Wrap Up ผลงาน’ชัชชาติ’ 3ปี7เดือน เตรียมส่ง3เมกะโปรเจกต์สู่สายตาชาวกรุง
จากยุทธศาสตร์ 9 ด้าน 9 ดี ที่เป็นเสมือนธง ปักไว้เป็นเป้าหมายให้ทุกฝ่ายเดินหน้ามุ่งไปในทิศทางเดียวกัน มองเห็นจุดหมายเดีนวกัน โดยยังคงเน้นการพัฒนา 9 มิติสำคัญของเมือง ได้แก่ เดินทางดี, ปลอดภัยดี, โปร่งใสดี ,สิ่งแวดล้อมดี, สุขภาพดี, เรียนดี, เศรษฐกิจดี, สังคมดี และบริหารจัดการดี
Wrap Up 3 ปี7เดือน เห็นอะไรบ้าง
ผู้ว่าฯชัชชาติ ระบุ ทำงานมา 3 ปี7เดือนแล้ว เหลืออีกประมาณ 5เดือน ช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วง Wrap Up เตรียมส่งต่องานต่อ และจาก 200กว่าโครงการนั้น บางโครงการที่ลงมือทำแล้วไม่ work เราก็ไม่ตัดสินใจทำต่อ แต่ทั้งนี้โครงการที่เราทำเสร็จไปแล้ว ประชาชนสามารถเข้ามาดูได้ใน openpolicy.bangkok.co.th ซึ่งประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้านโยบายทั้งหมดของกทมได้ผ่านช่องทางนี้ นอกจากนี้หลายคนอาจมีคำถามว่าทำไม กทม.จึงไม่ทำเมกะโปรเจกต์ แต่ความจริงแล้วเรามีเมกะโปรเจกต์ใหญ่ คือการจ่ายหนี้บีทีเอส จำนวน70,929 ล้านบาท หากมองผิวเผินอาจจะไม่ใช่ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานของกทม. ซึ่งถ้าเราไม่ได้นำเงินไปจ่ายตรงนี้ก็อาจจะทำให้เราได้ทำโครงการอื่นเพิมขึ้น
ยกตัวอย่างงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จเช่น เปิดถนนใหม่เชื่อมถนนวิภาวดีและพหลโยธิน ช่วยระบายการจราจร ปรับปรุงทางเท้ากว่า 1,100 กม.และปรับปรุงทางเดินเท้ารองสถานี และทางเดินริมคลอง, เริ่มใช้งาน Cover Walkway สาทร จบคดีรถดับเพลิงและรถบรรทุกน้ำ 139 คันให้สามารถนำกลับมาใช้ได้, ตัดรถความเร็วลงจาก 80 กม./ชม.เป็น 60 กม./ชม. แจกเครื่องดับเพลิงมือถือแล้ว 37,590 ถัง , ร่วมมือกับ ปปช ปปท. ลงโทษข้าราชการทุจริต 28 ราย, เริ่มโครงการคัดแยกขยะ 100% ไม่เทรวมปรับค่าธรรมเนียม 20 บาทสำหรับประชาชนที่คัดแยก ,สวน 15 นาที 395 แห่ง,
เปิดสถานพยาบาลแห่งใหม่ให้บริการประชาชนเพิ่มเติมได้แก่โรงพยาบาลสายไหมและโรงพยาบาลดอนเมือง รวมถึง bellness Clinic ให้บริการตรวจสุขภาพประชาชน, เพิ่มศบส.พลัสิมีเตียงพักคอยให้ผู้ป่วยดูอาการเบื้องต้น, ขยายผลห้องเรียนดิจิตอลครบ 437 แห่ง , เพิ่มเงินเดือนครูในรอบ 12 ปีตามคุณวุฒิและประสบการณ์ ,ประกาศใช้ระเบียบหาบเร่แผงลอยใหม่ พร้อม Set zero ปรับให้หาบเร่แผงลอยเข้าสู่ระบบ 100%, ปรับปรุงลุมพินีสถาน พัฒนาย่างสร้างสรรค์ เช่น ทรงวาดบรรทัดทอง ตลาดพลู คลองบางหลวง , กำหนดตัวชี้วัด พร้อมติดตามการทำงานผ่าน policy Bangkok ให้หน่วยงาน และสำนักงานเขตรายงานเข้ามาเป็นประจำ ,Traffy Fondue ดำเนินการแล้วเสร็จ 933,872 เรื่องร้องเรียน เป็นต้น
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุต่อไปว่า เราสามารถปฏิรูประบบราชการได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนกฏหมาย เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจของเรา ยกตัวอย่าง แพลตฟอร์ม Traffy Fondue เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เห็นว่าเราสามารถปฏิรูประบบราชการโดยไม่ต้องเปลี่ยนกฏหมาย โดยเป็นการปรับเปลี่ยนให้ข้าราชการหันไปดูประชาชนแทนการมาดูผู้ว่าฯ สิ่งสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพของข้าราชการให้ตอบสนองต่อประชาชนใช้งบประมาณให้น้อยที่สุดแต่ได้ผลงานมากที่สุด ทั้งนี้ถ้าสามารถขยายผลไปทั่วประเทศได้ก็จะทำให้เมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้น อยากให้ กทม.