โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ลุงแท็กซี่ เปิดใจสาเหตุขายบ้าน มานอนในปั๊มน้ำมันมานาน 2 ปี

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

อัพเดต 20 ม.ค. 2566 เวลา 04.36 น. • เผยแพร่ 20 ม.ค. 2566 เวลา 04.11 น.

ลุงแท็กซี่รักสันโดษ เปิดใจสาเหตุขายบ้าน มานอนในปั๊มน้ำมันมานาน 2 ปี ลั่น มาถึงจุดหนึ่ง "คนเราต้องการเพียงความสบายใจ"

เป็นเรื่องราวที่แชร์กันในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้งาน TikTok @bangkapi2530 ได้แชร์โมเมนต์ที่ได้คุยกับคุณลุงแท็กซี่ ที่ตัดสินใจขายบ้านมาอาศัยนอนในปั๊มน้ำมัน 2 ปีแล้ว ระบุว่า "เป็น 3 นาที ที่มีคุณค่า "ขายบ้านนอนปั๊ม" มาถึงจุดหนึ่ง "คนเราต้องการเพียงความสบายใจ" #ความสุข"

ลุงแท็กซี่ เปิดใจสาเหตุขายบ้าน มานอนในปั๊มน้ำมันมานาน 2 ปี

ในคลิป ลุงขับแท็กซี่ เล่าว่า ตนเองกินนอนอยู่ปั๊มน้ำมันมา 2 ปี ลูกๆ ก็เป็นห่วงโทรมาประจำ ซึ่งบ้านจริงๆก็มีแต่ขายไปแล้ว เพราะบ้านมันถูกปลวกกิน จึงให้ลูกขายแล้วก็เอาเงินมาถมที่ให้สูงขึ้นก็มีแต่ที่ดินเท่านั้นไม่มีบ้าน

ลุงแท็กซี่ เปิดใจสาเหตุขายบ้าน มานอนในปั๊มน้ำมันมานาน 2 ปี

ลูกชายคนโตมีแฟนเป็นหัวหน้าพยาบาล จึงไปพักอยู่บ้านหลวง ส่วนลูกคนเล็กอยู่กับแม่ ซึ่งตนเองเลิกกับภรรยามาได้ 20 ปีแล้ว และไม่เคยไปหาเลย ตอนนอนอยู่ปั๊มก็มีเพื่อนแท็กซี่ด้วยกัน ตกเย็นมาก็นั่งคุยสนุกสนาน

ลุงแท็กซี่ เปิดใจสาเหตุขายบ้าน มานอนในปั๊มน้ำมันมานาน 2 ปี

คนขับแท็กซี่ก็นอนในปั๊มกันหลายคน บางคนบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ เห็นเรานอนก็นอนด้วย กลายเป็นเพื่อนคุยกันสนุกสนาน ทางปั๊มเราก็เป็นลูกค้า เพราะต้องเติมน้ำมันกับเขา พอเช้าตื่นมาตี 4 ต่างคนต่างมาเช็กรถ พอเสร็จก็ต่างคนต่างออกไปทำมาหากิน ช่วงค่ำๆ ถึงจะได้เจอกัน มีเรื่องอะไรก็เล่าสู่กันฟัง ตนอายุมากแล้วไม่ใช่วัยรุ่น เลยไม่เป็นทุกข์ แก่แล้วไม่รู้จะไปเที่ยวไหน

ขอบคุณ @bangkapi2530

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...