โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บุกวิลล่าหรูพัทยา เจอหลักฐานใหม่ แฉชัดแก๊งเกาหลีเทา หลอกลงทุน-ตุ๋นรักข้ามชาติ

เดลินิวส์

อัพเดต 21 มิ.ย. เวลา 22.38 น. • เผยแพร่ 21 มิ.ย. เวลา 20.00 น. • เดลินิวส์
ตำรวจค้นพลูวิลล่าหรูเพิ่ม เปิดโปงฐานปฏิบัติการ “แก๊งเกาหลีเทา” กลางพัทยา ตำรวจบุกช่วยเหยื่อแต่เจอรังหลอกลงทุน-โรแมนซ์สแกม ยึดของกลางอื้อ-พบโยงข้ามชาติ

จากเหตุการณ์ระทึกใจเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจ สภ.บางละมุง บุกเข้าตรวจสอบบ้านพลูวิลล่าหรู เลขที่ 400/19 หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังได้รับการประสานจากสถานทูตเกาหลีใต้ ว่ามีชาวเกาหลีใต้รายหนึ่งถูกลักพาตัวมาทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เมืองพัทยา

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบชายชาวเกาหลีใต้กว่า 20 คนกำลังนั่งประจำโต๊ะคอมพิวเตอร์ทำงาน พอเห็นตำรวจ ต่างพากันแตกตื่นวิ่งหนี บางรายถึงขั้นกระโดดจากชั้นสองจนบาดเจ็บ ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ทั้งหมด 21 ราย แบ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ 20 ราย และคนจีน 1 ราย

หวังช่วยเหยื่อกลับเจอแก๊งเงินกู้! 22 เกาหลีวิ่งหนีกระเจิง-โดดชั้น 2 สาหัส

คืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้าน พบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือกว่า 60 เครื่อง และอุปกรณ์สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต (IP Phone) นอกจากนี้ยังพบกระดานไวท์บอร์ดเขียนข้อความด้วยภาษาเกาหลี ที่มีลักษณะเชิญชวนให้ลงทุนในตลาดหุ้น พร้อมสัญญาผลตอบแทนสูงถึง 500 ล้านวอน หรือประมาณ 12 ล้านบาท และยังพบข้อความในลักษณะ “โรแมนซ์สแกม” อีกด้วย

เบื้องต้น ชาวเกาหลีในกลุ่มให้การว่าเป็นเพียงผู้ทำธุรกิจเงินกู้จากเกาหลีใต้ และมาใช้พัทยาเป็นที่ประสานงาน แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพฤติกรรมและหลักฐานที่พบ เข้าข่ายกระทำผิดในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างชัดเจน

การสืบสวนพบว่า กลุ่มนี้น่าจะเพิ่งย้ายฐานมาจากเขตชายแดนกัมพูชา ภายหลังการกวาดล้างอย่างเข้มข้นในพื้นที่ดังกล่าว โดยมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการใหม่ โดยเฉพาะพัทยาที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมและง่ายต่อการปกปิดตัวตน

คดีนี้ยังมีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ โดยพ่อของชายชาวเกาหลีรายหนึ่งที่ถูกลวงให้มาทำงานในไทย ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายขอให้โอนเงิน พร้อมอ้างว่าถูกควบคุมตัวอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พ่อเกิดความกังวลจึงประสานสถานทูต จนนำไปสู่การช่วยเหลือและการจับกุมครั้งใหญ่ในรอบหลายปี

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างละเอียด พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานและรอผลตรวจดีเอ็นเอ-ลายนิ้วมือจากกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตอกย้ำความชัดเจนว่าเครือข่ายนี้คือ “แก๊งหลอกลวงข้ามชาติ” ที่เคลื่อนไหวในรูปแบบแยบยลและแฝงตัวในบ้านพักหรูใจกลางเมืองท่องเที่ยว

เบื้องต้นตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ฐานลักลอบทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย และตรวจสอบเพิ่มเติมในข้อหา “อั้งยี่” พร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ถือวีซ่านักท่องเที่ยวแต่เข้ามากระทำผิด พร้อมเดินหน้าขยายผลเชื่อมโยงกับเครือข่ายต่างประเทศต่อไป.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...