เป็นต้นแบบของการเพิ่มประสิทธิภาพของเมือง เพื่อให้ท้องถิ่นๆอื่นสามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ได้และขยายผลได้ เมื่อเรามีตัวชี้วัดที่ชัดเจน จะทำให้ตัวของข้าราชการรู้ว่าในแต่ละวันนั้นจะมีภารกิจอะไรบ้าง
เตรียมส่งต่อเมกะโปรเจกต์
ผู้ว่าฯชัชชชาติ เล่าต่อไปว่า 5เดือนที่เหลือ คือการ Wrap Up ในส่วนต่างๆแล้วก็มีเมกะโปรเจกต์อยู่ 3 โครงการที่เตรียมส่งต่อให้กับผู้บริหารชุดใหม่ ประกอบด้วย
1. การก่อสร้างศูนย์ราชการฝั่งธนบุรี ตรงคลองสาน ปัจจุบันฝั่งธนฯไม่มีศูนย์ราชการ หอศิลป์ หรือสิ่งที่ถือเป็นศูนย์กลางเหมือนฝั่งพระนครเช่น ศาลาว่าการกทม. ลานคนเมือง เป็นต้น โดยมีพื้นที่ตรงสำนักการศึกษาและรพ.ตากสิน ทั้งนี้ มีการออกแบบไว้แล้วแต่เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่คงต้องรออีกครั้ง แต่สำหรับสิ่งวางแปลนคือ เนื่องจากตึกจะอยู่ติดริมแม่น้ำ ส่วนใหญ่หากเป็นอาคารของเอกชน ด้านบนก็จะเปิดให้บริการเป็นห้องอาหารเพื่อชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่สิ่งที่เราคิดคือ ด้านบนก็จะเปิดเป็นสตรีทฟู๊ดให้ประชาชนทั่วไปขึ้นไปนั่งรับประทานอาหาร มีสวนขนาดเล็ก พร้อมกับชมวิวแม่น้ำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงทำคล้ายต่างประเทศที่มีหอชมเมือง
2. สะพานทางเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีการออกแบบให้เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เหมือนเมืองใหญ่ๆในต่างประเทศที่จะมีสะภานคนเดินข้ามแม่น้ำเป็นเหมือน Landmark อีกแห่งหนึ่งที่เมื่อมา กทม.แล้วก็จะต้องมา ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งทางเดินใหม่นี้จะเป็นทางเชื่อมแหล่งท่องเที่ยวฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรีได้อีกจุดหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามจากถนนทรงวาด ตลาดน้อย ข้ามมาถนนเชียงใหม่เดินเข้าคลองสาน ทางเดินริมน้ำเข้าท่าดินแดงได้
3. การปรับให้ศาลาว่าการกทม. เสาชิงช้าสู่พื้นที่สาธารณะ โดยมีการออกแบบและปรับปรุงทั้งด้านในอาคารและลานคนเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลียร์พื้นที่ของศาลาว่าการกทม.ดินแดงเพื่อจะย้ายคนไป ช่วงสมัยนี้คือการเตรียมพื้นที่ฝั่งดินแดงให้พร้อม ส่วนที่บริเวณลานคนเมืองก็จะถูกปรับพืนที่ให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เชื่อมโยง และตึกศาลาว่าการก็จะเป็นพื้นที่ที่คนเข้ามาใช้ได้ โดยมีการแบ่งโซนออกเป็น 2 โซนคือ โซน Publice จะเป็นโซนพื้นที่ด้านหน้า เช่น มี Co-working space ,มี Exibition Hall ที่สามารถรองรับคนได้100-300 คน ,มีพิพิธภัณฑ์ ส่วนบริเวณชั้น 4-5 ที่มองเห็นวิววัดสุทัศน์ฯก็จะเปิดให้ประชาชนขึ้นไปชมวิวได้ฟรี และ 2. Private ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านหลังก็จะมีประเภทศูนย์บริการต่างๆ เช่น ศูนย์บริการสาธารณสุข .สถานที่ออกกำลังกาย และสำนักงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ยังมุ่งหน้าไปต่องานพ่อเมือง หรือจะพอแค่นี้?
