โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

7 กลไกสุดแปลก! ของร่างกายมนุษย์ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตาย

sanook.com

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Sanook
7 ปฏิกิริยาแปลกของร่างกาย เมื่อเผชิญสถานการณ์

7 ปฏิกิริยาแปลกของร่างกาย เมื่อเผชิญสถานการณ์ "เป็นตายเท่ากัน" เผยความลับที่ช่วยให้คุณรอดชีวิต

ร่างกายมนุษย์นั้นซับซ้อนและน่าทึ่งกว่าที่คิด โดยเฉพาะในวินาทีที่เผชิญกับอันตรายถึงชีวิต รัฐบาลของร่างกายจะสั่งการทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมองส่วนคิด กลไกเหล่านี้บางอย่างมองไม่เห็น บางอย่างน่าขนลุก และบางอย่างก็ดูแปลกประหลาดจนน่าเหลือเชื่อ เพื่อทำทุกวิถีทางให้เรามีชีวิตรอดต่อไป

1. เวลาที่เดินช้าลง (Distorting time)

ผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุร้ายแรงมักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เวลาเหมือนหยุดนิ่ง" หรือช้าลงอย่างมาก ผลการศึกษาจาก University of Iowa พบว่าประชากรกว่า 70% ในสถานการณ์เสี่ยงตายประสบกับภาวะนี้ งานวิจัยระบุว่าความกลัวทำให้สมองบันทึกรายละเอียดได้ลึกและหนาแน่นกว่าปกติ ส่งผลให้เมื่อเราย้อนระลึกถึงเหตุการณ์นั้น ความทรงจำจะดูยาวนานกว่าความเป็นจริง

2. สัญชาตญาณสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Cold water survival reflex)

เมื่อใบหน้าสัมผัสกับน้ำเย็นจัด ร่างกายจะเปิดใช้งานกลไกที่เรียกว่า "Mammalian Diving Reflex" ซึ่งจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลงอัตโนมัติ และดึงออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะสำคัญที่จำเป็นที่สุดก่อน นอกจากนี้งานวิจัยในปี 2021 ยังชี้ว่ากลไกนี้ช่วยลดอาการวิตกกังวลได้อย่างฉับพลันอีกด้วย

3. การปิดสวิตช์ความเจ็บปวด (Switching off pain)

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่างกายสามารถสะกดความเจ็บปวดไว้ได้ชั่วคราวเพื่อให้คุณหนีรอด ดร. แดน บามการ์ด จาก University of Bristol อธิบายว่าสมองส่วน PAG จะทำหน้าที่ปิดกั้นความรู้สึกเจ็บปวด เช่นเดียวกับเวลาเราเผลอหยิบของร้อนในครัว ร่างกายจะระงับความเจ็บไว้เสี้ยววินาทีเพื่อให้คุณถือของนั้นไปวางได้ทันก่อนจะปล่อยมันร่วงใส่เท้าตัวเอง

4. รูม่านตาขยายเพื่อจับจ้องอันตราย (Eyes adjust to threat)

ความกลัวจะสั่งให้รูม่านตาขยายตัวกว้างขึ้นเพื่อให้แสงเข้าสู่ดวงตามากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความคมชัดของการมองเห็นชั่วคราว งานวิจัยในปี 2016 พบว่าในผู้ป่วยที่มีภาวะ PTSD รูม่านตาจะขยายตัวรุนแรงกว่าปกติเมื่อเห็นภาพที่สื่อถึงอันตราย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

cottonbro studio

5. ฝันร้ายคือการฝึกซ้อม (Nightmares train the brain)

เชื่อหรือไม่ว่าการนอนฝันร้ายอาจเป็นวิธีกระบวนการฝึกสมองเพื่อรับมืออันตราย ผลการศึกษาในปี 2019 ระบุว่าฝันร้ายช่วยพัฒนาปฏิกิริยาการตอบสนองต่อความกลัวเมื่อยามตื่น การฝันถึงสถานการณ์ที่น่ากลัวจึงเปรียบเสมือนการจำลองสถานการณ์เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง

6. การดมกลิ่นความกลัว (Smelling fear)

มนุษย์สามารถรับรู้ความกลัวของผู้อื่นได้ผ่าน "กลิ่นเหงื่อ" โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว งานวิจัยพบว่าเมื่อคนได้รับกลิ่นเหงื่อของคนที่กำลังกลัว สมองส่วนอะมิกดาลา (Amygdala) ซึ่งควบคุมปฏิกิริยาการสู้หรือหนีจะทำงานหนักขึ้นทันที สิ่งนี้ช่วยให้มนุษย์ในยุคโบราณระวังตัวได้ทันเมื่อคนในเผ่าตกอยู่ในอันตราย

7. อาการตัวสั่น (The shakes)

อาการตัวสั่นเมื่อเผชิญหน้ากับความตายไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่เป็นผลมาจาก "อะดรีนาลีน" ที่พุ่งสูงขึ้น สารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อตึงตัว หัวใจเต้นเร็ว และสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ อย่างรวดเร็ว อาการสั่นที่เกิดขึ้นคือพลังงานส่วนเกินที่เตรียมพร้อมให้ร่างกายขยับตัวหรือวิ่งหนีด้วยความเร็วสูงสุด

สรุปกลไกการเอาตัวรอด

ร่างกายของเราถูกออกแบบมาอย่างมหัศจรรย์เพื่อรักษาชีวิตในวินาทีวิกฤต แม้ว่ากลไกเหล่านี้จะดูแปลกประหลาด แต่ทุกอย่างล้วนมีเป้าหมายเดียวคือการพาคุณออกจากพื้นที่อันตรายให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม หากประสบภาวะตื่นตระหนกเรื้อรังหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...