คืบคดีฆ่าหั่นศพ เพื่อนร่วมงาน เผย ลูกชายเตรียมหนี หากไม่มาเจอก่อน

 

จากกรณี นายศิระ สมเดช หรือกาย อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ก่อเหตุฆาตกรรมฆ่าหั่นศพ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นมารดา ก่อนแยกชิ้นส่วนยัดใส่ช่องฟรีซในตู้เย็น ภายในบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นตรงทางสามแพร่งเลขที่ 17 ซอยท่าข้าม 28 แยก 6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน

ก่อนที่ตัวลูกชายจะคว้าปืนมายิงใส่ศีรษะเพื่อหนีความผิด กระทั่งไปเสียชีวิตที่ รพ.นครธน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว น.ส.วรนุช วงษ์ชัย อายุ 35 ปี เพื่อนร่วมงานของผู้ตายซึ่งพบศพเป็นคนแรก ไปสอบปากคำ ที่ สน.ท่าข้าม ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว นั้น

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน น.ส.วรนุช เพื่อนร่วมงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนานกว่า 3 ชั่วโมง ว่า ตนไม่ทราบสาเหตุที่ลูกชายเพื่อนสนิทก่อเหตุดังกล่าว แต่ตอนที่มาถึงบ้านน้องกายได้ร้องไห้ฟูมฟายบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่นวาย แต่หากตนไม่เข้าไปพบศพภายในตู้เย็น เชื่อว่าน้องกายคงกำลังเตรียมตัวหลบหนี เนื่องจากในกระเป๋ามีการเตรียมยา ทรัพย์สิน เงิน และทอง จำนวนหนึ่ง และยังมีกระสุนปืนอีกกว่า 50 นัด โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ตรวจสอบภายในห้องน้ำ พบเต้านมและซิลิโคนที่ถูกเฉือนนำไปทิ้งในชักโครก ทั้งนี้ ตั้งแต่รู้จักกันมาไม่พบความผิดปกติของลูกชายผู้ตาย และเพื่อนก็ไม่เคยนำเรื่องมาปรึกษา ตนก็เพิ่งทราบวันนี้ว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

– ผอ.สถาบันจิตเวชฯ ชี้เป็นไปได้น้อยมาก ผู้ป่วยซึมเศร้า ฆ่าคนอื่น เคสหั่นศพต้องดูประวัติ

– สยอง! เกิดเหตุฆ่าหั่นศพ แม่ตัวเอง แยกชิ้นส่วนยัดตู้เย็น

– คืบคดีฆ่าหั่นศพ เพื่อนร่วมงาน เผย ลูกชายเตรียมหนี หากไม่มาเจอก่อน

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

 

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...