หลายคนก็มีคำถามและหลายก็อยากจะรู้ว่า ในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กลางปีนี้ จะมีชื่อของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงชิงชัยในสนามอีกครั้งหรือไม่ ทั้งที่ผ่านมาก็มีชื่อมีของผู้ว่าฯชัชชาติในสนามเลือกตั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน
ซึ่งผู้ว่าฯชัชชาติ ก็มักจะตอบคำถามผ่านสื่อทุกครั้งว่า ขอทำงานตรงนี้ ณ ปัจจุบันให้ดีก่อน ส่วนเรื่องของอนาคตขอตัดสินใจอีกครั้งว่าหากลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยังมีนโยบายใดจะนำเสนอต่อประชาชนได้ และสิ่งที่สำคัญคือประชาชนยังไว้วางใจให้ทำหน้าที่พ่อเมืองต่อหรือไม่
"ถ้าหากเราจะลงต่อเราจะต้องมีคำตอบที่ดีมากๆว่าเราจะทำอะไร เราจะมีอะไรที่จะนำเสนอให้ประชาชนเหมือนในสมัยแรก เพราะ4ปีต่อไปข้างหน้าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ กทม. ที่จะก้าวไปสู่เมืองระดับโลก และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย ดังนั้นถ้าเราจะลงต่อเราต้องมั่นใจว่าเราจะมีชุดนโยบาย(Policy Set) ที่คิดตอบโจทย์เมืองได้อย่างแท้จริง มองทะลุถึงอนาคต ดังนั้นจึงต้องคิดตรงนี้ให้ตกผลึกก่อนว่าเราจะก้าวไปได้หรือไม่หรือ เราจะสามารถพาเมืองไปได้หรือไม่
เพราะอีก 4ปีจะเป็นช่วงเปลี่ยนของโลกที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาท ถ้าเราพลาด 4 ปีนี้ไป เราไม่มีนโยบาย(Policy)ที่ดี เราไม่มีคนที่มีประสิทธิภาพมาบริหาร ก็จะทำให้เมืองล้าหลัง และเข้าสู่การแข่งขันยาก ดังนั้นหัวใจสำคัญคือ จะทำอะไรในเงื่อนไขที่มีอยู่ เราจะพาเมืองนี้ไปอย่างไรในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่เราจะไม่พูดถึงเรื่องการเปลี่ยนกฎหมายเพราะเป็นเรื่องอนาคต สุดท้ายถ้าไม่ได้เปลี่ยนปัญหาก็จะวนกลับมา ดังนั้น สิ่งที่ต้องคิดคือ ในอีก 4 ปีข้างหน้าเราจะพาเมืองไปอย่างไร ให้เมืองสามารถอยู่รอดได้ แต่หน้าที่ของเราตอนนี้คือทำ ณ ปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่อส่งต่อ รวมถึงพัฒนานโยบายของเราเพราะ 4 ปีข้างหน้าสำคัญมากๆ"
สุดท้ายขอให้ผู้ว่าฯชัชชาติช่วยประเมินผลงานตัวเองว่า ปีนี้ให้กี่คะแนน : ปีนี้ใครอยากเป็น 6 คะแนนละกัน ผู้ว่าชัชชาติระบุทิ้งท้าย
ทีมข่าวชุมชนเมืองรายงาน